ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 115

ตอนที่ 115 เยาะเย้ย

วันที่ยี่สิบสามเดือนสี่ ราชสำนักสืบความจริงอย่างละเอียดแล้วพบว่า หนิงอานอ๋องถูกใส่ความว่าเป็นไส้ศึกแคว้นหนานจ้าว ไม่ได้สบคบกับศัตรูขายชาติบ้านเมือง ในวันเดียวกันนั้นได้รับพระราชโองการเพื่อล้างมลทินให้แก่ หนิงอานอ๋อง พร้อมทั้งปล่อยตัวจากที่คุมขัง

ในวันเดียวกันฮ่องเต้ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งหมอเวินขึ้นเป็นหวงกุ้ยเฟย และยกเลิกคำสั่งกักตัวเซียวฮองเฮาพร้อมให้กลับคืนสู่ตำแหน่งฮองเฮา ควบคุมการจัดการกิจการงานของทั้งหกตำหนัก จัดเตรียมพิธีการแต่งตั้งหวงกุ้ยเฟย

พิธีแต่งตั้งอันยิ่งใหญ่ถูดกำหนดให้จัดขึ้นในวันที่สามของเดือนห้า

หลังจากที่หลี่เฉินเย่นได้ออกจากที่คุมขัง หลางเยว่เข้ามาเอ่ยกับเขาเบาๆ ว่า “ ชูเซี่ยเข้าวังไปแล้วพะย่ะคะ ฮ่องเต้ทรงพระราชทานแต่งตั้งเป็นหวงกุ้ยเฟยฮองเฮาไม่ได้ถูกปลดจากตำแหน่งแล้วพะย่ะคะ”

สายตาของหลี่เฉินเย่นเงียบขรึมลง เอ่ยอย่างโมโหว่า “จูเก๋อหมิงรู้ว่านางเข้าวังหรือไม่”

“ทราบพะย่ะคะ” หลางเยว่เอ่ยตอบ

สีหน้าของหลี่เฉินเย่นเงียบขรึมลง ห้อม้าทะยานตรงไปยังโรงแพทย์

ตามปกติแล้วทุกวันนี้โรงหมอไม่ได้เหมือนในอดีต มีผู้ป่วยเข้าแถวเรียงรอรับการรักษา ขณะที่จูเก๋อหมิงที่กำลังรักษาผู้ป่วย ก็มีเงาสีดำทะมึนพุ่งตรงมาที่เขา เขายังไม่ทันที่จะได้เงยหน้าขึ้นมอง ก็ถูกคนหิ้วตัวขึ้นมา ชกเข้าบนใบหน้าทันที เมื่อผู้ป่วยมากมายมองเห็นเกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้นก็ต่างพากันแตกตื่นหลีกหลบกัน

จูเก๋อหมิงมองเห็นใบหน้าของคนที่อยู่ด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยความโกรธ จึงเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เข้าไปคุยกันด้านใน”

หลี่เฉินเย่นจึงปล่อยเขาลง สายตาที่เปลี่ยนไปมองที่เขานั้นดีขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินย้อนกลับเข้าไปที่โถงด้านหลังที่เพิ่งเดินผ่านเข้ามา

จูเก๋อหมิงได้เอ่ยกับหมอที่นั่งอยู่ในห้องโถงเพียงไม่กี่ประโยค แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหลังท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน

หลี่เฉินเย่นได้ใจเย็นลงอย่างมากแล้ว หลายวันที่ถูกคุมขัอยู่ในคุก สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือผลลัพทธ์เช่นนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อในคุกหลวงมีการคุ้มกันที่แน่นหนา ไม่มีข่าวคราวใดๆ เล็ดรอดเข้าไป และก็ไม่มีข่าวคราวใดเล็ดรอดออกมาเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าเรื่องราวจะได้ถูกกำหนดขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน หน้านี้แล้ว แต่เขากลับเพิ่งทราบเรื่องราวในวันนี้

เขามองไปยังจูเก๋อหมิงแล้วเอ่ยอย่างโกรธเคืองว่า “ใยเจ้าถึงไม่ห้ามนาง?”

