ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 131

ตอนที่ 131 เป็นคนอื่น

ชูเซี่ยประคองกายกับโต๊ะฝืนยืนด้วยหน้าขาวซีด ใจรู้สึกได้ถึงเพียงเลือดลมที่สูบฉีดไปมา ลำคอรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวหวาน นางกลืนเลือดกลับลงไปอย่างยากลำบากและยิ่งรู้สึกปวดหัววิงเวียนศีรษะ ตอนที่ส่งหลี่เฉินเย่นไปเมื่อครู่นี้เป็นการใช้พลังวิญญาณขั้นสูงสุดอย่างหนึ่งจนเกือบจะสูญสิ้นพละกำลังทั้งหมดที่มีของนาง แม้จะใช้ระยะเวลาครึ่งค่อนเดือนก็ไม่อาจฟื้นคืนมาได้

นางในเวลานี้อ่อนแอจนแม้แต่เด็กก็สามารถผลักนางให้ล้มลงได้

องครักษ์พุ่งเข้ามาแล้วค้นจนไปรอบด้าน

ร่างที่สวมอาภรณ์สีเหลืองอร่ามก็เข้ามาด้วยเช่นกัน ด้านหลังเขาตามมาด้วยเว่ยกงกงที่มีสีหน้าระแวดระวัง เว่ยกงกงชำเลืองมองชูเซี่ยด้วยความวิตกกังวล ชูเซี่ยค้อมกายทำความเคารพ “ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท!”

พระเนตรของฮ่องเต้ประกายวาบราวกับไฟ พระพักตร์เคร่งขรึมเต็มไปด้วยโทสะ เขายืนอยู่ตรงหน้าชูเซี่ยแล้วตบชูเซี่ยไปหนึ่งฉาด เขาออกแรงเต็มกำลัง ร่างของชูเซี่ยที่อ่อนแอมากอยู่แล้ว พอถูกตบก็ทรุดลงไปกับพื้นทันที ศีรษะกระแทกกับมุมเหลี่ยมเก้าอี้ ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก

เว่ยกงกงตกใจยกใหญ่ รีบก้าวเข้าไปประคองตัวชูเซี่ย จากนั้นก็คุกเข่าวิงวอน “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ!”

ฮ่องเต้สูดลมหายใจเข้า ต่อมาก็กล่าวอย่างโมโห “แม้แต่เจ้าก็จะทรยศข้าหรือ”

เว่ยกงกงรีบพูดทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมมิได้ทรยศฝ่าบาท เพียงแค่เรื่องราวยังไม่ได้สืบสวนชัดเจน กระหม่อมคิดว่า...”

“ยังมีอะไรไม่ชัดเจนอีก นางแอบยุแยงข้ากับลูกชายให้แตกแยกกันอยู่ข้างหลัง ใคร ๆ ต่างก็เห็น ยังจะมีอะไรไม่ชัดเจนอีก ผู้หญิงในวังที่หมกมุ่นในโลกีย์เช่นนี้ เหตุใดจึงต้องสงสาร” ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย พลางใช้สายตาแห่งความโกรธแค้นชิงชังจ้องนางเขม็ง “เรื่องมาถึงขึ้นนี้แล้ว เจ้ายังอันใดจะพูดอีกหรือ ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าก็ล้วนแต่กล่าวว่าไม่มีความรู้สึกส่วนตัวใด ๆ กับเขา หากตอนนั้นเจ้ายอมรับมาตามตรง บางทีข้าอาจจะช่วยให้พวกเจ้าสมปรารถนาเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ เจ้ามีสถานะเป็นชายาของข้า แต่กลับไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่รู็จักรักษาหน้า ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ”

ชูเซี่ยแทบอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ทำไมถึงได้มีคนหน้าหนาเช่นนี้ได้ สถานการณ์ในตอนนั้น นางพูดว่ามีความรู้สึกแบบส่วนตัวกับหลี่เฉินเย่นง่าย ๆ ได้ที่ไหนหรือ? หากเป็นก่อนหน้านั้นก็ว่าไปอย่าง แต่ต่อมาเขารู้แจ้งอยู่แล้วว่านางก็คือชายาของหนิงอานอ๋อง ตอนนั้นชูเซี่ยก็คือลูกสะใภ้ของเขา แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ยอมรับ ไม่ยอมแม้แต่จะให้นางยอมรับตัวเองเป็นชูเซี่ย

ตอนนี้เขากลับยืนอยู่ในมุมมองของคนไร้ความผิด ตำหนิการปิดบังของนางในวันนั้นอย่างเหิมเกริม ช่างน่าขันเป็นที่สุดเสียจริง!

เพียงแค่ชูเซี่ยรู้สึกได้ถึงความโกรธจากก้นบึ้งในใจเดือดพล่านขึ้นมา ตามมาด้วยคาวเลือดในลำคอ เลือดสดที่ไม่อาจกลืนลงไปได้อีกครั้งก็พ่นพรวดอกมา

เว่ยกงกงประคองนางโดยไม่สนโทสะของฮ่องเต้แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า “กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงมาให้หวงกุ้ยเฟยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ชูเซี่ยยื่นมือไปรั้งเขาไว้แล้วพูดอย่างไม่สนิทสนม “ขอบคุณกงกง แต่ไม่ต้องหรอก ข้าไม่เป็นไร ของคุณในความสงสารของกงกง”

ทันใดนั้นเว่ยกงกงก็อกสั่นขวัญหายขึ้นมาทันที หากในเวลานี้เป็นห่วงชูเซี่ยมากเกินไป สถานะตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดเผย แต่ในเวลานี้แม้ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยก็ไม่อาจช่วยชูเซี่ยได้ ฮ่องเต้ทรงกริ้วแล้ว หากให้เขารู้อีกว่าตนเป็นคนของพรรคมังกรเหิน เกรงว่าภายใต้ความโกรธนั้น แม้แต่เจ้านายก็ไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ถ้าจะให้เขานิ่งดูดาย เขาก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน!

