ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 142

ตอนที่ 142 ความลับในประสบการณ์ชีวิต

หลังจากที่ได้ยินคำพูดทั้งหมดของเชียนซานทุกคนต่างก็มีสีหน้าตื่นตะลึงปนประหลาดใจ

หญิงชราเมื่อครู่มองเชียนซานก่อนจะเอ่ยปาก “เด็กน้อย เจ้าเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ข้าฟังอีกรอบหนึ่งเดี๋ยวนี้!”

เดิมทีเชียนซานเองก็ไม่ชอบใจในตัวอดีตฮ่องเต้อยู่แล้ว แล้วนางจะไว้หน้าให้พระองค์อีกทำไมกันเล่า อีกทั้งตอนนี้ก็มีคนอยู่บริเวณนี้ค่อนข้างมาก ทั้งขุนนาง ทั้งพวกบ่าวและชาวบ้าน หญิงสาวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่น ทั้งยังมีเรื่องไทเฮาทรงมอบตำแหน่งเจ้าสำนักมังกรเหินให้นายหญิงของนางดูแลต่อทั้งยังหมั้นหมายให้แก่หลี่เฉินเย่นจนไปถึงเรื่องที่อดีตฮ่องเต้บังคับให้นายหญิงของนางเข้าวังถวายตัวเป็นพระสนมโดยไม่เต็มใจก็ล้วนพูดออกมาโดยละเอียดไม่คิดปิดบัง นางเป็นคนตรงไปตรงมาทุกเรื่องที่นางพูดล้วนเป็นความจริงไม่โกหกแม้แต่น้อย ทุกอย่างที่นางพูดออกมาล้วนฟังดูจริงใจ ฟังอย่างไรก็ดูไม่เป็นการหลอกลวงแม้แต่น้อย

ทุกคนที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดต่างก็เงียบงันไม่พูดไม่จา

เดิมที่คุณชายสามตระกูลจางก็ไม่อยากเป็นขุนนางอยู่แล้วดังนั้นเข้าจึงไม่เคยสนใจเรื่องศาลของท่านพ่อทั้งยังไม่แม้แต่จะถามถึงเลยสักครั้ง มายามนี้เมื่อชายหนุ่มได้ยินเชียนซานเล่ามาเช่นนั้นก็รู้สึกว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่ตนไม่ได้รับราชการเป็นขุนนาง ว่ากันว่าอยู่กับฮ่องเต้เมื่ออยู่กับเสือ ขนาดโอรสของตนอดีตฮ่องเต้ยังทรงทำเช่นนั้นกับเขาได้ แล้วพวกเขาที่เป็นเพียงข้าราชบริพารเล่า?

ฮูหยินชราอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่นานก่อนจะหายใจออกมา “มีอะไรน่าแปลกกัน นิสัยเดิมของอดีตฮ่องเต้ก็ทรงโหดเหี้ยมเช่นนี้อยู่แล้ว ผู้อื่นอาจจะไม่รู้ แต่ข้าเองก็เป็นคนที่ผ่านมาโลกมานานอาบน้ำร้อนมาก่อนพวกเจ้า เห็นเรื่องราวและผู้คนมากมาย”

ใต้เท้าซือคงมองมาที่เชียนซานอย่างเคลือบแคลง “อดีตไทเฮาเป็นผู้หมั้นหมายระหว่างพวกเขาทั้งสอง?”

เชียนซานยิ้มเย็น “แม้ว่าตอนที่อดีตไทเฮาจะทรงตรัสเรื่องนี้จะไม่มีพยานอื่นใดอยู่ด้วย แต่ข้าเชื่อว่าเหล่านางกำนัลในวังคงจะพอได้ยินข่าวลือนี้อยู่บ้าง ใต้เท้าอยากทราบเรื่องจริงก็ไปลองถามนางกำนัลของอดีตไทเฮาที่ชื่อว่าหว่านเหนียงดูได้เลยเจ้าค่ะ หว่านเหนียงเป็นอดีตนางกำนัลของอดีตไทเฮาเชื่อถือได้อย่างแน่นอน เพราะแม้กระทั่งยามที่พระชายาเจิ้นหยวนตั้งครรภ์นางก็เป็นผู้ที่คอยทำของบำรุงไปดูแลอย่างใกล้ชิดตามบัญญาของไทเฮาองค์ปัจจุบันอีกด้วย หากว่าทุกท่านไม่เชื่อก็ไปสืบดูได้เลยเจ้าค่ะ!”