จูเก๋อหมิงมองกลับไปยังเขา คิดว่ามีบางส่วนที่น่าโกรธเคืองและน่าขบขัน เขามาเพื่อถามคำถามเช่นนี้กับตนหรือ? ที่ ชูเซี่ยไปนั้นก็เพื่อผู้ใด? เขาจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ห้าม? ห้ามนางได้อย่างงั้นหรือ? เพราะเจ้านางจึงเลือกที่จะไป ถ้าหากไม่ใช่เจ้า นางก็คงไม่ยอมเสียสละเช่นนี้”

“ข้าไม่ได้ต้องการให้นางทำเช่นนี้เพื่อข้า…”

จูเก๋อหมิงเอ่ยอย่างเย็นชาตัดบทเขาว่า “ใช่หรือ? เพียงแค่เจ้าแค่ไม่ยอมรับต่างหาก ว่า หากไม่ใช่เพราะนางวันนี้เจ้าก็ยังไม่ดีไม่ได้ออกมา แรกเริ่มเดิมทีแล้วเจ้าทราบอยู่ก่อนแล้วว่าพระชายาที่อยู่ในจวนผู้นั้นไม่ใช่ ชูเซี่ย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าประเมินสูงไปถึงความรู้สึกที่เจ้ามีต่อ ชูเซี่ย ส่วนที่นางเข้าวัง ความจริงแล้วข้าสามารถห้ามนาง แต่ว่าข้าไม่ทำเพราะข้ารู้ดีว่าเพื่อช่วยชีวิตของเจ้านางถึงเลือกที่จะไป และในใจของนาง เจ้าคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า ข้าไม่อยากให้เกิดสิ่งใดกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงยอมให้นางไป เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะตำหนิข้าหรือว่าตำหนินางเด็ดขาด”

หลี่เฉินเย่นคิดเพียงว่าจูเก๋อหมิงคนที่อยู่ด้านหน้าของเขาในตอนนี้นั้นคือคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เขาใช้สายตาที่ทั้งไม่พอใจและห่างเหินมองมาที่ตน เขารู้สึกว่าจูเก๋อหมิงนั้นช่างน่าเอ็นดูขึ้นมาขันขึ้นมาทันที ช่างน่าขันซะเหลือเกิน เขาจึงได้อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าข้าไม่มีวิธีอื่นที่จะปลีกตัวออกมา ทั้งหมดล้วนนี้ล้วนคือสิ่งที่คิด ทั้งหมดนี้ล้วนคือการที่เจ้าใช้สายตาของตนทำเรื่องราวทั้งหมดนี้ จูเก๋อหมิง เจ้าพูดว่าข้าคือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่เมื่อใดที่เจ้ายืนอยู่บนจุดนี้เช่นเดียวกันกับข้า เคยคิดเช่นข้าหรือไม่ ประโยดหนึ่งบอกเพื่อดีกับตัวข้า เจ้าจึงซ่อนตัว ชูเซี่ย ปลอมแปลงลายมือของ ชูเซี่ย แกล้งทำเหมือนข้าเป็นคนโง่ อีกประโยคหนึ่งก็บอกเพื่อดีกับข้าแต่สามเดือนมานี้ เจ้ามาที่จวนของข้าหลายครั้ง ไม่มีสักครั้งที่จะเอ่ยบอกกับข้าเรื่องร่องรอยการเคลื่อนไหวของ ชูเซี่ย อีกประโยคก็บอกเพื่อดีกับข้า เจ้าไม่แยแสที่ ชูเซี่ยต้องแต่งกับเสด็จพ่อของข้า เรื่องราวทั้งหมด เจ้าล้วนยืนอยู่บนจุดสูงในการกำหนดศีลธรรม ไม่เคยผิดเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยพิถีพิถัน เจ้าไม่เคยถามว่าข้าคิดอย่างไร เจ้าไม่เคยถามข้าว่าเป็นอย่างไร แม้แต่ในเรื่องนี้ เจ้าก็ไม่รู้เลยว่าข้ามีแผนการอื่นอีก วันนี้ข้ามาสอบถามเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก เจ้าคิดว่าเจ้าทุ่มเทอย่างสุดจิตสุดใจก็เพื่อคำนึงถึงข้า แต่เจ้าถามใจดูเถิดว่าเจ้าคำนึงถึงข้าจริงๆงั้นหรือ เจ้ารู้ใจตนเองดี ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่รู้ว่าข้าต้องการอะไร ส่วนที่เจ้าพูดสามเดือนที่ผ่านมานี้ ข้ารู้ดีว่า ชูเซี่ยอยู่กับเจ้าที่นี่ กลับไม่เข้าไปยุ่งไม่เอ่ยถาม แต่ข้าสามารถถามได้หรือไม่ ข้าสามารถเข้าไปยุ่งหรือไม่ ข้าระมัดระวังทั้งวันทั้งคืน อดกลั้นความคิดถึงในหัวใจเอาไว้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่ออะไรกัน เพื่อไม่ทำให้ร่องรอยของนางแดงออกมา แต่เจ้ากลับปล่อยให้นางเข้าวังไปอย่างง่ายดาย ที่ข้าทำมาสามเดือนนี้ ตนเองต้องอดทนกับการถูกทรมาณด้วยความคิดถึงและเจ็บปวดใจอย่างหนัก เพียงแค่ได้คิดถึงไม่สามารถพบหน้าคือเพื่อสิ่งใด สามเดือนนี้ข้าทำเพื่อวางแผนเตรียมป้องกันการคิดไม่ซื่อของเสด็จพ่อที่มีต่อข้า ก็เพื่อสิ่งใด ”

