ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 164

ตอนที่ 164 อาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว

ซูเซี่ยพาหญิงสาวกลับวังระหว่างเดินทางอยู่นั้นจึงเอ่ยถามนางว่า “เจ้ามีชื่อว่าอย่างไร เพราะเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่หรือ”

หญิงสาวเดินตามซูเซี่ยอยู่ทางด้านหลัง ความสูงของนางประมาณเดียวกับซูเซี่ย แต่ว่ารูปร่างนั้นถือว่าผอมกว่าซูเซี่ย แม้ว่าจะดูงดงามแต่ขณะที่เดินอยู่ด้านหลังของซูเซี่ยคล้ายกับเป็ดน้อยที่ขวยอาย นางเอ่ยตอบว่า “พี่สาว ข้ามีชื่อว่าขู่เอ่อร์ บ้านเกิดอยู่ที่ฮุ่ยโจว ที่บ้านประสบภัยน้ำท่วมผู้คนในหมู่บ้านล้วนต่างหนีออกมา เดิมทีข้ากับบิดาจึงคิดเข้ามาที่เมืองหลวงพึ่งพาญาติพี่น้อง แต่ตามหาญาติไม่พบเงินที่ใช้เดินทางก็หมดลงเสียก่อน อีกทั้งบิดาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิตลงที่ต่างเมือง...” พูดแล้วสายตาก็แดงก่ำ หยดน้าตาก็พรั่งพรูออกมา

เรื่องราวที่น่าเศร้านี้ช่างเหมือนกับละครในทีวีอย่างไงอย่างนั้น แต่ว่าซูเซี่ยไม่ได้รู้สึกว่านางกำลังเล่นละคร ตรงกันข้ามโลกกว้างใหญ่นี้มีเพียงความรู้สึกของตนเองคนเดียวเท่านั้น นางรู้ได้จากประสบการณ์ที่เคยประสบมา

ซูเซี่ยเวทนาสงสารนางจึงเอ่ยปลอบใจว่า “เรื่องราวร้ายๆได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากนี้ไม่มีผู้ใดสามารถรังแกเจ้าได้อีก ข้าจะพาเจ้าไปที่จวนซือคง ผู้คนในนั้นล้วนเป็นคนดี เจ้าอยู่ที่นั่นก่อนแล้วกัน”

ขู่เอ่อร์ตกใจจนรีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า “พี่สาว ท่านไปที่ใดข้าก็จะไปกับท่านด้วย ท่านเรียบเสมือนญาติพี่น้องของข้า ใยท่านถึงต้องการทิ้งข้าไว้”

ซูเซี่ยหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตัวข้าเองนั้นต้องการไปที่ใด แล้วจะให้พาเจ้าไปด้วยได้อย่างไร อีกอย่างแม้ข้าต้องกลับไปที่สถานที่นั้น เจ้าไปกับข้าก็มีแต่จะได้รับความลำบาก” กลับวังหลวงอันตรายในทุกย่างก้าว เมื่อใดจะถูกคนลอบทำร้ายไม่อาจรู้ได้ พาขู่เอ่อร์เข้าวังหลวงไม่ใช่เป็นการทำร้ายนางหรอกหรือ

ขู่เอ่อร์ร้อนใจเอ่ยว่า “ขู่เอ่อร์ไม่กลัวเจ้าคะ แม้จะลำบากกับท่านข฿เอ่อร์ก็ไม่กลัว กลัวแต่ว่าพี่สาวจะทิ้งขว้างข้า”

ซูเซี่ยรู้ว่าหญิงสาวตันคนเดียว หลังจากที่พบเจอกับเหตุการณ์ณ์ที่น่าวิตกกังวล จะต้องเกิดความรู้สึกผูกติดกับคนที่ช่วยให้พ้นอันตรายขึ้นแน่นอน แต่เพียงต้องใช้เวลาให้จิตใจสงบลงหลายวัน ดังนั้นตอนนี้นางจึงพูดอะไรได้ไม่มากนัก เพียงเอ่ยว่า “เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะพาเจ้าไปที่จวนซือคงก่อน แล้วพูดฝากฝังเจ้ากับใต้เท้าซือคง หลังจากนั้นให้ใต้เท้าส่งคนไปจัดการฝังศพบิดาของเจ้า แล้วกลับมาที่จวนซือคงอีกครั้ง”

“ดีเจ้าคะ ล้วนทำตามที่ท่านเอ่ยมาทั้งหมดเจ้าคะ” ขู่เอ่อร์เอ่ยขึ้น

เรื่องการป่วยของเชียนซานอาการเริ่มคงที่อย่างมากแล้ว สติก็ได้กลับมาแล้วเช่นกัน แต่หลังจากวันนั้นที่ได้ส่องกระจกครั้งเดียวก็อารมณ์ฉุนเฉียวอย่างมาก เอ่ยว่าต้องการทำลายกระจกที่มีทั้งหมดให้แตกละเอียด ฮูหยินซือคงก็เป็นทุกข์อย่างมากจึงได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ด้านข้าง