ใต้เท้าซือคงนิ่งไป แม้ว่าในใจจะเอนเอียงเชื่อในคำพูดของเชียนซานค่อนข้างมาก แต่ทว่าเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันว่าอดีตฮ่องเต้จะทรงเป็นคนเช่นนี้ แต่ทว่าอดีตไทเฮาก็ทรงเป็นคนที่เขาให้ความเคารพนับถือยิ่งกว่าเพราะพระองค์ทรงเคยช่วยชีวิตบิดาของเขาไว้และเพราะเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้ตระกูลจางเป็นหนี้บุญคุณของพรรคมังกรเหิน

หากพูดในแง่คุณธรรมและจริยธรรมแล้ว ชูเซี่ยเป็นถึงหวงกุ้ยเฟยเป็นพระสนมของอดีตฮ่องเต้ ในฐานะที่เป็นโอรสของอดีตฮ่องเต้ พระองค์จึงไม่สามารถแต่งตั้งให้นางเป็นพระสนมของตนเองได้ แต่ถ้าหากมองย้อนตามความเป็นจริง ก่อนที่ชูเซี่ยจะถวายตัวเป็นพระสนมในวังนางก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายของหลี่เฉินเย่นอยู่ก่อนแล้ว ทั้งไทเฮาก็ทรงเป็นพยานรับรู้อีกด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้นั่นก็เท่ากับว่าอดีตฮ่องเต้ทรงแย่งหญิงสาวของบุตรชายตนเอง หรือร้ายแรงกว่านั้นคือพระองค์ทรงเอาลูกสะไภ้ของตนเป็นผู้หญิงของตน

ถ้าเช่นนั้นเป็นใครกันเล่าที่เป็นฝ่ายผิดคุณธรรมและจริยธรรม?

ความมั่นคงของใต้เท้าซือคงเริ่มสั่นคลอน

เขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องนี้ไว้ค่อยถกกันวันหลังเถิด ยามนี้ฮูหยินของข้าเป็นตายอย่างไรข้าก็ยังไม่ทราบ!”

หลังจากที่เขาพูดจบภายในห้องก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทุกคนจึงพร้อมใจกันเงยหน้าและในทันทีที่ประตูถูกเปิดออกมาก็พบว่าจูเก๋อหมิงเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าซีดขาวอ่อนล้า แขนเสื้อของเขาเปื้อนคราบเลือดเต็มไปหมด

ทุกคนต่างก็ล้อมวงกันเข้ามาถามอย่างร้อนรน “เป็นอย่างไรบ้าง เป็นอย่างไรบ้าง”

จูเก๋อหมิงเหลือบมองมาที่ท่านใต้เท้าซือคงครู่หนึ่ง “ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด ชูเซี่ยนางยังอยากดูอาการอีกสิบสองชั่วยามเสียก่อน” คำพูดกำกวมของท่านหมอเทวดาทำให้ทุกคนถึงกับกุมขมับ หญิงชราขมวดคิ้ว “เช่นนั้นตกลงมารักษาได้หรือไม่ได้กัน”

เชียนซานหวังจะวิ่งถลาเข้าไปภายในห้อง “นายหญิงเล่า”

จูเก๋อหมิงรั้งกายของนางไว้ “นายหญิงของเจ้านางต้องการการพักผ่อน นางเหนื่อยมากแล้ว!”

เชียนซานทำสีหน้าประหลาด นางรู้ได้โดยทันทีว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจจนพลักท่านหมอหนุ่มให้หลบไปให้พ้นทาง “ท่านหลบไปนะ นายหญิงของเข้าเกิดเรื่องขึ้นใช่หรือไม่”

จูเก๋อหมิงยังคงรั้งนางไว้ “วางใจเถิด นางไม่เป็นอะไรเพียงแค่เสียเลือดไปค่อนข้างมากร่างกายจึงอ่อนแอ เจ้าก็ให้นางพักผ่อนสักหน่อยเถิด อีกเดี๋ยวนางก็คงจะดีขึ้นเอง”

หลวี่หนิงชะงักไป “เหตุใดหวงกุ้ยเฟยจึงเสียเลือดค่อนข้างมาก”

ทุกคนต่างมองไปที่จูเก๋อหมิงอย่างประหลาดใจ ในเมื่อผู้ที่บาดเจ็บไม่ใช่ชูเซี่ยแล้วเหตุใดนางจึงเสียเลือด?

