ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 125

ตอนที่ 125 อ่อนแอ

หลังจากที่ฉ่ายเวินกลับไปแล้ว ชูเซี่ยก็ค่อยๆเปิดจดหมายออกมาอ่าน เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า ‘ชาตินี้คงไร้วาสนาต่อกัน ลาก่อน!’

ชูเซี่ยจัดการเผาจดหมายฉบับนี้ทันทีที่อ่านจบ นางค่อยๆมองดูจดหมายที่ถูกเผากลายเป็นกองไฟย่อมๆ เชียนซานที่ยืนอยู่ด้านหลังนางเมื่อเห็นก็นิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างโมโห “หมายความว่าอย่างไรกัน เขาหมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ นี่เขาจะทิ้งท่านหรือเจ้าคะ”

ดวงตาของชูเซี่ยทอประกายเย็นเฉียบ “นี่ไม่ใช่ลายมือของเขา แม้ว่าตัวอักษรจะเหมือนมาก แม้จะพยายามปลอมมากเพียงใดก็มีข้อบกพร่องอยู่ดี!”

เชียนซานนิ่งไป “หากไม่ใช่ท่านอ๋องเขียนแล้วผู้ใดเขียนกันเล่า”

ชูเซี่ยลุกขึ้นเดินไปล้างมือจากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “น่าจะเป็นฝีมือฉ่ายเวิน!”

เชียนซานไม่เข้าใจเลยสักนิด “แล้วทำไมนางจึงเขียนเช่นนี้ล่ะเจ้าค่ะ หรือท่านอ๋องเป็นคนสั่งให้นางเขียนเช่นนี้”

ใบหน้าหวานของชูเซี่ยฉายแววยุ่งยากเล็กน้อย “หลี่เฉินเย่นน่าจะฝากนางส่งจดหมายมาให้ข้า แต่นางคงแอบอ่านจดหมานแล้วจัดการทำลายทิ้งไปแล้วแน่ จากนั้นก็เขียนจดหมายฉบับใหม่มอบให้ข้า ยามนี้ข้าถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในตำหนักอย่างไม่มีกำหนด นางคงคิดว่าโอกาสที่ข้าจะพบหลี่เฉินเย่นแทบจะไม่มีจึงได้ส่งปลอมจดหมายฉบับนี้ส่งให้ข้า เหตุผลที่ทำเช่นนั้นก็คงไม่พ้นเหตุผลสองข้อนี้ คือหนึ่ง นางชอบหลี่เฉินเย่น ข้อสองนางกลัวว่าข้าจะทำให้หลี่เฉินเย่นต้องพบความลำบากไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะข้อใดเจตนาของนางก็คือให้ข้าออกไปพ้นๆจากชีวิตเขาเสียอย่าได้เกี่ยวข้องใดๆกันอีก”

เชียนซานได้ฟังเหตุผลสองข้อนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “นางชอบท่านอ๋อง? การที่นางชอบท่านอ๋องก็สามารถปลอมจดหมายเช่นนี้มาให้ท่านได้อย่างนั้นหรือ อีกอย่างท่านอ๋องเองก็ไม่ได้ชอบนางเสียหน่อย นางปลอมจดหมายเช่นนี้แล้วจะได้อะไร จดหมายฉบับนั้นที่ท่านอ๋องเขียนมาจะมีเนื้อความสำคัญอะไรหรือไม่พวกเราก็ไม่รู้”

ชูเซี่ยส่ายหน้า “วางใจเถิด คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนักหรอก หากว่าสำคัญมากจริงๆเขาก็คงหาวิธีมาพบข้าด้วยตนเองแน่ อีกอย่างตอนนี้พวกเราก็เคลื่อนไหวอะไรมากไม่ได้ทำได้เพียงแค่รอดูอยู่เฉยๆเท่านั้น ดังนั้นข้าก็เชื่อว่าเฉินเย่นคงไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามจนฝ่าบาททรงสงสัยหรอก!”