จูเก๋อหมิงรู้สึกงงงัน มองเขาอย่างตะลึงงัน ความเจ็บปวดที่วิ่งผ่านในหัวใจนั้นไม่สามารถอธิบายได้ ใช่แล้วแท้ที่จริงเขาอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป แม้ว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อดีต่อตัวเขา แต่เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าตนเองนั้นคือมีความคิดที่เห็นแก่ตัว เชาชอบพอ ชูเซี่ย เขาคิดว่าถึงอย่างไร ชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นก็ล้วนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แล้ว หากหลี่เฉินเย่นสามารถที่จะปล่อย ชูเซี่ยไปได้ ชูเซี่ยก็สามารถที่จะลืมหลี่เฉินเย่นได้ และวันเวลาที่พวกเขาอยู่ร่วมกัน ชูเซี่ยก็อาจมีความรู้สึกกับเขามาโดยตลอด เขารอคอยมาโดยตลอด สร้างฝันหวานขึ้นมาตลอดสามเดือน สุดท้ายกลับพบว่าตนเองไม่มีความสามารถที่จะปกป้อง ชูเซี่ย

ถ้าหากสามารถเลือกได้ เขาก็ยังยอมที่จะให้ ชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยหลี่เฉินเย่นก็คือคนที่นางรักอย่างลึกซึ้ง และอาจพูดไม่ได้ว่านางไม่ได้รักฮ่องเต้ เพียงพูดถึงลักษณะนิสัยของนาง ด้วยลักษณะนิสัยของนางทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในวังที่ลึกล้ำแห่งนั้น ช้าเร็วก็ต้องถูกคนสังหารเอาชีวิต

เขาถอนหายใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าอาจจะพูดถูก เป็นข้าที่คิดไปเองมากเกินไปว่าถูกต้อง”

