ตอน ตอนที่ 175 ไม่ให้สมหวังแน่ จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 175 ไม่ให้สมหวังแน่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 175 ไม่ให้สมหวังแน่
โหร่วยเฟยคงรู้เรื่องราวสกปรกที่ฉ่ายเวินทำมาทั้งหมด แต่ว่าตอนนี้ชูเซี่ยไม่อยากรู้อีกแล้ว ตอนนี้ฉ่ายเวินได้รับในสิ่งที่ต้องการไปแล้วขอเพียงนางออกไปจากวังหลวงได้ ฉ่ายเวินก็คงยอมอยู่สงบไปสักพักเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเองไว้
ก่อนที่โหร่วยเฟยจะไปนางก็หันมายิ้มๆ “ตอนนี้ข้าก็คงไม่ต้องแกล้งตั้งท้องอีกต่อไปแล้วสินะ ในเมื่อฝ่าบาทก็ทรงเชื่อนางทุกคำพูดอยู่แล้ว คาดว่าพระองค์ก็คงไม่คิดจะสืบเรื่องของฉ่ายเวินอีกต่อไปแล้วล่ะ!”
ชูเซี่ยเงียบ แกล้งตั้งครรภ์ เรื่องนี้เฉินอวี่จู๋ก็เคยทำเช่นกัน ความจริงแล้วโหร่วยเฟยกับเฉินอวี่จู๋ก็เหมือนกันไม่น้อย ต่างก็เป็นหญิงสาวที่น่าสงสารด้วยกันทั้งคู่ ความจริงแล้วในใจของพวกนางต่างก็มีความปรารถนาที่สวยงามเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือต้องมีสักวันที่พวกนางจะได้ตั้งครรภ์กับชายที่ตนเองรักอย่างหมดหัวใจ
แต่ว่าตอนนี้ ยามเมื่อนางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆนางกับไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด แต่ในเมื่อมีแล้ว เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของนาง ลูกของนางก็คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก
ในเช้าวันต่อมากลับมีข่าวลือว่าโหร่วยเฟยเสียชีวิตอย่างกระทันหัน!
ทำให้ทั้งวังหลวงต่างก็สะเทือนและอกสั่นขวัญแขวนกันหมด!
ชูเซี่ยก็ตื่นตะลึงจนนิ่งงันอยู่นาน ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายปนเปกันไปหมด นางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น นางไม่อยากให้นี่เป็นความจริง โหร่วยเฟยตายแล้ว หลิวมี่เหอตายไปแล้ว ในหัวของนางยังหลงเหลือความทรงจำของหลิวหยิงหลงอยู่ในนั้น แม้ว่าหลิวหยิงหลงจะไม่เคยคิดว่าหลิวหยิงหลงเป็นน้องแท้ๆของตน แต่ว่าก็นับว่ามีความผูกพันธ์ของพี่สาวน้องสาวอยู่ไม่น้อย ชูเซี่ยรู้สึกปวดใจเหลือเกิน เมื่อวานนางและลั่วฝานเพิ่งจะพูดคุยกันอยู่แท้ๆ นางไม่ใช่โหร่วยเฟยที่เย่อหยิ่งดังเช่นโหร่วยเฟยเมื่อครั้งอยู่จวนอ๋องอีกแล้ว กลับกันนางกลับกลายเป็นเพียงแค่หญิงสาวที่เรียบง่ายและรักความสงบเท่านั้น
ในวันนี้ชูเซี่ยสวมใส่เสื้อผ้าที่ชมพูอ่อนทั้งชุดทั้งยังปักไปด้วยดอกไม้สีแดงประดับประดาอย่างงดงามทำให้ดูค่อนข้างสดใส นี่เป็นชุดที่เชียนซานเลือกให้นางใส่เองกับมือเพราะหญิงสาวกล่าวว่าหลายวันมานี้เจอแต่เรื่องแย่ๆจึงให้นางแต่งสีมงคลเสียหน่อยจะได้เรียกโชคดีเข้าตัวบ้าง
การแต่งกายเช่นนี้ไปพบโหร่วยเฟยคงไม่เหมาะสมนัก ดังนั้นนางจึงคิดจะกลับไปเปลี่ยนชุดแต่ตอนนั้นเองที่หว่านเหนี่ยงวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ฝ่าบาททรงรับสั่งให้จงเจิ้งมาที่นี่เพคะ”
ชูเซี่ยหันกลับมามองหว่านเหนี่ยง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความหนักใจนางก็พอจะเข้าใจบ้างแล้ว เรื่องนี้สุดท้ายความซวยก็มาตกอยู่ที่นางสินะ
จงเจิ้งและขันทีอีกสองคนเดินเข้ามาในห้อง จงเจิ้งโค้งคำนับนางส่วนขันทีอีกสองคนที่ตามมาทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆอยู่เบื้องหลังจงเจิ้งทั้งยังจ้องมองมาที่นางด้วยแววตาดูถูก
ใบหน้าของจงเจิ้งดูลำบากใจ “ท่านหมอเวิน ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าขอรับ!”