เชียนซานมองชูเซี่ยด้วยความเคารพนับถือเต็มหัวใจก่อนจะเอ่ยปากชื่นชมนายหญิงของตน “นายหญิง ข้ารู้สึกไปเองหรือไม่เจ้าคะว่าท่านฉลาดและเจ้าแผนการณ์กว่าเมื่อก่อนมากนัก”

รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้าของชูเซี่ย นางเอื้อมมือไปดึงมือบางของเชียนซานไว้ก่อนจะแผ่มือของอีกฝ่ายให้แบมือไว้ จู่ๆมือของนางก็ปรากฎลูกท้อลูกหนึ่งวางอยู่บนนั้น เชียนซานมองลูกท้อในมืออย่างตื่นตะลึงจากนั้นหญิงสาวก็นำมันเข้าปากออกแรงกัดไปหนึ่งคำโต แต่กลับได้ยินเพียงเสียงกึก นางไม่ได้กัดโดนผลรู้ท้อแม้แต่น้อย แต่ฟันของนางกลับกระทบกับอะไรบางอย่างจนแทบจะหัก!

เชียนซานรีบพ่นของในปากออกมาจนมันกลิ้งลงกับพื้นแต่เสียงของสิ่งของที่กระทบลงพื้นกลับเป็นเสียงดังแปลกๆ เมื่อนางก้มลงมองก็ถึงกับนิ่งงันไป บนพื้นแทนที่จะเป็นผลท้อนอนกลิ้งอยู่กลับกลายเป็นเพียงก้อนเงินก้อนหนึ่ง

นางมองชูเซี่ยอย่างตกตะลึง ชูเซี่ยเองก็ยิ้มขำ “สาวน้อยที่โง่งมของข้า ตกใจมากเลยหรือ นี่เป็นวิชาภาพลวงตาอย่างไรเล่า”

เชียนซานส่ายหน้าก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทึ่งๆ “นี่มันน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว นายหญิง ท่านไปเรียนมาจากที่ใดกันเจ้าคะ” ชูเซี่ยยิ้มกว้างให้เชียนซานก่อนจะอ้าปากตอบ “เรียนกับลาน่ะ เจ้าต้องเปิดกว้างขึ้นและพยายามเรียนรู้จากมัน มันก็จะสอนเจ้าเอง”

“จริงหรือเจ้าคะ” เชียนซานมองนางอย่างประหลดใจระคนสงสัย “นายหญิงท่านคงไม่ได้หลอกลวงข้ากระมัง ลาน่ะหรือจะมีวิชาภาพลวงตาได้ ถ้าเช่นนั้นนายท่านเหมาลาของท่านก็ใช้ภาพลวงตาได้เช่นกันงั้นหรือเจ้าคะ”

“จริงเสียยิ่งกว่าจริง!” ชูเซี่ยชูไม้ชูมือประกอบ

เชียนซานรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่ง “ไม่อาจดูแต่ภายนอกได้จริงๆ ที่แท้ก็เป็นถึงเทพลา ถ้าเช่นนั้นข้าจะรีบไปหานายท่านเหมา ให้เขารีบสอนข้า!”

ชูเซี่ยรีบดึงมือของเขาไว้ทั้งยังผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกนะ เจ้าจะต้องทำดีกับเขาทำให้เขาชอบเจ้าสนิทใจกับเจ้า แล้วสุดท้ายเขาก็จะสอนวิชาแก่เจ้าเอง”

“ถ้าอย่างนั้นต้องทำเช่นไรถึงจะเรียกว่าดีเล่า ทุกวันข้าก็เป็นคนป้อนหญ้าเขาเองกับมือแท้ๆ” เชียนซานรีบเอ่ยขอคำแนะนำอย่างกระตือรือร้น

ชูเซี่ยจึงเอ่ยตอบ “เมื่อก่อนข้ามักจะพามันออกไปเดินเล่นอยู่เสมอ เอาเช่นนี้สิ ตั้งแต่นี้ไปทุกวันเจ้าก็พานายท่านเหมาออกไปเดินเล่นที่อุทธยานหลวงสักรอบหนึ่ง มันอยากเดินไปไหนเจ้าก็ให้มันไป เจ้าแค่เดินตามหลังอย่าให้คลาดสายตา

เป็นพอ แค่ให้มันได้เดินไปมาอย่างอิสระก็พอแล้ว!”

