ตอนที่ 163 เพื่อนทรยศ – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาเกิดใหม่ของข้า
ตอนนี้ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 163 เพื่อนทรยศ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 163 เพื่อนทรยศ
ห้าวันแล้วที่ซูเซี่ยได้ออกจากวังไป ตอนนี้อาการเบื้องต้นของเชียนซานได้คงที่แล้ว อย่างน้อยไข้ที่สูงก็ลดลง ตุ่มเม็ดของโรคทรพิษที่ขึ้นตามใบหน้าก็เริ่มที่จะตกเป็นสะเก็ดแล้ว บนใบหน้าของเชียนซานไม่มีรอยแผลเป็นเหลืออยู่ให้เกิดข้อสงสัยเลย ดังนั้นซูเซี่ยจึงออกจากวังไปตามหาซื้อตัวยาบางอย่างกลับมา ใช้วิธีการฝังเข็มให้ยาซึมซามลงไปตามจุดทำให้รอยแผลเป็นหายไป หลักทั่วไปคล้ายกับการรักษาด้วยเข็มเล็กๆ เพื่อความสวยงาม(MTS)ในสมัยปัจจุบัน ใช้ลูกกลิ้งเข็มจิ้มให้เกิดรูเล็กๆ ลงบนใบหน้า หลังจากนั้นทุกวันทาตัวยาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้รอให้ตัวยาซึมซาบเข้าไป ทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นดูมีชีวิตชีวา
ข้างกายนางไม่ได้นำผู้ติดตามหรือสาวใช้ติดตามมาด้วย มาพูดคุยกับจูเก๋อหมิงที่โรงแพทย์เพียงลำพัง
ตั้งแต่หลังจากครั้งนั้น นางก็ไม่เคยได้พบกับจูเก๋อหมิงอีกเลย
เมื่อจูเก๋อหมิงเห็นนางปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูของโรงแพทย์ ท่าทางแสดงออกมาคล้ายตกตะลึง หลังจากที่ภายในใจนั้นอยากหลบหายไป
ซูเซี่ยยังทักทายอย่างสง่างามขึ้นว่า “จูเก๋อ ไม่เจอกันซะนานเลยนะ”
จูเก๋อหมิงแสร้งหัวเราะออกมา “ใช่แล้ว เจ้าออกจากวังมาหรือ”
ซูเซี่ยเอ่ยว่า “ใช่ ข้าออกจากวังมาหลายวันแล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่ในจวนซือคง ”
“เรื่องเกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัยขึ้น
ซูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เพียงคิดอยากจะออกจากวังมาพำนักที่ด้านนอกสักระยะหนึ่งเท่านั้น” ในใจของซูเซี่ยนั้นจะต้องปกปิดเรื่องการป่วยของเชียนซาน ก่อนหน้านี้นางและจูเก๋อหมิงล้วนไม่มีความลับต่อกัน พูดได้ว่าจูเก๋อหมิงคือเพื่อนที่รู้ใจของนาง ไม่ว่าในใจคิดสิ่งใด เกิดเรื่องราวอันใดกับนาง นางล้วนสามารถพูดกับจูเก๋อหมิงได้ แต่ว่าตอนนี้มองดูท่าทางที่ไม่ปกติของบุรุษตรงหน้าแล้ว ในใจของนางจึงต้องเพิ่มการป้องกันขึ้น
นางยื่นใบสั่งยาส่งให้กับเขา แล้วเอ่ยว่า “ข้าอยากได้ซื้อยาชุด”
จูเก๋อหมิงนำใบสั่งยาขึ้นมาอยู่ แล้วเอ่ยว่า “โอ้ว เจ้าใช้เองหรือ” ใบสั่งยานี้สามารถพูดได้ว่าคือตำรับยาสำหรับความสวยงาม ตัวยาในนี้ส่วนใหญ่ล้วนใช้ต้มหรือว่าบดให้เป็นผง
“ใช่แล้ว” ซูเซี่ยเอ่ยขึ้น
จูเก๋อหมิงพยักหน้า นำตำยาส่งให้กับหมอที่อยู่ข้างกาย แล้วเอ่ยว่า “รบกวนเจ้าไปช่วยจัดยาชุดนี้ให้กับท่านหมอเวิน”
เมื่อหมอได้รับใบสั่งยาแล้วก็เดินไปทันที
จูเก๋อหมิงเชื้อเชิญให้ซูเซี่ยเข้าไปนั่งในห้องโถงด้านใน มีแพทย์ฝึกหัดยาชาเข้ามาวางไว้ ในมือของซูเซี่ยกุมถ้วยชาเอาไว้ เมื่อครู่ที่เดินทางมาค่อนข้างเปียกชื้น นางจึงคิดว่าหนาวเย็นเล็กน้อย เมื่อนั่งลงแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าเย็นเหมือนน้ำแข็ง มือที่กุมถ้วยชาอยู่นี่จึงให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงได้มาถึงแล้ว
