อ่านสรุป ตอนที่ 166 โกรธเข้ากระดูกดำ จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
บทที่ ตอนที่ 166 โกรธเข้ากระดูกดำ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 166 โกรธเข้ากระดูกดำ
เชียนซานนั่งลง ใบหน้าของนางแม้ยังไม่กลับมาเกลี้ยงเกลา แต่ไม่พบว่ามีร่องรอยอะไรแล้ว แสดงให้เห็นว่าการรักษาด้วยเข็มยังมีประโยชน์อยู่จริงๆ เพียงไม่กี่วันที่ซูเซี่ยต้องใช้เข็มทิ่มลงบนใบหน้าของเชียนซานไม่หยุด เพื่อให้ยาซึมซาบเข้าไปภายใน แล้วทาผงไข่มุกลงไปเหมือนกับการมาส์กหน้าอีกครั้ง ทำให้เชียนซานนั้นรู้สึกเหมือนโดนทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
เชียนซานเอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน ท่านช่างคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำเสียจริง ว่าต้องมีคนมาตรวจสอบ”
ซูเซี่ยนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้ แต่เป็นเพราะข้าเคยถามคนที่เจ้าเคยสัมผัสมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นคนเช่นไร ข้าจึงคัดเลือกออกมาทีละคนที่ล้วนไม่มีสิ่งที่น่าสงสัยออกไปทั้งหมด มีเพียงที่เจ้าเอ่ยว่าเจ้าเคยพบกับฉ่ายเวินเข้า และตอนที่เดินผ่านหน้าเจ้านางก็ไม่ระมัดระวังชนเข้ากับเจ้า ข้าจึงคิดว่านางน่าจะลงมือวางเชื้อของโรคทรพิษลงบนตัวเจ้า เช่นนั้นสุดท้ายแล้วจุดประสงค์ของนางจึงไม่ยากที่จะคาดเดาได้ ”
“หญิงสาวที่เลวทรามอำมหิตเช่นนี้ เจตนาของนางต้องการทำให้ทุกคนในตำหนักฉ่ายเหว่ยและจวนซือคงล้วนถูกส่งไปที่ เกาะร้าง นายท่านช่างเก่งกาจเสียจริง โรคทรพิษนี้ไม่สามารถรักษาได้ง่ายๆท่านก็ยังสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ ทั้งตนเองและมารดาของข้าก็ล้วนไม่ได้รับเชื้อของไข้ทรพิษอีกด้วย ” เชียนซานมองซูเซี่ยอย่างเลื่อมใส
ซูเซี่ยจึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่เพราะข้าเก่งกาจ แต่เป็นเพราะโรคประเภทนี้เดิมทีไม่ใช่ไม่สามารถรักษาเยียวยาได้ เพียงทุกคนกลัวว่าจะถูกแพร่เชื้อ จึงไม่มีหมอคนใดที่อยากแตะต้องทำการรักษาอย่างแน่นอน พอถูกตรวจสอบยืนยันว่าเป็นไข้ทรพิษก็จะถูกส่งไปยัง เกาะร้างทันที จึงเป็นธรรมดาที่จะโรคที่กำเนิดขึ้นนั้นจะถูกทำลายให้หมดไป ดังนั้นจึงทำให้ทุกคนล้วนคิดว่าไข้ทรพิษคือโรคที่ไม่สามารถรักษาเยียวยาให้หายดีได้ ส่วนที่ว่าข้าและมารดาของเจ้าไม่ได้รับการแพร่เชื้อจากเจ้า เป็นเพราะข้าเคยใช้หนองไข้ทรพิษบนตัวของเจ้า ป่ายเข้าไปในจมูกให้พวกเราแสดงอาการของโรคขึ้น และก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นข้าได้ดื่มยาดับร้อนและขจัดพิษ เพิ่มภูมิต้านทานให้แข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะเกิดอาการของโรคขึ้น ก็จะแสดงอาการเพียงเล็กน้อย เพียงพวกเราเคยได้รับเชื้อไปแล้วแม้เพียงเล็กน้อย อาการของโรคจึงไม่ร้ายแรง หลังจากนี้ก็เหมือนได้ภูมิคุ้มกันตลอดชีวิตไปแล้ว”
“ภูมิคุ้มกันตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ หลังจากนี้พวกเราสัมผัสกับคนที่เป็นโรคทรพิษแล้วล้วนไม่ได้การติดต่อของเชื้อโรคใช่หรือไม่ ไม่ตายใช่หรือไม่เจ้าคะ” เชียนซานเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่ผิด” ซูเซี่ยหัวเราะแล้วอธิบายออกมา
