สรุปตอน ตอนที่ 130 ไม่ทิ้งกัน – จากเรื่อง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
ตอน ตอนที่ 130 ไม่ทิ้งกัน ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 130 ไม่ทิ้งกัน
หลังจากที่ครบรอบวันตายของเฉินอวี่จู๋เจ็ดวัน ฝ่าบาทก็ทรงแต่งตั้งให้หลี่เฉินเย่นเป็นทูตไปตรวจสอบการทุจริตของขุนนางที่เจียงหนาน
เพราะนี่เป็นเรื่องกระทันหันทำให้หลี่เฉินเย่นไม่ทันได้บอกกล่าวแก่ชูเซี่ย ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ฮองเฮาของตนเพื่อฝากพระองค์ไปบอกแก่ชูเซี่ยสักคำ
ฉ่ายเวินขอไปกับเขาด้วย เดิมที่หลี่เฉินเย่นก็ไม่อยากพาหญิงสาวไปด้วย แต่ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเหงาหงอยของนางยามถูกปฎิเสธและถูกรบเร้าหลายต่อหลายครั้งก็ทำให้ชายหนุ่มที่รักหญิงสาวเหมือนน้องสาวแท้ๆใจอ่อนยอมพาไปด้วยจนได้
รถม้าออกเดินทางจากเมืองหลวงเข้าสู่เขตฉางโจว
หลี่เฉินเย่นหยุดพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อกินอาหาร จากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าสุรามาไหหนึ่งและเดินออกไปนั่งตรงลานกว้างเพื่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
คืนนี้ท้องฟ้าไม่มีแสงดาว แม้กระทั่งดวงจันทร์ก็ยังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเมฆ ดูเหมือนว่าอากาศในค่ำคืนนี้จะชื้นเพราะน้ำค้างมากเป็นพิเศษ
ฉ่ายเวินเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของเขาจากนั้นก็เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “ศิษย์พี่ ท่านยังเสียใจเรื่องเฉินอวี่จู๋อยู่หรือเจ้าคะ”
แต่ไหนแต่ไรมาฉ่ายเวินก็ไม่มีความเคารพในตัวของเฉินอวี่จู๋อยู่แล้ว แม้ว่าเรื่องที่เฉินอวี่จู๋เป็นพระชายาจะเป็นเรื่องจริงแต่นางก็ไม่เคยคิดจะให้เกียรติอีกฝ่ายเลยสักนิด
เรื่องการตายของเฉินอวี่จู๋ก็ทำให้หลี่เฉินเย่นเสียใจไม่น้อย แต่ทว่าที่เขากังวลมากท่สุดก็คือการที่เขาต้องออกมาจากเมืองหลวง ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะถือโอกาสนี้ทำอะไรกับคนข้างกายของเขาบ้าง นับตั้งแต่ที่เขาก้าวออกมาจากเขตเมืองหลวงหัวใจของเขาก็กระวนกระวายไม่หยุด ราวกับว่าสังหรณ์ว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่ว่ารับสั่งของเสด็จพ่อเขาก็ไม่อาจไม่ทำตามได้
ชายหนุ่มกระดกสุราเข้าปากคำหนึ่ง สุราที่ชายหนุ่มดื่มเข้าไปค่อยๆไหลผ่านลำคอลงไปจนถึงท้องทำให้ชายหนุ่มร้อนลุ่มอย่างประหลาด “ฉ่ายเวิน เจ้าจำช่วงเวลาที่เราอยู่บนเขาฝึกวิชากันได้หรือไม่ ยามนั้นไม่มีบุญคุณความแค้น ไม่แก่งแย่งไม่ชิงดี มีความสุขเหลือเกิน!”
ฉ่ายเวินก็คิดถึงช่วงเวลานั้นเช่นกัน “ช่วงเวลาที่อยู่บนเขานั่น เป็นช่วงเวลาที่ข้ามีความสุขที่สุดในชีวิตแล้วเจ้าค่ะ”
หลี่เฉินเย่นหันกลับมามองนางก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงละอายใจ “เป็นศิษย์พี่ที่ไม่ดูแลเจ้าให้ดีเอง รู้อย่างนี้ตอนนั้นศิษย์พี่ไม่น่าพาเจ้าลงมาจากเขาด้วยกันเลย ไม่เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็คงเป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาที่ไม่ต้องพบเจอเรื่องพวกนี้!”
