ตอนที่ 169 ฉีกหน้า
คืนนั้น หลี่เฉินเย่นพาตัวซูเชี่ยกลับเข้าวังหลวง
เดิมซูเซี่ยคิดจะให้ขู่เอ่อร์อยู่ที่จวนซือคง แต่ขู่เอ่อร์ยืนกรานว่าต้องการเข้าวังไปกับนาง ซูเซี่ยไม่อาจต้านทานนางได้ จึงได้แต่พานางกลับเข้าวังหลวงด้วยกัน
เหตุการณ์ไข้ทรพิษที่วุ่นวาย คล้ายกับการเล่นตลกฉากหนึ่ง เข้าร่วมการเล่นตลกครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าจะยังมีเหล่าขุนนางและทหารทั่วราชสำนัก ป่าวประกาศออกไปคงทำให้ตกเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะของผู้คนจริงๆแล้ว
หลี่ซี่พูดขึ้นว่าเฉินหยวนชิ่งเคยเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาในท้องพระโรง นั่นก็เป็นการยืนยันว่าเชียนซานไม่ได้ป่วยเป็นโรคทรพิษ เขาจะต้องคุกเข่าไปที่จวนซือคงเพื่อรับโทษอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่ ในใจของหลี่เฉินเย่นเข้าใจดีว่าคำพูดของเฉินหยวนชิ่งไม่ใช่ไม่เป็นความจริง เชียนซานนั้นป่วยเป็นไข้ทรพิษจริง เขาพูดของเขาจึงถือเป็นเรื่องจริง ดังนั้นหลี่เฉินเย่นจึงไม่คิดที่จะไต่สวนเรื่องนี้
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อถึงวันที่สองตอนเช้าตรู่ เฉินหยวนชิ่งก็คุกเข่าแสดงความเคารพไปตลอดทางจากถนนด้านทิศตะวันออกของจวนจนถึงประตูใหญ่ของจวนซือคงแล้วขอเข้าพบกับใต้เท้าจางซือคง
ใต้เท้าจางไม่ได้กลั่นแกล้งเขา เอ่ยเตือนเบาๆเพียงไม่กี่ประโยค เรื่องนี้ก็เหมือนกับว่าได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ตอนบ่ายเฉินหยวนชิ่งเข้ามาที่วังหลวง ของเข้าพบหลี่เฉินเย่น
ภายในตำหนักหย่งหมิง ฉ่ายเวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ในระเบียงด้านหน้า คนปรนนิบัติข้างกายของนางสับเปลี่ยนไปมาชุดแล้วชุดเล่า ตอนนี้คนปรนนิบัติชุดนี้ก็เพิ่งเปลี่ยนมาได้เพียงไม่กี่วัน
“นายหญิง สำรับจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าคะ” ชิงฮัวเข้ามาเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อวันก่อนนางเพิ่งถูกคัดเลือกมาจากห้องครัวหลวง เดิมก่อนนี้นางทำงานเบ็ดเสร็จอยู่ในห้องครัวหลวง เป็นสาวใช้ที่ทำงานหนัก ไม่คิดว่าจะถูกตาของฉ่ายเวิน จึงถูกย้ายมาเป็นสาวใช้ข้างกายของนายตำหนักหย่งหมิง
ฉ่ายเวินลืมตาทั้งสองข้างขึ้น เพ่งมองแสงอรุณที่กระทบก้อนกรวดเล็กบนพื้น เอ่ยถามขึ้นอย่างเบื่อหน่ายว่า “กุ้ยไท่เฟยได้ส่งคนมาที่นี่หรือไม่”
“นายหญิง กุ้ยไท่เฟยไม่ได้ส่งคนมาเจ้าคะ” ชิงฮัวเอ่ยตอบ
ฉ่ายเวินรู้สึกงุนงงอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า “เช่นนั้นเมื่อคืนวานฮ่องเต้ได้กลับเข้ามาในวังหรือไม่”
“ได้ยินมาว่ากลับมาแล้วเจ้าคะ ยังมีท่านหมอเวินก็กลับมาแล้วเช่นกัน เป็นฮ่องเต้ทรงเสร็จไปรับนางกลับมาเจ้าคะ” ชิงฮัวเอ่ยตอบ
สายตาของฉ่ายเวินจึงดูดุดันขึ้นทันที ลุกยืนขึ้นอย่างรุนแรง “นางก็กลับมาอย่างนั้นหรือ เจ้าแน่ใจหรือว่าฮ่องเต้เป็นคนไปรับนางกลับมา”
ชิงฮัวเห็นปฏิกิริยาของนางรุนแรงเกินควรเช่นนี้ จึงรู้สึกตกใจเอ่ยขึ้นอย่างอึกอักว่า “นี่...นี่บ่าวไม่แน่ใจเจ้าคะ เพียงได้ยินมาเท่านั้นเจ้าคะ”
ฉ่ายเวินเอ่ยขึ้นอย่างโมโหว่า “เรื่องราวที่ได้ยินมาก็กล้าที่จะนำมาตอบคำถามของข้างั้นหรือ รีบไปสอบถามให้ชัดเจนแล้วคอยกลับมาบอกข้าเดี๋ยวนี้”
เพิ่งสิ้นเสียงคำพูดนี้ลงไป ด้านนอกก็มีเสียงประกาศดังก้องดังกังวานขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”
ฉ่ายเวินงุนงงเล็กน้อย รีบร้อนจัดการอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ แล้วรีบย่อกายลงรับเสด็จ
