ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 116

ตอนที่ 116 ขาดแค่ก้าวเดียว

ยามพลบค่ำ หลี่เฉินเย่นพา เฉินอวี่จู๋เข้าวังขอบพระทัย

ฮ่องเต้กำลังจัดงานเลี้ยงอยู่ในตำหนักเจิงหยาง ท่าน เจิ้นหยวนอ๋องอย่าง หลี่อวิ่นกังก็พาทั้งครอบครัวเข้ามาในวังด้วยเช่นกัน

ยังมีฮองเฮา หลิงกุ้ยเฟย หรงเฟยและฉินเฟยที่คอยอยู่เป็นเพื่อน ย่อมจะต้องมีท่านอ๋องเก้าและราชครูอย่างแน่นอน เดิมที ชูเซี่ยไม่คิดที่จะออกมาเข้าร่วม แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นการเข้าวังเพื่อขอบพระทัย แต่ความจริงแล้วฮ่องเต้มีแผนการอะไร ทุกคนล้วนกินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง คืนนี้เพียงนางหรือว่าหลี่เฉินเย่นแสดงความรู้สึกที่ผิดปกติใดๆออกมา ฮ่องเต้ล้วนสามารถก่อปัญหาขึ้นมาให้ถูกลงโทษได้

แยกจากกันมานานกว่าสามเดือนแล้ว นางยังบอกตนเองว่าห้ามทำสีหน้าที่ไม่ปกติอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้างกายเขามี เฉินอวี่จู๋หญิงสาวที่เหมือนกับหลิวหยิงหลงอย่างมากคนนั้น

และนางเชื่อว่าเขาก็คงทำใจให้มั่นคงไม่แปรเปลี่ยนไม่ได้ เพราะตอนนี้นางถูกมองอยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าหวงกุ้ยเฟย แม้ว่ายังไม่ได้มีพิธีการแต่งตั้งอย่างเป็นอย่างการก็ตาม แต่ผู้คนใต้บังคับบัญชาล้วนเรียกขานางเช่นนี้แล้ว

แต่ว่าฮ่องเต้กลับไม่อนุญาตไม่ให้นางไม่เข้าร่วมงานครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้ส่งคนมาบอกกล่าวแก่นางให้รับทราบแล้ว และส่งชุดกระโปรงที่สวมใส่ในวังที่มีเนื้อผ้านุ่มลื่นมาหนึ่งชุด พร้อมกับชุดพิธีการและหมวกสำหรับสวมที่ล้ำค่าประดับด้วยหงส์ทองแปดตัวด็เจิดจ้าท้าดวงตะวันของหวงกุ้ยเฟย ความหมายคือนางต้องแต่งกายให้ดูดีสง่างาม

นางอยู่ในตำหนักเซียะหลานมองไปยังกองเครื่องประดับและเสื้อผ้า ในใจก่อเกิดเบื่อหน่ายอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ด้านนอกของ ชูเซี่ยคล้ายกับตะวันยามสายัณห์ที่ยาวนานเหลือเกิน วันเวลาที่อยู่ในตำหนัก จากกลางวันถึงกลางคืนล้วนไม่มีความหวัง เพียงใช้ชีวิตอย่างศพเดินได้เนื้อเดินได้เช่นนั้น และฝีมือด้านการแพทย์ทั้งหมดที่นางได้ร่ำเรียนมา ไม่มีประโยชน์อันใดเลยสักนิด นางในตอนนี้ก็เหมือนกับคนพิการคนหนึ่ง

อยากหนีจากพระราชวังแห่งนี้ นางในตอนนี้พูดได้เลยว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายดายมาก แต่ว่านางไม่เลือกที่จะหลบหนีไป ก็เพราะว่าในใจยังคงมีความห่วงใย นางจึงจำเป็นต้องทำเหมือนมองไม่เห็นหลี่เฉินเย่นให้ได้ ให้ฮ่องเต้เชื่อว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆต่อกันอีกแล้ว เมื่อถึงเวลาที่นางจากไป ฮ่องเต้ก็ไม่อาจที่จะลงโทษกับหลี่เฉินเย่นได้อีก

ความรู้สึกของนางและหลี่เฉินเย่น ในมุมมองของฮ่องเต้คือความผิดตั้งแต่เริ่มต้น และเขายืนกรานต้องการให้ตนเข้าวัง เพียงกลัวว่านั้นจะใช้ตนมาชักจูงหลี่เฉินเย่นได้ อย่างน้อยมีนางอยู่ในวังตอนนี้ หลี่เฉินเย่นก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรที่พลีพลาม