ฮูหยินซือคงเอ่ยชื่นชมขึ้นว่า “ฝีมือการรักษาของท่านหมอเวินยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ แม้ไข้ทรพิษก็ล้วนสามารถรักษาให้หายดีได้ อีกทั้งยังสามารถรู้ถึงวิธีการสร้างภูมิคุ้มกัน นั้นหลังจากนี้มีคนป่วยโรคทรพิษ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเชื้อโรคจะแพร่ติดต่อกันใช่หรือไม่ ”
ซูเซี่ยส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่แน่ไข้ทรพิษหรือที่เรียกกันว่าโรคทรพิษ ยังคงมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ค่อนข้างสูง เพียงร่างกายของเชียนซานมีความสามารถที่ต้านทานโรคได้ดี บวกกับทำการรักษาได้ทันเวลาจึงได้ชีวิตเล็กๆนี้กลับมา ในสถานที่บางแห่งยังมีวัคซีนของโรคทรพิษ คือเป็นยาประเภทหนึ่ง ที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย แล้วสามารถสร้างสิ่งคุ้มกันขึ้น ตลอดชีวิตล้วนไม่สามารถป่วยเป็นโรคประเภทนี้อีก แต่ในที่นีไข้ทรพิษยังคงเป็นสิ่งที่สามารถสังหารคนที่น่ากลัวอยู่ดี ”
“แต่ว่า ท่านไม่ใช่ทำให้พวกเราสองคนล้วนสามารถต้านทานได้แล้ว และหลังจากนี้ไม่สามารถติดเชื้อได้อีกไม่ใช่หรือ สามารถใช้วิธีนี้ทำให้ผู้อื่นมีภูมิต้านทานได้หรือไม่ จะได้มิต้องหวาดกลัวโรคติดต่อประเภทนี้อีกต่อไป ” ฮูหยินซือคงกล่าว
ซูเซี่ยจึงเอ่ยว่า “ทั่วแคว้นมรประชาชนมากกี่คนกันหรือ ตุ่มหนองของฝีดาษยากที่จะเก็บรวมรวบได้ ถุงแม้ว่าจะสามารถจัดเก็บรวบรวมได้ จะมีผู้คนมากมายเท่าใดที่จะเชื่อข้า ในข้าป่ายฝีดาษเข้าไปในจมูกของพวกเขากันละ ฮูหยินท่านยินยอม เป็นเพราะท่านไว้ใจข้าจึงยอมเอาชีวิตเข้าแลก แต่ว่าผู้คนทั่วแคว้น จะยอมเอาชีวิตของตนมาเชื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่งได้อย่างกัน ” ซูเซี่ยเอ่ยอธิบาย
บานประตูถูกเคาะขึ้น ตามด้วยเสียงเรียกที่ดังขึ้นว่า “เปิดประตู”
ซูเซี่ยหัวเราะอย่างไม่แยแส แล้วเอ่ยว่า “ฮูหยิน ละครฉากนี้ต้องฝากท่านแล้ว”
ฮูหยินซือคงยิ้มอย่างองอาจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านหมอเวินวางใจเถอะ รอดูการแสดงของข้าเถอะ ”
พูดจบแล้ว นางก็เดินไปที่ข้างประตู เอ่ยอย่างตกใจเล็กน้อยขึ้นว่า “ผู้ใดหรือ”
ทหารอารักขาคนหนึ่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเฉินหยวนชิ่งเป็นคนเคาะประตู เขาเคาะประตูแล้วเอ่ยว่า “เปิดประตู อยู่ที่นี่คือองค์ฮ่องเต้ ยังไม่เปิดประตูออกมารับเสด็จอีกหรือ”
ฮูหยินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านขึ้นว่า “ ข้าอยู่ในกรอบธรรมเนียมประเพณี จึงไม่กล้าที่จะออกไปรับเสด็จฮ่องเต้ จึงได้ให้เจ้านายในจวนของข้าออกไปรับเสด็จ ” พูดเสร็จนางกก็กลับไปนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วทาครีมที่มีสีเหลืองลงไปบนหน้าคล้ายกับว่าเป็นจุดเล็ก ๆ เมื่อมองจากไกลไกลเห็นได้เลยว่าเหมือนกับตุ่มหนองของไข้ทรพิษบนหน้าของเชียนซานก่อนหน้านี้อย่างมาก
ทหารอารักขาหันกลับไปมองยังเฉินหยวนชิ่งแวบหนึ่ง เฉินหยวนชิ่งจึงเอ่ยด้วยนำเสียงที่เย็นชาว่า “ถอยออกไปซะ”