สายตาของหลี่เฉินเย่นปรากฏร่องรอยของความไม่แน่ใจ สามเดือนมานี้ เพื่อป้องกันว่าเสด็จพ่อจะลงมือกับเขาเมื่อใด เขาลงมือไปมากมายเพื่อเตรียมตัว แม้ว่าการสมคบคิดกับศัตรูขายชาติบ้านเมืองครั้งนี้ที่ชื่อว่าเป็นบทลงโทษที่หนักที่สุดนี้นั้น เขาก็คิดหาหนทางเอาไว้แล้ว วันนี้แคว้นหนานจ้าวและแคว้นเหลียงได้เปิดศึกแล้ว ตอนที่ท่านแม่ทัพหลิวถูยังหนุ่มแน่นนั้นกล้าหาญก็จริง แต่ตอนนี้ล้วนอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ปีก่อนก็ล้มป่วยลง ความแข็งแรงของร่างกายไม่มีทางที่จะสามารถรับมือกับสงครามครั้งใหญ่เช่นนี้ได้ และทหารใต้การบังคับบัญชาของหลิวถูทั้งหมด เดิมทีก่อนหน้านี้ล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เพียงเมื่อถึงเวลานั้นหลิวถูไม่สามารถจัดการได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกส่วนก็สามารถส่งหนังสือขึ้นทราบทูลต่อราชสำนัก ขอร้องให้เขาเป็นแม่ทัพ เสด็จพ่อทราบดีว่าเขาไม่ได้สบคบคิดกับศัตรู ท้ายที่สุดแล้วเพื่อชนะสงคราม เขาจำเป็นต้องปล่อย การคิดคำนวณครั้งนี้คือกลยุทธ์หนึ่งของเขา

แต่ว่าไม่ร้ทำไมจูเก๋อหมิงและ ชูเซี่ย ทำให้เขาคิดว่ากลยุทธ์ที่ตนใช้เวลาอยู่นานคิดไว้นั้น ล้วนเป็นความสามารถที่เสียแรงเปล่า สุดท้ายแล้วเป็นเขาที่แสดงว่าอ่อนแอ่เกินไป หรือเป็นเพราะพวกเขาที่คิดว่าเขายังอายุน้อยต้องได้รับการคุ้มครองทุกอย่าง

ใจของเขานั้นเจ็บปวดอย่างมาก แม้ว่า ชูเซี่ยเข้าวังไปเพื่อช่วยเหลือเขา แต่ว่าในใจของเขากลับมีความโกรธเคืองต่อนาง ชั่วชีวิตนี้ของเขา คิดมาโดยตลอดว่าเข้าใจตนเองมากที่สุดคือจูเก๋อหมิงและนาง แต่ว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองคนนี้ ล้วนเลือกที่ใช้ทำลายวิธีการของเขาเพื่อปกป้องเขา วันนี้แม้ว่าเขาได้ออกมาจากคุกหลวง แต่มันจะมีความหมายอะไร

สุดท้ายหลี่เฉินเย่นมองยังจูเก๋อหมิงอย่างไม่วางตาแล้วเอ่ยว่า “อาจจะเป็นข้าที่เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป” พูดจบ เขาสะบัดชายเสื้ออย่างโกรธเคืองแล้วจากไป

จูเก๋อหมิงปิดดวงตาลงอย่างช้า ๆ เขาจำเป็นต้องยอมรับ นั่นก็คือที่เขาปฏิบัติต่อ ชูเซี่ยนั้นไม่สามารถนำความคิดเห็นที่เห็นแก่ตัวที่มีของตนลงไปด้วย ทุก ๆ ครั้งล้วนเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ในใจของเขากักเก็บความคิดถึงคนึงหาไว้สักนิด ชูเซี่ยก็ยังอาจจะประสบพบเจอเรื่องราวบางสิ่งที่เลวร้ายก็เป็นได้ ท่านนักบวชพูดว่า ชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วในอดีตชาติพวกเขาคือมีไมตรีจิตต่อกัน เขาทำเช่นนี้ต้องขอโทษต่อเพื่อนและก็ ชูเซี่ย

ผู้คนมากมายล้วนรู้ว่าจูเก๋อหมิงคือคนดี แต่ใครจะรู้ว่าเขาเคยมีจิตใจที่เลวทรามต่ำช้าเช่นไรมาก่อนบ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า