ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 118

ตอนที่ 118 กลับมาด้วยความชัยชนะ

ฮองเฮาใช้สายตามองไปยังหรงเฟย หรงเฟยทรงเข้าใจจึงลุกขึ้นโอบกอดอันหลัย เอ่ยกับฮ่องเต้ว่า “ฝ่าบาทเพคะ อย่างนั้นคืนนี้ไปค้างที่ตำหนักของหม่อมฉันใช่หรือไม่เพคะ ฝ่าบาททรงให้อานเหยียนอยู่ในวัง แค่คืนแรกก็คงร้องไห้เสียงดังเป็นแน่เพคะ ฝ่าบาทซึ่งเป็นเสด็จปู่ย่อมมิอาจเพิกเฉยได้ ”

ฮ่องเต้ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา ฮองเฮาก็หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “หรงเฟย เจ้าวางใจเถิด ฝ่าบาททรงรักใคร่เอ็ดดูอานเหยียน คงทำใจไม่ได้หากอานเหยียนร้องไห้เสียใจหรอก ใช่หรือไม่เพคะฝ่าบาท ” นางหันหน้าที่มีรอยยิ้มมองฮ่องเต้

จุดประสงค์ของฮ่องเต้ในค่ำคืนนี้ล้วนสำเร็จแล้ว ในใจล้วนมีความสุขอย่างมาก เมื่อฟังคำพูดของหรงเฟยและฮองเฮาก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้ง ยกยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ได้ คืนนี้ข้าจะเป็นคนดูแลอานเหยียนอันเอง”

เสี่ยวเต๋อจื่อรีบตะโกนขึ้นว่า “เตรียมรถม้าไปที่ตำหนักซูหยาง”

หรงเฟยอุ้มอานเหยียนเดินออกไปพร้อมกับฮ่องเต้อย่างเบิกบานใจ ทุกคนจึงลุกคนส่ง หลินกุ้ยเฟยและซินเฟยก็ลุกจากที่นั่งประจำตำแหน่ง ละครฉากนี้พวกนางสองคนเป็นเพียงผู้ชม และไม่สามารถดูว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ทำเพียงเป็นฉากงานเลี้ยงของครอบครัวธรรมดา

หลี่เฉินเย่นรอให้ทุกผู้คนจากไป สายตาก็มองยังใบหน้าของ ชูเซี่ย ชูเซี่ยก็มองไปที่เขาเช่นกัน คนสองคนมองสบสายตากันไม่มีคำพูดใดเอ่ยเอ่ยออกมา

ฮองเฮาเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็เอ่ยกับ เฉินอวี่จู๋ว่า “อวี่จู๋ เจ้าติดตามข้าไปที่ตำหนักจาวหยาง ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับเจ้า”

เฉินอวี่จู๋จึงรีบลุกขั้น เอ่ยรับว่า “เพคะ”

ฮองเฮาเอ่ยกับหลี่เฉินเย่นว่า “เจ้ารออยู่ที่นี่เถอะ ห้ามเดินสะเปะสะปะไปทั่ว เฉินอวี่จู๋จะได้ไม่หาเจ้าไม่พบ”

หลี่เฉินเย่นเอ่ยว่า “ลูก ท่านอาและเสด็จพี่จะดื่มกันต่ออีกสักหน่อย เสด็จแม่เชิญเสด็จเถิดพะย่ะคะ”

ฮองเฮาอืมรับคำ มองที่ ชูเซี่ย สายตาอ้อนวอนนั้นแฝงไปด้วยความคลุมเครือบางส่วน ชูเซี่ยเข้าใจความหมายของนาง ฮองเฮาต้องการให้นางเยียวยาความไม่สมัครใจและโมโหของเขา นำอารมณ์ที่มีในตอนนี้ออกรบ ซึ่งง่ายที่จะไตร่ตรองผิดพลาดได้ เมื่อถึงตอนที่รบชนะ เขาสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่ก็มิอาจทราบได้ ในใจของนางจึงถูกกรีดด้วยความเจ็บปวด คนผู้นี้เหมือนกับแม่ของตนเลยทีเดียว เพื่อหลี่เฉินเย่น พูดได้ว่าลงแรงความคิดมากมาย ไม่ขอให้เขาขึ้นถึงจุดสูงสุด กลับหวังให้เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยไร้การเจ็บป่วย ครึ่งชีวิตต่อจากนี้สงบสุขเบิกบานใจ

ฮองเฮาและ เฉินอวี่จู๋เดินจากไปพร้อมกัน หลี่เฉินเหยียนจึงรวมความสนใจไปที่ ชูเซี่ย รีบเอ่ยถามว่า “เขาสร้างความยุ่งยากให้แก่เจ้าหรือไม่ เจ้าอยู่ในวังมีความสุขใช่หรือไม่”

ชูเซี่ยจ้องมองเขา แสงเทียนที่สะท้อนมาทำให้ว่าใบหน้าของเขามีอารมณ์ที่หลากหลายทั้งร้อนรน กระวนกระวาย ปวดร้าวใจ เห็นอกเห็นใจ ไม่เต็มใจมากมาย ล้วนประทับลงในใจของนางอย่างรุนแรง นางเอ่ยเบาๆ ว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้ามีวิธีปกป้องตนเองของข้า เจ้าออกรบครั้งนี้ จะต้องปลอดภัยกลับมาเท่านั้น”

หลี่เฉินเย่นเอ่ยอย่างทุกข์ใจว่า “ตอนนี้เขาอยากให้ข้าและเสด็จพี่ออกจากเมืองหลวง ข้างกายของเจ้าจะได้ไม่มีคนให้พึ่งพา ถ้าเกิดเรื่องขึ้น ใครจะสามารถช่วยเจ้าได้ ข้าไม่วางใจ ไปครั้งนี้เป็นห่วงอย่างมากว่า... ”