พูดแล้วก็เดินเข้าไปยกเท้าถีบประตูให้เปิดออก คุณชายใหญ่รีบร้อนเดินเข้ามา แล้วฉุดลากเขาพร้อมเอ่ยว่า “ท่านนายพลฮ่องเต้ทรงอยู่ที่นี่ อย่าทำให้พระองค์ทรงตกพระทัยเลย ”
เฉินหยวนชิ่งคิดว่าคุณชายใหญ่นั้นกลัวเขาจะเข้าไปดูอาการป่วยของเชียนซาน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “องค์เต้ทรงขี้ขลาดเช่นนั้นหรือ เจ้ารีบถอยออกไปซะ มิฉะนั้นจะหาว่าข้าไม่เกรงใจไม่ได้”
คุณชายใหญ่กลับไม่หลีกทาง เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธที่แฝงอยู่ว่า “การพูดว่าน้องสาวของข้าป่วยเป็นไข้ทรพิษนี้ ก็ต้องมีหลักฐานมิใช่หรือ ดีหรือไม่อย่างไรนี่ก็เป็นห้องส่วนตัวของสตรี ท่านนายพลพูดว่าต้องการเข้าไปก็เข้าไปเลยเช่นนี้ ช่างดูไม่มีมารยาทไปหน่อยแล้ว ”
“เหลวไหล เรื่องนี่ใหญ่หลวงไข้ทรพิษเป็นภัยที่ร้ายแรง ทั่วแคว้นล้วนรู้กฎระเบียบของราชสำนัก เมื่อพบคนที่เป็นโรคทรพิษ จำเป็นต้องส่งคนที่เคยสัมผัสกับผู้ป่วยทั้งหมดออกไปยัง เกาะร้าง... ” เฉินหยวนชิ่งยังพูดไม่จบ ก็มองเห็นว่าประตูเปิดออกมาทันทีแล้ว ฮูหยินซือคงกระโจนออกมาอย่างรุนแรง แล้วโผเข้าใส่เฉินหยวนชิ่ง ทั้งทุบตีและด่าทอว่า “พูดจาเหลวไหล ผู้ใดพูดว่าหมิงจูของพวกเราเป็นไข้ทรพิษกันหรือ หมิงจูของพวกเรานางเพียงแค่ออกหัดเท่านั้น” พูดแล้วก็อดไม่ได้ที่เสียดสีเข้ากับร่างกายของเขาอย่างช้าๆ จนเสื้อผ้าของเฉินหยวนชิ่งที่ขาวสะอาดเปรื้อนเต็มไปด้วยสีเหลืองของหนองขึ้นทันที
แต่เขานึกถึงการตายอย่างอนาถของน้องสาวขึ้นมาทันที เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ยังคิดที่จะปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่อีก กระทั่งรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามีอันตรายก็ยังต้องการที่จะเดินทางมาก่อน แสดงให้เห็นว่าแท้ที่จริงแล้วเขาใช้ความรู้สึกลึกๆที่มี เขาจะสามารถทำให้พวกเขาสมความปรารถนาเช่นนั้นหรือ แม้ตายเขาก็ต้องแก้แค้นครั้งนี้ให้ได้
เขาก้าวกลับไปด้านข้าง ยืนตรงแสดงความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาท โปรดทำตามกฎระเบียบทันทีด้วยพะย่ะคะ ส่งผู้คนในจวนซือคงและตำหนักฉ่ายเหว่ยไปที่เกาะร้าง เพื่อรักษาความปลอดภัย”
หลี่เฉินเย่นยังม่พูดอะไรออกมา ซูเซี่ยก็ดึงประตูเปิดออกแล้วเดินออกมา ใบหน้าของนางเรียบเนียนเช่นเดิม ไม่มีร่องรอยใด ๆ ของการได้รับเชื้อโรคทรพิษ นางเดินมายังด้านข้างของหลี่เฉินเย่น ย่อกายทำความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”
หลี่เฉินเย่นจ้องมองซูเซี่ยด้วยสายตาแข็งแกร่งที่ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ เขาเอ่ยเบาๆขึ้นว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
ซูเซี่ยส่งเสียงอืมรับคำ แล้วหันหลังกลับเดินไปที่ข้างกายของเฉินหยวนชิ่ง ค่อยๆก้าวประชิดเข้าไปแล้วเอ่ยถามว่า “ใต้เท้าเฉินเมื่อครู่ท่านพูดว่า ขอเพียงแต่เป็นคนที่สัมผัสกับผู้ป่วยไข้ทรพิษ ก็ล้วนต้องส่งตัวออกไปยังเกาะร้างใช่หรือไม่”