ฉ่ายเวินมีความสุขมากเช่นกันเจ้าค่ะ”
หลี่เฉินเย่นถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “แต่ทว่าศิษย์พี่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้ามีความสุขจริงๆนี่ ทั้งยังไม่ได้ทำตามที่รับปากกับท่านอาจารย์เลยสักข้อ ตอนนี้เจ้าก็อายุยี่สิบแล้วก็ยังไม่ออกเรือน ศิษย์พี่รู้สึกผิดเหลือเกิน!”
ใบหน้าของฉ่ายเวินฉายแววไม่พอใจ ดวงตาของนางหม่นลง “ข้าไม่อยากออกเรือน อีกอย่าง ”
หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว “เจ้าและหลี่ซี่ไม่ใช่ใจตรงกันหรอกหรือ”
ฉ่ายเวินยิ้มออกมาน้อยๆ แต่ดวงตาเป็นประกายบางอย่างยามที่จับจ้องมาที่หลี่เฉินเย่น “เขาไม่ใช่คนที่ข้าต้องการเจ้าค่ะ!”
“เช่นนั้นเจ้าก็บอกศิษย์พี่มาว่าเจ้าชอบพอผู้ชายแบบใด ศิษย์พี่จะต้องตามหาผู้ชายที่ดีที่สุดในใต้หล้าให้แก่เจ้าจงได้!” หลี่เฉินเย่นกล่าวโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวข้างกายจึงไม่มีโอกาสเห็นดวงตาที่เป็นประกายของนาง
ดวงตาของฉ่ายเวินจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นก่อนที่จะขยับปากเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ผู้ชายที่ดีที่สุดในใต้หล้าก็อยู่ตรงหน้าข้าแล้วไม่ใช่หรือ”
หลี่เฉินเย่นชะงักก่อนจะหันกลับมามองฉ่ายเวินอย่างสงสัย
ฉ่ายเวินค่อยๆผุดรอยยิ้มซุกซนออกมา “ข้าล้อเล่นเจ้าค่ะ ในเมื่อบุพเพของข้ายังไม่มาก็ไม่จำเป็นต้องรีบไปหรอกเจ้าค่ะ ข้ายังไม่รีบแล้วท่านจะมารีบแทนข้าทำไมกัน เรื่องของข้าและหลี่ซี่คงเป็นได้เพียงสหายกันเท่านั้นไม่สามารถเป็นสามีภรรยากันได้หรอกเจ้าค่ะ ศิษย์ หากวันหน้าฉ่ายเวินพบคนที่ต้องตาข้าย่อมบอกท่านเอง ถึงตอนนั้นศิษย์พี่ก็ต้องช่วยข้านะเจ้าคะ!”
หลี่เฉินเย่นอ้าปากพูด “เจ้าเองก็อายุยี่สิบเอ็ดเข้าไปแล้ว หญิงสาวที่เลยสิบแปดไปแล้วก็นับว่าเป็นสาวเทื้อ เจ้า...”
ฉ่ายเวินมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยวาจาตัดพ้อ “ศิษย์พี่รังเกียจฉ่ายเวินหรือเจ้าคะ หากศิษย์พี่ไม่อยากพบหน้าข้า ข้าก็จะไปจากจวนอ๋อง!”
หลี่เฉินเย่นยกมือขึ้นลูบแก้มของนางเบาๆ “ศิษย์พี่ไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย ศิษย์พี่ก็แค่กังวลอนาคตของเจ้าก็เท่านั้น หญิงสาวผู้หนึ่งจำเป็นต้องออกเรือนกับสามีที่ดีจึงจะมีชีวิตที่ยืนยาว!”
ฉ่ายเวินไม่สนใจ “ถ้าเช่นนั้นตัวศิษย์พี่เล่าเจ้าคะ ท่านยังจะรอพี่สาวอยู่หรือ นางเองก็ถวายตัวเข้าวังไปแล้ว เกรงว่าระหว่างพวกท่านจะไม่มีวาสนาต่อกันเสียแล้ว เฉินอวี่จู๋เองก็สิ้นลมไปแล้ว ศิษย์พี่ควรหาสตรีเคียงข้างใหม่จึงจะถูก เป็นเช่นนี้ก็ดีหากว่าท่านสามารถหาคนรักใหม่ได้วันนั้นฉ่ายเวินก็จะออกเรือน”
ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นขุ่นมัว ชายหนุ่มมองใบหน้าของฉ่ายเวินนิ่งๆ เพียงแค่คำพูดของฉ่ายเวินที่กล่าวว่าเขากับชูเซี่ยไร้วาสนาก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มทรมานขึ้นมา เจ็บจนแทบไม่อยากจะหายใจ ชายหนุ่มหักฟันพูด “ชาตินี้ศิษย์พี่ผิดต่อหญิงสาวข้างกายมากมายเหลือเกิน ในใจของศิษย์พี่มีหญิงสาวที่รักอยู่เต็มหัวใจแล้ว หากว่าไร้วาสนาต่อกันจริง ชาตินี้ศิษย์พี่ก็ไม่ขอแต่งงานอีกต่อไป!”