องครักษ์ตรวจค้นเสร็จก็ออกมารายงาน “ทูลฝ่าบาท ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ตกตะลึง เขาพูดด้วยความโกรธ “ค้นทั่วแล้วรึ”

องครักษ์ประสานมือตอบกลับ “ทูลฝ่าบาท หาจนทั่วแล้ว นอกจากนางในของตำหนักฉ่ายเหว่ยแล้ว ไม่มีใครอื่นอีกพ่ะย่ะค่ะ!” กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่พบตัวหลี่เฉินเย่น

ฮ่องเต้จ้องชูเซี่ย “คนล่ะ?”

ชูเซี่ยลุกขึ้นยืน ประคองกายจับของโต๊ะ “หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายของฝ่าบาท คนอะไรเพคะ?”

ฮ่องเต้โกรธจนหน้าคล้ำเขียว จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ปิดล้อมประตูวังทันที ค้นหาให้ทั่ววังหลวง!”

“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์แต่ละนายกระจายตัวออกไป การตรวจค้นทั่ววังครั้งล่าสุดคือตอนที่มีการใส่ร้ายฮองเฮา ในใจของชูเซี่ยเข้าใจดี แม้แต่ภรรยาที่ผูกผมร่วมเตียงเคียงหมอนมานานยี่สิบกว่าปีก็ยังลดทอนใจจัดการอย่างโหดเหี้ยม กับนางก็ยิ่งไม่มีทางเมตตาแม้แต่นิด

ฮ่องเต้จ้องเว่ยกงกง อารมณ์แห่งความสงสัยเปิดเผยออกมา เว่ยกงกงก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร

ฮ่องเต้เก็บสายตาแล้วตรัสกับเว่ยกงกงอย่างเย็นชา “เจ้าออกไปข้างนอกห้อง!”

เว่ยกงกงเงยหน้าชำเลืองมองชูเซี่ย การชำเลืองมองนี้ตกอยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้ นั่นทำให้เขายิ่งชัดเจนมากขึ้นว่ามันเป็นมาอย่างไร

ใบหน้าและเสื้อผ้าของชูเซี่ยเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงสด นางใช้เข็มทองสกัดจุดห้ามเลือดตนเองไว้ พยายามยืนให้มั่นคง

ท้ายที่สุดเว่ยกงกงก็ยังเงยหน้ามองฮ่องเต้ จากนั้นก็พูดเสียงเบา “ฝ่าบาท กระหม่อมจะคอยปรนนิบัติอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ!”

แววพระเนตรของฮ่องเต้พลันดุดันขึ้นมาทันที มุมปากของเขาฉีกยิ้มอย่างเหี้ยวโหด “ดี ดี ข้ามองพลาดไปจริง ๆ เสี่ยวเต๋อจื่อทรยศข้า แม้แต่เจ้าก็ทรยศข้า แล้วเจ้าจะมีประโยชน์อันใดอีก” แววพระเนตรของฮ่องเต้พลันเยือกเย็นเหี้ยมโหดขึ้นมา ในพระหัตถ์ฉายประกายแวววับ มีดสั้นปักเข้าไปตรงหัวใจของเว่ยกงกงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ

ชูเซี่ยตกใจจนหน้าซีด เลือดของเว่ยกงกงกระเซ็นสาดออกมา พ่นลงบนมือนางจนรู้สึกถึงความอุ่นร้อนหนืดเหนียวของเลือด นางพุ่งตัวไปข้างหน้าผลักฮ่องเต้ออกแล้วโอบกอดร่างของเว่ยกงกงที่โอนเอนไปมา จากนั้นก็หันกลับไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชัง “เขารับใช้ท่านมากี่สิบปี ท่านยังลงมือกับเขาได้เชียวหรือ ใจของท่านทำจากหินใช่หรือไม่”

การฆ่าคน สำหรับฮ่องเต้แล้วไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ราชบัลลังก์ของเขาก็เหยียบย่ำปีนป่านกองเลือดของคนนับไม่ถ้วน เพื่อให้ราชบัลลังก์มั่งคงแล้ว แม้แต่ลูกของเขาก็ลงมือได้ไม่อาลัย แค่บ่าวหนึ่งคน จะมีความสงสารได้อย่างไรกัน เดิมที่ไม่ควรสงสาร ไม่ควรเศร้า แต่พอมองชายชราที่อยู่ข้างกายตนมานานหลายปีที่หลับตาและไร้ซึ่งเสียงลมหายใจ ในใจของฮ่องเต้ก็ยังมีความเสียใจฉายวาบมา แต่ความเสียใจนี้หายไปในพริบตา เขาสมน้ำหน้า เพราะเขาอยู่ข้างกายตนเองมานานหลายปี ฉะนั้น คนที่จะหักหลังตนเองยิ่งไม่สมควรเป็นเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า