“ฝนตกลงมาแล้วหลายวัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะหยุดสักที” จูเก๋อหมิงไม่มีคำพูดใดๆจะเอ่ย เขาลุกกายขึ้นผลักบานหน้าต่างเปิดออก
ซูเซี่ยเอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฝนจึงจะหยุด”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมคนทั้งสองอีกครั้ง บรรยากาศที่ดูน่าอึดอัดเช่นนี้ ทำให้ซูเซี่ยนึกเสียใจเล็กน้อยที่มาที่นี่ซื้อยาชุด
ในที่สุดเวลาผ่านไปไม่นาน จูเก๋อหมิงก็เอ่ยเบาๆว่า “ข้าขอโทษ”
ซูเซี่ยดึงสายตามองยังเขา สีหน้าคล้ายเย็นชา “คืนนั้นเจ้าไม่ได้ถูกคนวางยาใช่หรือไม่”
จูเก๋อหมิงฝืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ท้ายที่สุดแล้วก็ปิดบังเจ้าไม่ได้ ไม่ผิด คืนนั้นข้ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าแก้วของข้าถูกคนวางยาสลบ ข้าก็ยังดื่มไปเล็กน้อย ”
“แต่ในแก้วของข้าไม่ได้ถูกวางยา” ซูเซี่ยรู้สึกไม่เข้าใจ
“ยังจำปลาผัดเปรี้ยวหวานในคืนนั้นได้หรือไม่ ปลาเปรี้ยวหวานที่อยู่ด้านหน้าของเจ้า ในแก้วของเจ้าและปลาเปรี้ยวหวานนั้นล้วนถูกวางยา ยาสองชนิดนี้แยกด้วยตาเปล่าไม่ออก แต่ว่าหากยาทั้งสองชนิดนี้ถูกผสมเข้าด้วยกันเมื่อไหร่ก็จะเปลี่ยนเป็นยาสลบ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ากลับวังไปแล้วดื่มน้ำเข้าไป ตัวยาในน้ำบนแก้วของเจ้าก็สามารถที่จะทำให้ร่างกายของเจ้าได้รับยาสลบเข้าไปอย่างรวดเร็ว สติของเจ้าจึงไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ” จูเก๋อหมิงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
ซูเซี่ยยิ้มเยาะออกมา ให้กับสายตาที่คมคายคู่นั้นที่กำลังเพ่งมองนาง “ดีเสียจริง ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าเป็นคนหลอกลวง เจ้าทำเพื่อต้องการสิ่งใดกันแน่ เจ้าต้องการทำเช่นนี้เพื่อทำร้ายข้าหรือ เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะฆ่าเจ้าใช่หรือไม่ ”
จูเก๋อหมิงเอียงหน้าขึ้นหัวเราะออกมาคล้ายไร้พิษสง “ตอนนั้น ข้าไม่ได้คิดอะไรมาก อาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ และอาจจะเป็นที่ถูกฉ่ายเวินวางยาทำให้จิตใจหลงผิดไป สรุปแล้วนางพูดว่ามีวิธีการที่ทำให้เจ้าออกจากวังมาอยู่กับข้า ข้ายอมรับว่าถูกคำพูดของนางดึงดูดความสนใจไป ดังนั้นข้าปล่อยให้นางวางยาในแก้วของตัวเอง แต่ว่าฤทธิ์ของยาที่ข้าดื่มเข้าไปไม่ได้มากพอที่จะทำให้ข้าหลงผิดได้ ”
ซูเซี่ยเกิดข้อสงสัยขึ้นจึงเอ่ยว่า “แต่ที่เฉินเย่นพูดกับข้าไม่ได้มีการทดสอบว่าในแก้วคือสิ่งใด”