ยังดีที่ซูเซี่ยเอ่ยปลอบใจนางว่าสามารถทำให้รอยแผลเป็นบนใบหน้าหายไปได้ เชียนซานจึงหยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา

ซูเซี่ยส่ายหน้า “ดูแล้วหญิงสาวที่เพิ่งแข็งแกร่งขึ้น ล้วนมองว่าตนเองมีความดื้นรั้นอยู่อย่างมาก ”

เชียนซานเอ่ยว่า “นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว”

“ใช่แล้ว โดยเฉพาะสิบเดือนมานี้ใจกลางของต้นกะหล่ำ มองดูแล้วค่อนข้างตึงทีเดียว” ซูเซี่ยเอ่ยอย่างหมดท่าทาง

“สิ่งใดเรียกว่ากะหล่ำหรือ ผักก็มีหน้าตาตึงเช่นนั้นหรือ” เชียนซานประหลาดใจถลึงตาเบิกกว้างเอ่ยถามขึ้น

ฮูหยินซือคงหัวเราะเสียงดังออกมา เอ่ยกับเชียนซานว่า “ลูกสาวคนดีของข้า ไม่โทษเจ้าที่ไม่รู้ เจ้าเติบโตอยู่ในพรรคมังกรเหิน จะรู้สุภาษิตของชาวบ้านได้อย่างไรกัน”

“นั่นหมายความว่าอย่างไรกันแน่หรือเจ้าคะ” เชียนซานกะพริบตาเอ่ยถามขึ้น

ซูเซี่ยหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “อืม เจ้าลองนึกดูเมื่อถึงฤดูร้อน เจ้าแมวชอบส่งเสียงร้องเรียกตอนเที่ยงคือใช่หรือไม่ เจ้าพูดสิว่าเจ้าแมวกำลังส่งเสียงร้องเรียกอะไร ”

เชียนซานงงงันอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าแมวนี้และพืชผักมีความสัมพันธ์อันใดกัน...” เงียบงันไปชั่วครู่ เชียนซานก็ตกใจร้องออกมา “ไอ๊ นายท่าน ท่านช่างร้ายกาจเสียจริง ท่านพูดว่าข้ากำลังร้องหาคู่เพื่อผสมพันธุ์”

ซูเซี่ยที่นั่งหัวเราะอยู่อีกด้าน มองเห็นเชียนซานดูสดชื่นเช่นนั้นแล้ว ในที่สุดนางก็วางใจได้แล้ว ในยุคปัจจุบันตอนนี้มีคนบางส่วนมักพูดว่าต้องยกเลิกการแพทย์แผนจีน พูดว่าแพทย์แผนจีนทำให้ประเทศล่มจม ตอนนี้มองไปแล้วในยุคที่ไม่มียาปฏิชีวนะ ยาแผนจีนยังคงเป็นยาที่สามารถช่วยเยียวยารักษาชีวิตของผู้คนเอาไว้อย่างมากมาย

วันที่ดีวันหนึ่งผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เป็นเวลากว่าเจ็ดวันแล้วที่ซูเซี่ยได้ออกจากวังมา ในราชสำนักมีคนส่งหนังสือกราบทูลว่าจางหมิงจูบุตรีของใต้เท้าซือคงเจ็บป่วยด้วยโรคทรพิษ ตามกฏข้อบังคับคนที่ป่วยด้วยโรคทรพิษจะต้องถูกส่งไปยังเกาะร้างออกไป

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ใช่ช่วงการป่วยวันที่สามของเชียนซาน ได้มีคนส่งหนังสือขึ้นกราบทูล แต่ว่าหลี่เฉินเย่นตั้งใจทำให้รายงานเล่มนั้นทับไว้ใต้โต๊ะ และรีบปลดข้าราชการผู้ที่ส่งรายงานกราบทูลออกไปประจำที่ท้องที่ ในที่สุดก็หยุดเรื่องนี้ไว้ได้ชั่วคราว

ครั้งนี้ ข้าราชการผู้นั้นนอกจากจะส่งหนังสือรายงานขึ้นกราบทูลแล้ว ยังเอ่ยพูดขึ้นในราชสำนักออกมาอีกด้วย คนนั้นก็คือเฉินหยวนชิ่ง

ขณะที่จงเจิ้งกำลังประกาศหยุดพักการประชุมราชการ เขาก็รีบเดินออกมาเอ่ยว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมยังมีเรื่องที่จะกราบทูลพะย่ะคะ ”

ฮ่องเต้เห็นสีหน้าที่เฉยเมยของเขา จึงเกิดความรู้สึกหนักใจขึ้น จึงเอ่ยว่า “ใต้เท้าเฉินมีธุระอันใดไปคุยกันที่ห้องทรงพระอักษร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า