ฉ่ายเวินนิ่งอึ้งอยู่นานกว่าจะหาเสียงของตนเองพบ “เหตุใดท่านจึงต้องทรมานตนเองเช่นนั้น ท่านไม่รู้หรือว่าฉ่ายเวินก็ปวดใจไปกับท่านด้วย ตอนนี้ศิษย์พี่เป็นคนใกล้ชิดเพียงคนเดียวของฉ่ายเวิน เป็นคนที่สำคัญที่สุด ฉ่ายเวินย่อมปรารถนาให้ท่านมีความสุข!”
“เด็กโง่ คนที่สำคัญที่สุดำหรับเจ้าควรจะเป็นสามีในอนาคตของเจ้าจึงจะถูก อีกอย่าง ศิษย์พี่ไม่ได้ทรมานอะไรเลย การมีคนคนหนึ่งให้เรารอเขาและคิดถึงเขาก็นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง!” น้ำเสียงของหลี่เฉินเย่นอ่อนโยนยิ่งนักแต่ก็หนักแน่นมากเช่นกัน
ฉ่ายเวินก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน “ศิษย์พี่ ใต้หล้านี้หาใช่มีหญิงสาวแค่คนเดียวไม่ คนที่ดีกว่านางก็มีมาก เมื่อมาแล้วก็ไปเหตุใดจึงต้องยึดติดด้วยเล่า”
“หญิงสาวที่ดีกว่านางมีมากแต่หญิงสาวที่ข้ารักได้ก็มีเพียงแค่นางผู้เดียว!”
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบมีเสียงบางอย่างกำลังบินตรงมาทางนี้ สีหน้าของหลี่เฉินเย่นเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไปและกระโดดลงมาพร้อมนกพิราบตัวหนึ่ง
นกพิราบตัวนี้มีจดหมายผูกติดกับขามันมาด้วย หลี่เฉินเย่นก้มลงอ่านเนื้อความในนั้นจากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว ฉ่ายเวินเองกีบก้มลงอ่านด้วยเช่นกัน เนื้อความในนั้นเขียนว่า “ฮ่องเต้จะสังหารท่านหมอเวิน!”
ฉ่ายเวินเห็นว่าชายหนุ่มข้างกายวิ่งตรงไปที่คอกม้านางก็รีบรั้งร่างของเขาไว้ “ศิษย์พี่อย่าได้ไป นี่อาจเป็นกับดักก็ได้นะเจ้าคะ!”
หลี่เฉินเย่นสะบัดมือของเขาออกและกระโดดขึ้นหลังม้าจากนั้นก็เอ่ยกับนางเสียงกร้าว “นี่เป็นลายมือของเสี่ยวเต๋อจื่อ เสี่ยวเต๋อจื่อไม่มีวันหลอกเปิ่นหวาง!”
ฉ่ายเวินพยายามรั้งเขาไว้อีกครั้งและเอ่ยอย่างร้อนใจ “ต่อให้เป็นความจริงท่านรีบกลับไปก็ไม่มีประโยชน์ หากฝ่าบาทจะทรงสังหารพี่สาวจริงๆ ในยามนี้นางเป็นถึงหวงกุ้ยเฟย ท่านจะอาศัยตำแหน่งอะไรไปช่วยนางเล่า ถึงตอนนั้นไม่เพียงช่วยนางไม่ได้ตัวท่านเองก็จะเดือดร้อนไปด้วย!”
ดวงตาของหลี่เฉินเย่นเป็นประกายเย็นยะเยือกทั้งยังกัดฟันพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “เช่นนั้นข้าก็ขอตายไปพร้อมกับนาง!” พูดจบชายหนุ่มก็ควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว
ฉ่ายเวินเองก็รีบขึ้นหลังม้าควบตามไปติดๆ แต่ทว่าม้าของหลี่เฉินเย่นเป็นม้าชั้นเลิศนางมีหรือจะตามอีกฝ่ายได้ทัน นางควบม้าตามไล่ฝุ่นละอองที่ตลบอยู่ตามถนนโดยไม่เห็นแม้แต่ร่างของหลี่เฉินเย่นด้วยซ้ำ
หัวใจของชูเซี่ยหล่นวูบ จริงสิ จูฟางหยวนเล่า หากฝ่าบาทต้องการระดมพลมากมายถึงเพียงนี้จูฟางหยวนย่อมรู้แน่ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ส่งข่าวมาก่อน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา
ชูเซี่ยเอ่ยตะโกนอย่างร้อนใจ “นายท่านเหมา!”