“เป็นไปไม่ได้ ที่ขอบแก้วยังต้องมีผงยาติดอยู่ นั่นคือข้าตั้งใจหลงเหลือเอาไว้ ข้ายืนยันว่าเฉินเย่นจะต้องรู้ว่าพวกเราถูกวางยาจากเพราะผงยาพวกนั้น พวกเราสองคนถูกคนใส่ร้าย เขาไม่สมควรที่จะโทษพวกเรา แต่ว่าเขาคือคนที่มั่นใจในตัวเองสูง เห็นกับตาด้วยตนเองว่าข้าและเจ้าอยู่ด้วยกันบนเตียง เขาอาจจะคิดว่าช่างน่าอัปยศอดสูอย่างมาก ข้าคิดว่าเขาคงยินยอมที่จะปล่อยเจ้าไป ” จูเก๋อหมิงยิ้มอย่างเศร้าหมองแล้วเอ่ยต่อว่า “แต่ข้ายังประเมินความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้าต่ำเกินไป เขากลับไม่ถือสาใดๆเลย”
ซูเซี่ยรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จนหายใจถี่ขึ้น “เจ้าคิดว่าตนวางแผนให้ข้าเป็นเช่นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะออกจากวังหลวงแล้วจะสามารถอยู่ร่วมกันกับเจ้าได้อีกหรือ ข้ามีเพียงจะเกลียดเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคือเพื่อน เชื่อใจเจ้าทุกอย่าง เจ้ากลับคิดทำเช่นนี้กับข้า ข้าเกลียดชังความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นใส่ร้ายป้ายความผิดประเภทนี้สิ้นดี โดยเฉพาะคนผู้นั้นเป็นเจ้า”
จูเก๋อหมิงจ้องมองซูเซี่ย ใบหน้ามีร่องรอยของความทุกข์เศร้าปรากฏขึ้นมาจึงเอ่ยว่า “เจ้าอาจจะไม่เชื่อ หลังจากเกิดเรื่องราวนี้ขึ้นข้าทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา ข้าไม่มีหน้าที่จะไปพบเจ้ากับเฉินเย่น ข้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก”
ซูเซี่ยส่ายหน้า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างผิดหวังว่า “ข้าไม่กล้าที่จะเชื่อแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะช่วยฉ่ายเวินวางแผนมาทำร้ายข้า เรื่องที่นางต้องการทำร้ายข้าเจ้าก็รู้ก่อนอย่างเต็มอก นางเป็นคนเช่นไรเจ้าย่อมรู้ชัดเจนกว่าข้า แต่เจ้ากลับสมรู้ร่วมคิดกับนางทำเรื่องที่เลวร้าย จูเก๋อหมิง หลังจากนี้พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว”
จูเก๋อหมิงอยู่ในอารมณที่น่าหดหู่ใจเอ่ยบ่นพึมพำว่า “ตอนนั้น นางพูดกับข้าว่าเพียงเจ้าออกจากวังหลวง ก็จะสามารถคุ้มครองเจ้าจากอันตรายได้ จุดประสงค์ของข้ามีเพียงอยากให้เจ้าออกจากวังหลวง ไม่ได้มีความคิดอื่นใดเลย” ประโยคนี้ของเขาแม้ตนเองก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ สุดท้ายทำได้เพียงก้มหน้าลงและไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
หญิงสาวตื่นตระหนกส่ายหน้า แล้วรีบร้อนเอ่ยว่า “นายท่าน ข้ายินยอมเป็นเพียงสาวใช้ ไม่ได้คิดที่จะขายร่างกาย นายท่านหากในจวนของท่านขาดสาวใช้ ข้าน้อยก็จะไปกับท่าน....ไอ้หยา” นางกำลังขัดขืน บุรุษผู้นั้นจึงยืนมือจับที่หน้าอกของหญิงสาว หญิงสาวกระดากอายจนหน้าแดง คุกเข่ากอดตัวเองอยู่บนพื้นไม่กล้าที่จะพากายลุกขึ้นมา
ในที่นั่นบางคนโกรธเคือง บางคนก็มองดูความคิกคักแล้วหัวเราะเบิกบานใจ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์บุรุษผู้นั้น เพราะล้วนรู้ถึงสถานะของเขา คนผู้นี้เป็นถึงลูกชายของหลิวอันขุนางใหญ่ในราชสำนัก ในอดีตที่ผ่านมาวางอำนาจบาตรใหญ่ เอารัดเอาเปรียบผู้คนที่ทำอาชีพเดียวกัน รังแกผู้ที่อ่อนแอ่กว่า ชาวบ้านต่างพากันหน้าชื่นอกตรม
ดังนั้น ตอนนี้จึงไม่มีผู้ใดยื่นมีเข้ามายับยั้ง สถานภาพของหญิงสาวผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าน่าเศร้าสลดยิ่งนัก