สายตาของเฉินหยวนชิ่งที่พุ่งออกมาช่างเหมือนกับสายตาของงูพิษ เขาเกลียดชังซูเซี่ยอย่างมาก ตอนนี้เกลียดจนแทบที่จะลงมือสังหารนางได้ แต่ต่อหน้าเหล่าขุนนางเขาจึงยังต้องทนกักเก็บความเกลียดเอาไว้ในใจ เขาเอ่ยอย่างเฉยชาขึ้นว่า “ไม่ผิด กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจน ขอเพียงแค่ป่วยเป็นไข้ทรพิษหรือว่าคนที่เคยสัมผัสกับผู้ป่วยโรคทรพิษ กฏข้อหนึ่งต้องส่งตัวไปยังเกาะร้าง”
ซูเซี่ยมีรอยยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณการอธิบายของใต้เท้าเฉิน” นางหมุนกายมองไปนังเหล่าขุนนาง เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆ ว่า “เมื่อครู่ทุกท่านล้วนได้เห็นแล้วว่าฮูหยินซือคงได้สัมผัสโดนตัวใต้เท้าเฉิน และเมื่อครู่ท่านหมอหลวงผู้นี้ก็พูดแล้วว่าฮูหยินซือคงนั้นก็เป็นผู้ป่วยโรคทรพิษ ขอถามทุกท่านในราชสำนักว่า ใต้เท้าเฉินก็ต้องถูกส่งตัวไปที่เกาะร้างใชหรือไม่”
เฉินหยวนชิ่งตะลึงงันไปชั่วครู่ สีหน้าก็มืดครึ้มขึ้นทันที จ้องมองซูเซี่ยอย่างโกรธเคืองแล้วเอ่ยว่า “ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ เป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่”
ซูเซี่ยยิ้มยิงฟันออกมา แล้วหันกลับไปมองเขา สายตาก็จ้องไปยังสายตาของเขาคู่นั้นก็ดุดันขึ้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ท่านทำมากมายเช่นนั้น เพียงคิดทำให้ข้าและเชียนซานถูกส่งตัวออกไปยัง เกาะร้าง แต่ท่านชักจูงคนมากมาย ข้าจะโทษที่ท่านทำตามอำเภอใจได้ที่ไหนกัน ท่านเกลียดข้าเพียงข้าไม่ช่วยชีวิตน้องสาวของท่านใช่หรือไม่ ถึงแม้ว่าว่าข้าจะเอ่ยกับท่านว่าใช้พยายามอย่างที่สุดช่วยนางแล้ว เพียงครึ่งคำท่านก็ยังคงไม่เชื่อทั้งสิ้น ยอมที่จะเชื่อในการคาดเดาของตน เฉินอวี่จู๋เป็นหญิงสาวที่มีเมตตาธรรม นางคงไม่ยอมให้พี่ชายของตนที่เพื่อนางแล้วทำเรื่องราวที่เลวทรามมากมายเช่นนี้แน่ หากนางรับรู้กลัวว่าวิญญาณของนางคงไม่ดีใจ ท่านทำให้น้องสาวของท่านขายหน้า ทำให้นางที่ตายถูกฝังอยู่ใต้ดิน ล้วนถูกคนชี้ด่าไล่ตามหลัง”
สีหน้าของเฉินหยวนชิ่งจึงเปลี่ยนไป ความโกรธจึงพุ่งขึ้นในหัว “ผู้ใดกล้าด่าว่านางกันหรือ นางถูกเจ้าทำร้ายให้ตาย วันนั้นนางพักผ่อนรักษาโรคอยู่ในจวนหวาง แม้อาการป่วยจะรุนแรง แต่ก็ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต ส่งตัวเข้าวังแล้วถูกเจ้าเยียวยารักษาไม่กี่วันก็อาการหนักขึ้น เจ้ากล้าพูดว่าไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดหรือไม่ แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ลงมือ แต่เจ้าสามารถช่วยเหลือผู้คนที่ตายไปแล้วให้กลับมามีลมหายใจ กลับไม่สามารถช่วยชีวิตน้องสาวของข้าได้ เดิมทีเจ้ามีใจที่คิดร้าย มิฉะนั้นจะรู้สึกละอายใจเช่นนั้นหรือ แท้จริงแล้ววิญญาณของน้องสาวข้าอาจกระวนกระวาย แต่ที่นางกระวนกระวายเป็นเพราะนางผิดที่เชื่อเจ้า นางคิดว่าเจ้าสามารถช่วยชีวิตนางกลับมาใต้ แต่นางคงคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำร้ายนางจนตายแบบนี้ ”
ทุกคำทุกประโยค ล้วนแฝงไปด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง เหมือนลูกดอกอาบยาพิษที่ยิงเข้าใส่ซูเซี่ย ช่วงเวลาที่คำพูดเพิ่งจบลง เขาก็ลงมือทันที ใช้มือไปที่คอของซูเซี่ยทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...