ณ คอกลาที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยบังเกิดระเบิดควันสีดำขึ้นมาพร้อมๆกับร่างของนายท่านเหมาที่ค่อยๆเปลี่ยนไปกลายเป็นชายหน้าดำผู้หนึ่ง ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาชูเซี่ย “วางใจเถิด ข้าจะไปตามหาจูฟางหยวนเอง!” กล่าวจบร่างของเขาก็กลายเป็นกลุ่มควันดำหายไปกับอากาศ
หลี่เฉินเย่นและเชียนซานยืนตะลึงมองมาที่ชูเซี่ยเป็นตาเดียว
ชูเซี่ยเห็นเช่นนั้นจึงพูดแล้ว “ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายเรื่องของนายท่านเหมา พวกเราต้องรีบหนีออกไปจากวังให้ได้ก่อน เฉินเย่น พวกเราต้องไปรับฮองเฮาและหรงเฟยหนีไปด้วยกัน”
หากไม่พาฮองเฮาและหรงเฟยหนีไปด้วย พวกเขาจะต้องถูกฝ่าบาทลงอาญาแน่ ดังนั้นหากจะหนีก็ต้องพาพวกเขาหนีไปด้วยกัน
เชียนซานจึงรับหน้าที่นี้เอง “ข้าจะไปเองเจ้าค่ะ พวกท่านอยู่ที่นี่วางแผนหาทางหนีออกไปให้ได้ หากจนปัญญาจริงๆก็รอจนกว่ากำลังพลของพวกเราจะมานะเจ้าคะ!” พูดจบนางก็จัดการพุ่งออกไปทางเพดาน
ภายนอกตำหนักมีเสียงของเหล่าองครักษ์ที่เอ่ยขึ้นดังอย่างพร้อมเพรียง “ถวายบังคมฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้ทรงเสด็จมาพร้อมกล่าวด้วยสุรเสียงน่าเกรงขาม “คนเล่า?”
องครักษ์หนึ่งก้าวออกมาทูลตอบ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นกับตาตนเองว่าหนิงอานอ๋องเข้าไปในตำหนักฉ่ายเหว่ยจริงๆและจนป่านนี้ก็ยังไม่ออกมาขอรับ ท่านอ๋องต้องยังอยู่ข้างในอย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ทรงตรัสด้วยสุรเสียงกร้าว “สั่งคนให้พังประตูเข้าไป!”
หลี่เฉินเย่นรู้ว่าไม่ทันการณ์แล้ว เขาโอบกอดร่างของชูเซี่ยไว้แน่นจากนั้นก็จุมพิตที่หน้าผากของนางอย่างลึกซึ้ง “เจ้าไปกับข้า พวกเราจะฝ่าออกไปด้วยกัน!”
ชูเซี่ยพยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปโอบกอดเขาและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เชียน ข้ารักท่าน!”
หลี่เฉินเย่นขยับปากกำลังจะเอ่ยอะไรออกมา ท้ายทอยของเขาก้รู้สึกเจ็บแปลบจากนั้นดวงตาก็เริ่มมืดลงและร่วงลงไปนอนบนพื้น
ชูเซี่ยคุกเข่าลงไปพยุงร่างสูงไว้ น้ำตาของนางไหลลงมาอาบแก้ม “หากว่าท่านตกอยู่ในกำมือของเขาท่านจะไม่มีโอกาสรอดอีก ข้าเคยให้สัญญากับเสด็จย่าไว้แล้วว่าจะต้องปกป้องท่านด้วยชีวิตของข้า ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็จะต้องส่งท่านออกไปจากวังหลวงให้ได้!”
นางคุกเข่าลงกับพื้นและค่อยๆนึงเข็มทองออกมาจากศีรษะ เข็มทองค่อยๆส่งแสงสีทองจ้าออกมาโอบล้อมร่างของหลี่เฉินเย่นไว้
เสียงพังประตูดังขึ้นออกมาพร้อมเหล่าองครักษ์มากมายที่กรูกันเข้ามา
เมื่อองครักษ์บุกเข้ามาถึงตำหนักด้านในแสงสีทองเจิดจ้าก็หายไปพร้อมกับร่างของหลี่เฉินเย่นที่นอนอยู่บนพื้นก็หายไปอย่างลึกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...