จูเก๋อหมิงมองใบหน้าของใต้เท้าซือคงก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน “เพราะการผ่าตัดให้ฮูหยินของท่านทำให้เสียเลือดค่อนข้างมากทั้งยังอันตรายอย่างยิ่ง ท่านหมอเวินนางจึงถ่ายเลือดของตนเองให้ฮูหยิน แต่ทว่านางกว่าวว่าเลือดของคนสองคนใช่ว่าจะเข้ากันได้เสมอไป มันมีความเป็นไปได้ว่าร่างกายของฮูหยินจะปฎิเสธเลือด แต่ทว่าสถานการณ์ค่อนข้างคับขันหากว่าไม่รีบลงมือฮูหยินของท่านย่อมตายแน่ ดังนั้นนางจึงต้องยอมเสี่ยง” จูเก๋อหมิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะเขาไม่เข้าใจคำพูดของชูเซี่ยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนก็ล้วนเป็นคนอีกทั้งยังเป็นหญิงทั้งคู่ เลือดย่อมต้องเข้ากันได้อยู่แล้ว อีกอย่างวิธีการถ่ายเลือดของนางค่อนข้างแปลก นั่นก็คือทางใช้เข็มกลวงที่มีปลายแหลมสองข้างทิ่มฝั่งหนึ่งที่แขนนางก่อนจะทิ่มปลายอีกฝั่งที่แขนฮูหยินและค่อยๆกดถ่ายเลือดเบาๆ วิธีเช่นนี้เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ระหว่างที่ทุกคนไม่เข้าใจในสิ่งที่จูเก๋อหมิงพูด เชียนซานก็พุ่งเข้าไปในห้องโดยที่จูเก๋อหมิงห้ามไม่ทันเสียแล้ว

ชูเซี่ยเอนกายนอนอยู่บนตั่งยาว ใบหน้าของหญิงสาวทั้งซีดขาวและอ่อนล้า ข้อมือของนางถูกห่อด้วยผ้าขาวมีเลือดซึมอยู่ เข็มที่นางใช้ค่อนข้างใหญ่นางเป็นคนสั่งทำมันขึ้นมาเอง เดิมทีตั้งใช้ว่าจะนำมาใช้ถ่ายเลือดสำหรับขับพิษ แต่ทว่านางเลือกใช้มันอย่างเร่งด่วนสำหรับการถ่ายเลือดทำให้เกิดแผลในเส้นเลือดมากเกินไป ดังนั้นตอนนี้นางจึงจำเป็นต้องใช้ผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดไว้ชั่วคราว

ฮูหยินจางที่นอนอยู่บนเตียงแม้ว่าใบหน้าจะไม่ซีดเผือดเท่าชูเซี่ยแต่ก็นับได้ว่าไร้สีเลือด หญิงวัยกลางคนหลับตาแล้วอ้าปากออกเล็กน้อย มุมปากของนางมีคราบผงสีขาวๆซึ่งเป็นผงห้ามเลือดที่ชูเซี่ยนำมาป้อน บนร่างของนางมีเสื้อคลุมขนาดใหญ่คลุมบาดแผลไว้ มือของนางที่วางอยู่ข้างเตียงซีดขาวจนพาให้ผู้คนใจหาย

ชูเซี่ยเห็นว่าทุกคนเข้ามาในห้องก็พยายามยันกายลุกขึ้นแต่ถูกเชียนซานห้ามไว้ “นอนเถิดเจ้าค่ะ สภาพท่านยามนี้ดูอ่อนแอยิ่งนัก”

ชูเซี่ยยิ้มขำ “ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าบอกเสียหน่อย ได้พักผ่อนสักหน่อยก็ค่อยยังชั่วแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า