ซูเซี่ยเดือดเป็นฟืนเป็นไฟจึงเอ่ยอย่างโมโหว่า “ปล่อยมือนางลงซะ”
บุรุษผู้นั้นยังไม่ได้หันกลับมา ผู้ติดตามสองคนที่มีร่างกายกำยำที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ก้าวออกมา หนึ่งในนั้นที่ปิดบังใบหน้ามองยังซูเซี่ย เอ่ยอย่างทะเล้นว่า “โอ้มีสาวน้อยเข้ามาอีกคน นายท่านต้องการให้นำกลับจวนหรือไม่ขอรับ ”
บุรุษอัปลักษณ์ผู้นั้นหันกลับมา ใช้สายตากวาดมองไปทั่วร่างของซูเซี่ย แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นว่า “แม้จะสวยไม่เท่ากับสาวน้อยผู้นี้ กลับเป็นสินค้าที่ดูเหนือกว่า จะต้องนำกลับจวน”
เมื่อเขาเพิ่งเอ่ยจบไป ผู้ติดตามทั้งสองคนก็กระโจนเข้ามาโดยเจตนาที่จะจับตัวซูเซี่ยกลับไปด้วยเช่นกัน
แต่ว่าพวกเขาทั้งสองยังไม่ได้เข้าใกล้ซูเซี่ย ก็เห็นบุรุษสองคนโดดลงมาจากบนฟ้า ถึงแม้ว่ายังจะไม่ทันมองให้ชัดเจน ผู้ติดตามสองคนนั้นก็ถูกบุรุษนั้นเตะลอยออกไปแล้ว กระแทกเข้ากับผนังแล้วตกล้มลงมาบนพื้นดิน
บุรุษสองคนยืนอารักขาอยู่ด้านหน้าของซูเซี่ย เอ่ยด้วยน้ำสียงที่ทุ้มต้ำอย่างโมโหว่า “ผู้ใดกล้าลงมือกับนายท่านของพวกเขาเช่นนั้นหรือ”
ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้พิทักษ์ของพรรคมังกรเหิน รับผิดชอบคุ้มกันความปลอดภัยและอันตรายให้กับซูเซี่ยอย่างลับๆ
บุรุษที่อัปลักษณ์ถูกรังสีของคนสองนั้นขู่ให้กลัว เขาพยามยามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มั่นคงแล้วคำรามว่า “พวกเจ้าไม่รู้ว่าข้าคือใครใช่หรือไม่ กล้าขัดขวางข้าหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้า.....” เขายังพูดไม่จบก็ถูกหนึ่งในผู้พิทักษ์ชกกระเด็นออกไป
ชาวบ้านที่มุ่งดูเหตุการณ์อยู่รอบๆ ต่างพากกันเอ่ยชมกันขึ้น อันธพาลผู้นี้เป็นคนน่าหมั่นไส้ แต่ก่อนผู้คนในนี้ล้วนหวังว่าจะมีคนออกมาสั่งคนเขา คิดไม่ถึงในที่สุดวันนี้ก็ได้รับโทษจากคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา ช่างสะใจเสียจริง ๆ
ซูเซี่ยเข้าไปประคองหญิงสาวขึ้นมา แล้วล้วงแท่งเงินออกมาเอ่ยว่า “สาวน้อย เงินนี้เจ้ารับไปแล้วกลับไปฝังศพบิดาของเจ้า หลังจากนั้นก็ออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิดเถิด”
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น คุกเข่าโขกศีรษะอยู่บนพื้น หลังจากนั้นเงยหน้าขึ้นเอ่ยว่า “แม่นาง ข้าน้อยไม่มีบ้านที่จะกลับไปแล้ว ขอร้องท่านรับข้าไว้ด้วยเถิด ข้ายินยอมเป็นวัวเป็นม้า คอยรับใช้ท่านเป็นตลอดชีวิต”
เดิมทีซูเซี่ยไม่นางนำนางกลับไป แต่มองเห็นสีหน้าที่ดูงดงามหมดจด อยู่ที่นี่ก็ไม่มีคนที่รู้จักมักจี่ หากปล่อยให้อยู่ตามลำพัง กลัวว่าอาจจะประสบกับเรื่องที่ไม่ดี จึงคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้ากลับไปพร้อมข้าก่อน รอให้ข้าจัดการเรื่องราวของตนเรียบร้อยแล้วค่อยวางแผนว่าจะให้เจ้าไปที่ใดอีกครั้ง”
หญิงสาวโขลกศีรษะขอบคุณไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...