นางยิ้มอย่างอ่อนหวานมองยังหลี่เฉินเย่นที่ก้าวเข้ามายังประตูตำหนัก แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาตรงใบหน้าของเขา นางตรวจดูสีหน้าของเขาอย่างละเอียด เห็นเขาคล้ายกับมีเรื่องที่น่ายินดีปรีดาปรากฏออกมา ก็รู้สึกหนักในใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูแล้วการเล่นงานเมื่อวานคงไม่สำเร็จสินะ
เมื่อวาน นางได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เดิมทีคิดว่าสามารถเหยี่ยวรั้งซูเซี่ยและเชียนซาน หรือแม้ผู้คนในจวนซือคงเอาไว้ได้ แต่ล่วงเลยมานานข่าวคราวก็ไม่มีส่งกลับมา คนของหลิงกุ้ยไท่เฟยก็ไม่ได้มา อีกทั้งคนของเฉินหยวนชิ่งก็ล้วนไม่ได้มา นี่จึงทำให้นางนอนไม่หลับทั้งคืน แต่นางก็ไม่สะดวกที่จะสั่งให้คนออกไปสืบข่าวคราว
“ศิษย์พี่ ใยท่านจึงมาแต่เช้าตรู่เช่นนี้ละเจ้าคะ วันนี้ไม่ว่าราชการตอนเช้าหรือเจ้าคะ ” ฉ่ายเวินเดินเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จังหวะการก้าวเดินของหลี่เฉินเย่นนั้นดูสบายอกสบายใจ อารมณ์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าก็ดูดีอกดีใจ จ้องมองยังฉ่ายเวินแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเดาดูสิว่าข้าพาผู้ใดกลับมาด้วย”
ใบหน้าที่ดูอ่อนเพลียอยู่บางส่วนของฉ่ายเวิน กลับยังคงต้องฝืนยิ้มที่ดูเหมือนทั้งตกใจและดีใจออกมา “พี่สาวกลับมาแล้วใช่หรือเปล่าเจ้าคะ เชียนซานไม่ได้มีปัญหาแล้วหรือเจ้าคะ”
หลี่เฉินเย่นยื่นนิ้วออกมาแล้วส่ายไปมา เอ่ยอย่างดูลึกลับอย่างมากขึ้นว่า “พี่สาวของเจ้าไม่ช้าก็เร็วต้องกลับมาอยู่แล้ว จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจได้อย่างไร ลองเดาดูอีกครั้งเถิด”
ฉ่ายเวินประหลาดเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่พี่สาวงั้นคือผู้ใดกันหรือเจ้าคะ ข้าเดาไม่ออกเจ้าคะ” นางเอ่ยอย่างหมดความสนใจ ผู้ใดปรากฏตัวขึ้นสำหรับนางแล้วพูดได้ว่าล้วนไม่สามารถนางประหลาดใจและดีใจได้ คนที่นางใส่ใจมีเพียงบุคคลตรงหน้าเท่านั้น
หลี่เฉินเย่นยิ้มออกมา ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจและดีใจ แล้วจึงหันศีรษะกลับร้องตะโกนขึ้นว่า “ออกมาเถอะ”
ฉ่ายเวินเงยหน้าขึ้น มองไปทางประตูโค้งที่สดใสงดงามของแสงแดด เพียงเห็นเงาสีฟ้าของร่างที่ปรากฏออกมาจากหน้าประตูที่ค่อยๆเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อน
เลือดทั่วร่างของฉ่ายเวินก็แข็งตัวทันที สีหน้าของนางนั้นดูตกตะลึง รีบถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว ทั่วร่างสั่นเล็กน้อย น้ำเสียงก็ปรับเปลี่ยนไป “เจ้า....”
หลี่เฉินเย่นมองยังนาง ก็พลันมีรอยยิ้มที่คาดเดาได้ยากปรากฏออกมา “เหมือนกับชิงเอ๋ออย่างมากใช่หรือไม่”
ขู่เอ่อร์เข้ามาแสดงความเคารพ “ขู่เอ่อร์คาระวะฉ่ายเวินนายหญิงเจ้าคะ”
ฉ่ายเวินอ้าปากค้าง ยังคงยากจะปกปิดอารมณืที่แสดงถึงความประหลาดใจ ชี้ไปที่ขู่เอ่อร์แล้วเอ่ยถามหลี่เฉินเย่นว่า “ศิษย์พี่....นางคือ....”
หลี่เฉินเย่นดึงขู่เอ่อร์ให้ลูกขึ้น ยิ้มแล้วแนะนำว่า “นางมีนามว่าขู่เอ่อร์ เป็นสาวใชที่คอยปรนนิบัติข้างกายพี่สาวของเจ้า เหมือนกับชิงเอ๋อมากใช่หรือไม่ ตอนที่ข้าพบนางก็ตกใจอย่างมาก ยังคิดว่าชิงเอ๋อกลับมาแล้วซะอีก”
ฉ่ายเวินจึงเพิ่งยิ้มออกมาได้ แต่ยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก หัวเราะเฮอะเฮอะออกมาครู่หนึ่ง สายตาจับจ้องขู่เอ่อร์อย่างไม่วางตา พึมพำเอ่ยขึ้นว่า “เหมือนอย่างมากจริงๆเจ้าคะ ข้าก็ตกใจเช่นกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...