ขัดแย้งกับผู้คนมากมายเสียจริง ทั้งที่เขาไม่ได้หวังว่าหลี่เฉินเย่นกับตนจะยังเด็ดบัวยังเหลือใย แต่กลับต้องทำให้พวกเขาเหนี่ยวยั้งกันเอาไว้ หัวใขของ ชูเซี่ยได้แต่ถอนใจออกมาอย่างเงียบๆ นำชุดฮั่วฟูที่อยู่ด้านข้างขึ้นสวมใส่ แล้วพูดกับนางข้าหลวงชิงหลันว่า “เปลี่ยนเป็นอีกชุดเถอะ ข้าไม่อยากสวมชุดนี้”

ชิงหลันเอ่ยอย่างกังวลว่า “แต่ชุดนี้คือชุดที่ฝ่าบาทให้คนนำส่งมานะเพคะ หากว่าหวงกุ้ยเฟยไม่สวมใส่ กลัวว่าฮ่องเต้จะลงอาญานะเพคะ”

ชูเซี่ยเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “หากอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ ข้าไม่มีอิสระแม้ที่จะเลือกสวมใส่เสื้อผ้าด้วยตนเอง ข้ามีชีวิตอยู่ยังจะมีความหมายอันใด ทำตามที่ข้าบอกเถิด เกิดเรื่องอันใดข้ารับผิดชอบเอง ”

ชิงหลันจึงทำได้เพียงทำตามที่นางสั่งไปที่ตู้เสื้อผ้านำชุดผ้าซาตินสีฟ้าที่นางได้สวมใส่เมื่อวันก่อนออกมา ซูเชี่ยเลือกเสื้อผ้าด้วยตนเอง เดินเข้าไปด้านหลังฉากบังแล้วลงมือเปลี่ยนชุดที่สวมใส่ หลังจากนั้นเลือกปิ่นปักผมสีมรกตขึ้นมาหนึ่งอันปักลงบนศีรษะ ปิ่นปักผมอันก่อนหน้านี้นี้ได้หล่นหายไป ปิ่นอันนี้เป็นปิ่นที่นางใช้ของตนซื้อมาจากในตลาดนัดราคาสามสิบเหรียญ

ชิงหลันมองนางแล้วเอ่ยว่า “หวงกุ้ยเฟยแบบนี้ไม่ดูธรรมดาเกินไปหรือเพคะ”

ในวังหลังแห่งนี้ มีผินเฟยผู้ใดสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูล้ำค่าหรูหราเช่นนี้หรือไม่ แล้วโอกาสที่โฮ่วเฟยจะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ไม่ใช่จะมีทุกครั้ง สามารถร่วมเสวยกับฮ่องเต้ ล้วนจะต้องพยายามทำทุกอย่างแน่นอน แต่งกายสวยงามราวกับเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ แต่เจ้านายของนางผู้นี้ แตกต่างกับผู้อื่นเสียจริง แม้ทำเช่นนี้จะดี แต่วันเวลาของการต่อสู้ในวังหลังเพื่อความโปรดปรานนั้นยาวนานและไม่มีวันสิ้นสุดนั้นจะสามารถต่อสู้ได้ถึงเมื่อไหร่กัน วิธีที่ใช้ในการแย่งชิงความโปรดปรานมักจะต้องสูญเสียคนที่อยู่รอบตัวของพวกนางไป หากไม่ได้มีเรื่องกับผู้ใด ก็คงใช้ชีวิตได้อย่างที่สงบสุข

ฮองเฮาทรงสวมเสื้อคลุมลายหงส์ที่เป็นชุดพิธีการของฮองเฮาดูสูงส่งสง่างามไร้ที่ติ ชูเซี่ยมองออกตั้งแต่ไกลๆ ตัวนางนั้นนั่งอย่างเฉยเมยอยู่ข้างกายของฮ่องเต้ ลักษณะท่าทางนั้นมองไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ เลย มือทั้งสองข้างวางทับซ้อนกันไว้ที่หัวเข่า มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนนุ่นนวล

นี่เป็นครั้งแรกที่พบกับฮองเฮา หลังจากที่ ชูเซี่ยได้เขาวังมา นางไม่ได้พบหน้าฮองเฮา เพราะนางทราบดีว่าเมื่อก่อนฮองเฮาถูกกักบริเวณกระทั่งอีกนิดเดียวก็จะถูกปลดจากตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะนาง และฮองเฮาคือคนที่นางเคารพและเลื่อมใสมากที่สุดคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮองเฮาก็คือฮองเฮาเช่นเดิม แต่ในใจของนางชื่อเสียงของตนคงจะฉาวโฉ่ไปแล้ว เป็นสตรที่เคยได้รับความอัปยศอย่างนั้น วันนี้นั่งอยู่ข้างกายบุรุษที่ไร้รักและเยื่อใยผู้นั้น กลับไม่ได้แสดงความคับแค้นใจที่มีออกมา พร้อมทั้งยังดูน่านับถือใจกว้าง เปลี่ยนเป็นตนนางคงทำเช่นนั้นออกมาไม่ได้เด็ดขาด