“ให้นายท่านเหมาออกไปเดินข้างนอกหรือเจ้าคะ ท่านไม่กลัวฮ่องเต้จะทรงลงอาญาหรือ” เชียนซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว

“หากฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยเจ้าก็ทูลแก่ฝ่าบาทว่าเป็นความต้องการของข้าก็แล้วกัน แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ชอบพระทัยก็ไม่กล้าขัดข้าหรอก อ่อ จริงสิ นายท่านเหมาชอบไปเดินเล่นที่สวนทางทิศเหนือที่สุด เจ้าก็พามันไปเดินเล่นที่นั่นก็แล้วกันนะ” ชูเซี่ยเอ่ยกำชับ

“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะพานายท่านเหมาไปเดินเล่นที่นั่น” เชียนซานรู้สึกสนใจในวิชาภาพลวงตาอย่างมาก นางตั้งใจจะเรียนมันให้ได้

ด้วยประการฉะนี้ในทุกๆวันเชียนซานจะพานายท่านเหมาออกไปเดินเล่นที่อุทธยานหลวงทางทิศเหนือเสมอหรือก็คือที่ตั้งของหอดูดาวของท่านราชครูด้วยนั่นเอง บริเวณนั้นนอกจากที่ตั้งหอดูดาวแล้วก็ไม่มีองครักษ์หรือนางสนมอาศัยบริเวณนั้นเลยแม้แต่คนเดียว เดิมทีท่านราชครูก็มาที่นี้น้อยครั้งจนแทบจะไม่ได้มาด้วยซ้ำ แต่ทว่าระยะนี้ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ท่านราชครูคอยพำนักอยู่ที่วังเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เรียกเขาเข้าเฝ้าได้ตลอดเวลา!

อาการป่วยของเฉินอวี่จู๋ยิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้น จนหลี่เฉินเย่นต้องรีบเชิญจูเก๋อหมิงมารักษานางถึงจวนอ๋อง

แต่ทว่าเมื่อจูเก๋อหมิงมาตรวจอาการของนางแล้วเขาก็ไม่อาจวินิจฉันได้ว่านางเป็นโรคอะไรกันแน่ ผลวินิจฉัยของเขาก็เหมือนกับท่านหมอคนอื่นๆก็คือเลือดในร่างกายของนางผิดปกติ

จูเก๋อหมิงคุยเรื่องนี้กับหลี่เฉินเย่นเป็นการส่วนตัว “ตามปกติแล้ว หากว่านางไม่เคยตั้งครรภ์หรือให้กำเนิดบุตรมาก่อนจะไม่มีทางที่จะมีอาการเช่นนี้ได้เลย เรื่องนี้ค่อนข้างจะแปลกและผิดปกติไม่น้อย”

หลี่เฉินเย่นได้ยินได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว “แม้แต่เจ้าก็ไม่อาจบอกชนิดของโรคได้หรือแสดงว่าอาการของนางหนักมากเลยใช่หรือไม่”

จูเก๋อหมิงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ผิด ยามนี้แม้กระทั่งแรงที่จะลงจากเตียงนางยังไม่มี ข้าลองดูเทียบยาที่หมอหลวงจัดให้นางแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นยาที่ขับเลือดลมและบำรุงโลหิต แต่ทว่านางก็กินมานานแล้วร่างกายก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย ช่างน่าแปลกเหลือเกิน!”

หลี่เฉินเย่นรู้สึกวิตกกังวลไม่ใช่น้อย”หากเป็นเช่นนี้คงไม่ดีแน่ นับวันนางยิ่งผ่ายผอมเหลือเกิน เปิ่นหวางเห็นแล้วก็ปวดใจ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า