ชูเซี่ยเอ่ยขึ้นเพื่อหยุดคำพูดของเขาว่า “ไม่จำเป็นต้องห่วงข้า ข้าเคยพูดไปแล้วว่าข้ามีวิธีปกป้องตนเอง อีกอย่างเจ้าออกรบกับ เจิ้นหยวนอ๋อง ยังมีอ๋องเก้าที่อยู่ที่นี่ หากพึ่งพาไม่ได้ ก็ยังมีฮองเฮามองอยู่ วางใจเถอะ วันนี้เขามองว่าข้าเป็นหญิงที่สูงค่า ไม่ใช้กำลังบีบบังคับข้าหรอก ข้าเป็นคนที่ทำหน้าที่เพียงรับผิดชอบตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยนี้เท่านั้น ”

หลี่เฉินเย่นเอ่ยอย่างโกรธเคืองว่า “เป็นหวงกุ้ยเฟยเพียงในตำแหน่ง เขาอาศัยอะไรถึงทำเช่นนี้ได้”

ชูเซี่ยเอ่ยด้วยท่าทางที่สงบว่า “อาศัยที่ตอนนี้เขาคือฮ่องเต้ที่ถ่อมตัว เจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นจึงจะสามารถปกป้องตนเองได้ เขาไม่เพียงแต่เป็นบิดาของเจ้า ยังเป็นจักรพรรดิ ไม่ว่าด้วยสถานะของบิดานั้นมีเมตตาเพียงไร แต่ถ้าเกี่ยวข้องถึงอำนาจจักรพรรดิ ความเมตาที่มีก็อาจถูกปกคลุมไปได้ ถ้าหากเจ้าแข็งแกร่งไม่มากพอ วันข้างหน้าก็อาจเกิดเรื่องราวที่เหมือนกับในวันนี้ขึ้นอีก”

หลี่เฉินเย่นจึงคิดบางอย่างขึ้นมาได้ในใจ วันนี้ได้ฟัง ชูเซี่ยพูดเช่นนี้ ต้นกล้าเติบโตได้รวดเร็วเมื่อลงสู่พื้นดินแล้วแตกรากแล้วกิ่งและใบยังเจริญงอกงาม เขาเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่คือครั้งสุดท้าย ข้ารับประกัน”

อ๋องเก้าที่ฟังทั้งสองคนพูดคุยอยู่ตลอดเวลา สายตากลับมองไปรอบๆ ทุกทิศทาง เมื่อเขามองเห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่หลังต้นดอกกุ้ยหัว จึงรีบลุกยืนขึ้นพร้อมเอ่ยว่า “เอาละ ล้วนแยกย้ายกันไปเถอะ คืนนี้ดื่มไปพอสมควรแล้วละ ”

เขาพูดไป พร้อมทั้งส่งสายตาตักเตือนไปยังหลี่เฉินเย่น

หลี่เฉินเย่นเข้าใจทันที เขาพยักหน้าพร้อมกับส่งสายตากลับไปยัง ชูเซี่ย คำพูดมากมายถูกจำกัดอยู่ในสายตานี้

ค่ำคืนนี้ ชูเซี่ยนอนไม่หลับทั้งคืน

เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ฝนก็เริ่มตกประปรายลงมา ค่อยๆ แรงขึ้น เสียงฝนนั้นช่างให้ความรู้สึกที่แจ่มใส จากเสียงติต๊ะติต๊ะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงซ่าซ่า นางนอนไม่หลับจึงพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ในหัวก็คิดไปคิดมาถึงสายตาของหลี่เฉินเย่นที่จนใจก่อนจากกันนั้น

เชียนซานได้เข้าวังมาตั้งแต่เช้ามืด ชูเซี่ยหยิบกริชออกมา มอบให้กับเชียนซานพร้อมเอ่ยว่า “วันนี้เขาออกรบ เจ้าไปส่งเขา นำกริชเล่มนี้มอบให้กับเขา จักต้องพูดกับเขาว่าต้องกลับมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น”

เชียนซานรับคำสั่งแล้วจากไป

กองทัพใหญ่พร้อมออกเดินทาง ผู้นำทัพสองท่านล้วนนำพาความไม่เป็นธรรมไม่เต็มใจที่พูดออกมาไม่ได้และไม่ออกจากเมืองหลวงออกเดินทางไปด้วย หลี่อวิ่นกังไม่มีวิธีอื่นใด เพราะอานเหยียนอยู่ในวัง จึงออกไปก่อน หากมีความผิดพลาดใดเกิดขึ้น เขาล้วนต้องสูญเสียบุตรชายของตนไป

หลี่เฉินเย่นเปลี่ยนเป็นต้องชนะแพ้ไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้เขามีประสบการณ์ไม่มากพอ เพียงสามารถผ่านบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้เพื่อปูเส้นทางของตนเอง ทีละนิดทีละนิดให้ตนเองเติบโตเข้มแข็ง เขารู้ดีว่าศึกนี้ต้องรบชนะกลับมา จึงจะเพียงพอต่อการที่เขาจะได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักทั้งบนและล่างรวมถึงราษฎร แม้ว่าสิ่งที่เขาต้องการจะไม่ใช่สิ่งนี้ แต่สิ่งเหล่านี้กลับมากพอที่จะทำให้อนาคตของเขาอยู่อย่างมีข้อได้เปรียบที่จะไม่ทำให้พ่ายแพ้ผู้ใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า