ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 161

ตอนที่ 161 สอดแนม

เรื่องที่ซูเซี่ยออกจากวังหลวง หลี่เฉินเย่นรู้อยู่ก่อนแล้ว

เขารู้ไม่อาจต้านทานนางได้ แม้ว่าไม่อยากให้นางออกไป แต่รู้ว่านางและเชียนซานมีความสัมพันธ์ของคนทั้งสองแน่นแฟ้นหยั่งลึก เกิดเรื่องขึ้นกับเชียนซาน นางไม่อาจนิ่งดูดาย ดังนั้นความจริงแล้วคืนนั้นเขาวางแผนให้องค์รักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูข้างถอนตัวออกไป ให้นางออกจากวังอย่างสะดวก

เรื่องการป่วยของเชียนซาน เขาได้กำชับสั่งให้ปิดข่าวนี้เป็นความลับ นางเชื่อว่าซูเซี่ยมีความฝีมือเพียงพอที่จะช่วยเชียนซานได้ แต่ว่าเขาไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้การป่วยของเชียนซาน และไม่อาจให้ผู้คนรอบข้างรู้ว่าซูเซี่ยและผู้ป่วยอย่างเชียนซานอยู่ด้วยกัน เพราะบางเรื่องถึงแม้จะเป็นฮ่องเต้ ก็ไม่มีวิธีที่จะยับยั้ง นั่นคือโรคติดต่อ กฎหมายข้อบังคับ แต่ทุกอย่างที่เป็นโรคบ้าหรือว่าโรคระบาดเหมือนกันหมดต้องส่งไปกักกั้นอยู่บน เกาะร้าง เพราะตอนที่บรรพบุรุษเริ่มก่อตั้งแคว้นไม่นาน เคยเกิดเรื่องคนบ้าไล่ฟันคนที่ถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงขึ้นมาครั้งหนึ่ง ยังผลให้คนกว่าร้อยคนบาดเจ็บล้มตาย ดังนั้นแค่วันเดียวที่เกิดโรคบ้าขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะใช้อำนาจบังคับ จักต้องส่งไปกักกั้นที่ เกาะร้าง และหนึ่งปีก่อนที่บรรพบุรุษที่ได้เริ่มก่อตั้งแคว้นเสียชีวิต พื้นที่แถบจี้โจวมีคนเป็นโรคบ้า เวลานั้นหมอต่างพูดกันว่าเป็นโรคติดต่อ แต่ท้องที่ไม่ได้เห็นว่าสำคัญ กระทั่งไม่ได้แยกทำการรักษา ส่งผลให้พื้นที่ขนาดใหญ่ทั่วแคว้นเกิดโรคติดต่อขึ้น ล้มตายไปเกือบสองหมื่นคน ขณะนั้นทั่วแคว้นทั้งราชสำนักและราษฎรล้วนพากันตื่นตะหนกตกใจ ต่างพากันสงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นโรคติดต่อ สุดท้ายระดับของการคาดเดาก็ถึงขั้นลงมือฆ่าฟันคน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่สามารถที่จะควบคุมได้เลย เมื่อเกิดความวุ่นวายในหมู่ประชาชน บรรพบุรุษจึงออกคำสั่งรวดเดียวลงไปให้เจ้าหน้าที่ในท้องที่ทั้งหมดทำการสอบสวนลงโทษ และปรับปรุงแก้ไขกฎข้อบังคับ เพียงวันเดียวที่พบต้นตอของโรคติดต่อ จักต้องคัดแยกออกไป

กฎหมายคือจำเป็นต้องแก้ไขให้ถูกต้องและสมบูรณ์อยู่เสมอ แต่กฎหมายข้อนี้กลับได้รับการสนับสนุนจากทั่วแคว้นและเหวินอู่ป่ายกวาน ถึงแม้ว่าขณะนี้ต้องปรับปรุงแก้ไขอีกครั้ง และต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง และไม่ใช่ออกคำสั่งไปแล้วจะสามารถทำเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จได้

ดังนั้นหลังจากที่หมอหลวงวินิจฉัยโรคกลับมา เขาจึงเก็บข่าวสารนั้นไว้เป็นความลับ ส่วนหว่านเหนียงและหลวี่หนิงรู้ได้อย่างไร เพราะว่าหมอหลวงได้รับคำสั่งจากหลวี่หนิงให้ออกจากวังไป แรกเริ่มนั้นหลี่เฉินเย่นกลัวว่าซูเซี่ยจะรู้เรื่อง นางจะต้องยืนยันที่จะออกจากวังไปแล้วได้รับการติดเชื้อจากโรคติดต่อ แต่เขาคิดได้ทีหลังว่ารู้ว่าไม่สามารถห้ามซูเซี่ยได้ นางจะต้องออกจากวังอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงคิดขึ้นได้ว่าต้องให้นางออกไปอย่างไร้อุปสรรคใด ๆ

เมื่อเริ่มจากหลังการออกจากวังหลวงของซูเซี่ย หลี่เฉินเย่นก็กระวนกระวายใจอยู่ตลอด เชียนซานป่วยอย่างไม่รู้สาเหตุ เรื่องนี้เดิมทีจึงค่อนข้างน่าประหลาดใจ หลายปีมานี้น้อยนักที่จะได้ยินมีคนเป็นโรคทรพิษ ต้องคัดแยกออกมาทำการรักษาทำให้โรคติดต่อที่รุนแรงอยู่ทั่วแคว้นก็ได้สูญหายไป กระทั่งถูกกำจัดให้สูญสิ้นไป บางครั้งมีอาการของโรคบางอย่างปรากฏขึ้นมาก็ล้วนถูกส่งแยกออกไปที่ เกาะร้างทันที

แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ช่างโหดเหี้ยม แต่ว่าหลายปีมานี้ ทั่วแคว้นล้วนไม่ได้มีโรคบ้าระบาดและโรคติดต่อเกิดขึ้นเลย กลับมีกฎหมายข้อนี้ขึ้นมา

“ทูลฝ่าบาท ท่านหญิงฉ่ายเวินมาถึงแล้วพะย่ะคะ” จงเจิ้งเข้ามาทราบทูลรายงาน

หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เวลานี้แล้ว นางมีธุระอันใดกันหรือ”

จงเจิ้งเอ่ยว่า “เอ่ยว่ามีเรื่องด่วนต้องกราบทูลฝ่าบาทพะย่ะคะ”

หลี่เฉินเย่นบ่นพึมพำว่า “ให้นางเข้ามา”

จงเจิ้งถอยออกไปไม่นานก็เห็นฉ่ายเวินที่ร่าเริงมีรอยยิ้มบนใบหน้าเดินเข้ามา “ศิษย์พี่ เวลานี้แล้วยังยุ่งจัดการงานราชการอยู่อีกเรหอเจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นหัวเราะออกมา “ข้ายังคิดว่าเจ้าคงนำของกินอร่อยๆ มาให้ข้าซะอีก แต่กลับไม่มีสิ่งใดติดมือมา มาเพื่อสิ่งใดกันหรือ”

ฉ่ายเวินตรงไปที่ข้างกายของหลี่เฉินเย่น เขย่าแขนของเขาไปมา เอ่ยอย่างงอนๆว่า “ข้าคิดถึงศิษย์พี่นิเจ้าคะ อีกอย่างตอนนี้ท่านเป็นฮ่องเต้แล้ว อยากกินสิ่งใดล้วนมีพร้อม ยังจะให้ข้าทำของว่างมาอีกหรือเพคะ ”

หลี่เฉินเย่นมองดูศิษย์น้องของตน เขาคิดว่านางคือน้องสาวนของตนตลอดเวลา วางในใจรักอย่างสุดซึ้ง หวังว่านางจะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ก่อนหน้านี้คิดดีแล้วว่าจะหาสามีที่ดีให้กับนาง ให้นางมีความสุขปราศจากความทุกข์ตลอดชีวิต หากที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คือฝีมือของนาง อย่างนั้นเขาอาจจะต้องเสียใจภายหลังที่พานางลงจากเขามา แต่หากไม่ได้พานางลงเขามา วันนี้นางอาจจะยังเป็นหญิงสาวธรรมดาผู้นั้นอยู่ก็ได้

“ศิษย์พี่ มองข้าทำไมกันหรือ” ฉ่ายเวินเห็นสายตาของหลี่เฉินเย่นจ้องมองมาที่ตนอย่างไม่กระพริบตา จึงยื่นมือออกไปผลักเขาเล็กน้อย ในใจเกิดกระแสของความเย็นชาขึ้นมาทันที นางเกลียดสายตาเช่นนี้ยิ่งนัก คล้ายกับตอนที่นางยังอายุสิบสอง เขาใช้สายตาแบบศิษย์พี่ศิษย์น้องมองมายังนาง ที่นางต้องการมาเนิ่นนานนั้นไม่ใช่เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบศิษย์พี่ศิษย์น้อง

หลี่เฉินเย่นเก็บสายตากลับมา เอ่ยด้วยมุมปากประดับด้วยเสี้ยวของรอยยิ้มว่า “ไม่มีสิ่งใด ข้าเพียงกำลังคิดว่าควรที่จะแต่งตั้งน้องสาวของพวกเราเป็นองค์หญิง มีฐานะที่ดีอย่างองค์หญิงแต่งออกไป”

สีหน้าของฉ่ายเวินมีความสงสัยขึ้นมาทันที แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าอย่างไรนะเพคะ ตอนนี้ข้าไปขัดขวางอะไรของศิษย์พี่หรอ ถึงอยากจะให้ข้าแต่งออกไป ยิ่งไปกว่านั้นการแต่งกับผู้ใดก็ต้องมีคนรักก่อน แล้วจะให้ข้าแต่งให้กับผู้ใดกัน”

“ถ้าเช่นนั้นระหว่างหลี่ซี่และหลวี่หนิง เจ้าชอบใครมากกว่ากันหรือ” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามฉ่ายเวิน

ฉ่ายเวินยิ้มออกมาบางๆ แล้วเอ่ยว่า “ทั้งชอบและไม่ชอบเพคะ”

“เจ้าพูดถึงสิ่งใดกัน” หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้วอย่างสงสัยมองไปที่นาง

ฉ่ายเวินเบียดตัวนั่งลงข้างกายของหลี่เฉินเย่น ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรในห้องทรงพระอักษร แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงฮองเฮาที่จะสามารถนั่งเคียงกายฮ่องเต้อยู่บนเก้าอี้เช่นนี้ได้ และยังต้องได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้อีกด้วย แต่นางกลับไม่สนใจผู้ใดเช่นนี้นั่งลงติดข้างกายของ เขา เมื่อตอนยังเด็กพวกเขาก็ทำเช่นนี้บ่อยๆ นางเอาศีรษะซบลงบนไหล่ของหลี่เฉินเย่น แล้วเอ่ยว่า “ข้าชอบพวกเขาทั้งสองคน เหมือนกับที่ชอบพี่สาวและหวงไทเฮา เช่นกัน ความชอบประเภทนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักเพคะ”

หลี่เฉินเย่นเคลื่อนตัวออกห่างนางอย่างช้าๆ แล้วหับกลับไปมองที่นาง “เจ้าชอบพี่สาวของเจ้ามากขนาดนั้นหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า