ข้างกายของฮองเฮา คือหลิงกุ้ยเฟย หรงเฟยและฉินเฟยตามลำดับ ส่วนอ๋องเก้านั่งอยู่ด้านข้างของฉินเฟย ใกล้กันนั้นคือราชครู

คู่ของหลี่เฉินเย่นและพระชายายังมาไม่ถึง คู่ของท่าน เจิ้นหยวนอ๋องและพระชายาพร้อมกับอานเหยียนนั่งอยู่ด้านตรงข้ามกับอ๋องเก้า ด้านข้างของเขามีตำแหน่งเว้นว่างไว้สองตำแหน่ง คิดว่าสำหรับหลี่เฉินเย่นและพระชายา

ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมอง ชูเซี่ย ขมวดคิ้วขึ้นคล้ายกับว่าไม่ค่อยพอพระทัยกับเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงเอ่ยทักทายอย่างราบเรียบว่า “มาแล้วหรือ มานั่งที่ข้างๆ ข้าสิ”

ชูเซี่ยเดินเข้าไป ย่อการคารวะ “ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮา ถวายบังคมหรงเฟย....”

“พอแล้ว นั่งลงเถิด” เมื่อฮ่องเต้เห็นนางแสดงคารวะทีละคน จึงไม่พอใจเล็กน้อย “ตอนนี้เจ้าคือหวงกุ้ยเฟย ตอนนี้ให้พวกนางแสดงความเคารพต่อเจ้าถึงจะถูกต้อง”

เมื่อหลิงกุ้ยเฟย หรงเฟยและฉินเฟยได้ฟังเช่นนั้น ก็สบตากับแวบหนึ่งแล้วรีบลุกขึ้นออกมาจากที่นั่ง “หม่อมฉันถวายบังคมหวงกุ้ยเฟยเพคะ”

ชูเซี่ยยืนอยู่อย่างเก้อเขิน ไม่รู้ว่าจะตอบกลับเช่นไร

เมื่อฮองเฮาเห็นท่าทางเช่นนั้น จึงหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “พอแล้ว ล้วนเป็นพี่น้องคนกันเอง ไม่ต้องมากพิธี ล้วนนั่งลงกันซะเถิด”

เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้งสามคนจึงนั่งลง ชูเซี่ยก็ไม่มีทางเลือกจึงเข้าประจำที่นั่งของตน สายตาของนางเผชิญหน้ากับอ๋องเก้า อ๋องเก้ากระวนกระวายมองยังนาง สีหน้าที่ดูนิ่งเฉยเล็กน้อยของนางนั้นทำให้เขามีแววตาที่ดูผ่อนคลาย

ถึงเวลานี้ฮ่องเต้ก็ทรงไว้วางพระทัยราชครู งานเลี้ยงของพระราชวงศ์ก็ยังต้องให้เขาคอยติดตามอยู่ด้านข้าง แสดงว่าตอนนี้ราชครูพูดสิ่งใด เขาล้วนเชื่อฟังปฏิบัติตามแล้ว

ชูเซี่ยเพิ่งนั่งลง หลี่เฉินเย่นและพระชายาก็มาถึง

แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผินเฟยทุกท่านพบเจอกับ เฉินอวี่จู๋ แต่ว่าวันนี้ เฉินอวี่จู๋สวมใส่กระโปรงยาวลวดลายคล้ายดอกกล้วยไม้ ปักปิ่นหยกขาวลงบนผมทรงมวยตกหลังม้า ที่มีรูปร่างคล้ายหางของหงส์ที่ฝังประดับลงไปด้วยมรกตดูล้ำค่า มองไกลๆ เช่นนี้เหมือนกับหลิวหยิงหลงแทบจะแปดเก้าส่วนเลยที่เดียว แม้แต่การแต่งกายก็ล้วนเหมือนนางราวกับแกะ

ตอนนี้เหลือที่นั่งว่างเพียงสองตำแหน่ง คือใกล้กับ ชูเซี่ยและ เจิ้นหยวนอ๋อง

หลังหลี่เฉินเย่นพา เฉินอวี่จู๋ทำการคารวะแล้วเสร็จ ก็ให้ เฉินอวี่จู๋นั่งลงใกล้กับ ชูเซี่ย และเขานั่งลงที่ด้านข้าง ใกล้ชิดกับ เจิ้นหยวนอ๋อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า