ชูเซี่ยพยักหน้า “ได้ ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะไป”
จงเจิ้งชะงักกึกก่อนจะเอ่ยต่อ “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
ชูเซี่ยจึงเอ่ยแย้ง “ข้าแต่งกายไม่เหมาะสม ท่านก็รอสักเดี๋ยวเถิด ครู่เดียวก็เสร็จ!”
จงเจิ้งครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ “ขอรับ!”
แต่ขันทีทั้งสองที่ยืนอยู่กลับก้าวเท้ามาข้างหน้าและกระชากแขนชูเซี่ยไว้ก่อนเอ่ยเสียงเข้ม “รับสั่งของฝ่าบาทบอกให้ท่านต้องไปเดี๋ยวนี้!”
เชียนซานเห็นเช่นนั้นก็ตะคอกเสียงดัง “สมควรตาย นายหญิงของข้าใครใช้ให้พวกเจ้าสามหาวกับนาง”
ขันทีทั้งสองยังคงยืนนิ่งไม่กลัวเกรง “พวกข้าเพียงแค่ทำตามรับสั่งของฝ่าบาทเท่านั้น ท่านหมอเวินก็อย่าได้ทำให้พวกข้าลำบากใจเลย!”
ชูเซี่ยเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว แต่สีหน้าของนางก็ยังคงเฉยชาอีกทั้งน้ำเสียงก็ยังราบเรียบ “งั้นก็เชิญนำทาง!”
ขันทีทั้งสองก็ยอมเงียบปากลงและเดินนำหน้า เดิมทีจงเจิ้งก็ยืนเงียบอยู่นานแต่เมื่อเห็นท่าทางเย่อหยิงไร้สัมมาคาราวะของขันทีทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมาและลงมือเตะพวกเขาจนกระเด็น ขันทีทั้งสองหันกลับมามองจงเจิ้งอย่างตกตะลึง
จงเจิ้งกล่าวเสียงเย็น “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มีข้ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้จำเป็นต้องให้พวกเจ้าเอ่ยปากสอดแทรกงั้นหรือ ไสหัวไป!”
จงเจิ้งนับว่าเป็นคนสนิทของฝ่าบาทอีกทั้งยังเป็นหัวหน้าขันทีในวังหลวงแห่งนี้ ส่วนพวกเขาก็เป็นเพียงแค่ขันทีของหวงกุ้ยเฟยเท่านั้น ในเมื่ออำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในมือต่อให้ทำอะไรก็ล้วนไร้ความหมาย มาวันนี้ถูกจงเจิ้งสั่งสอนแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่อาจโต้แย่งอันใดได้ ทำได้เพียงยืนขึ้นและเดินตามจงเจิ้งออกไปเงียบๆ
เชียนซานที่ยืนอยู่ข้างกายก็เอ่ยออกมา “จงกงกงทำได้ถูกต้องแล้ว คนประเภทนี้ต้องสั่งสอน!”
จงเจิ้งเปลี่ยนสีหน้าให้กลับเป็นเช่นเดิมก่อนจะเอ่ยเสียงเบาลง “แม่นางเชียนซานและแม่นางหว่านเหนี่ยงก็ตามมาด้วยกันเถิด”
เชียนซานพยักหน้า “วางใจเถิด รับรองว่าจะไม่ยอมห่างแม้แต่ครึ่งก้าวแน่”
หว่านเหนี่ยงร้อนใจยิ่งนักก่อนจะลากจงเจิ้งไว้และเอ่ยกระซิบถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ หรือว่าฝ่าบาทคิดว่าการตายของโหร่วยเฟยเกี่ยวข้องกับนายหญิงของเรา”
จงเจิ้งลำบากใจยิ่งนัก เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก “เป็นแผนการร้าย ทางที่ดีควรระมัดระวังตัวให้ดี!”
หว่านเหนียงตื่นตระหนกไปหมด “จงกงกง อีกเดี๋ยวท่านก็ช่วยหน่อยเถิด”
จงเจิ้งถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “เกรงว่าแม้แต่คำพูดข้าฝ่าบาทก็คงไม่ฟังอีกแล้ว”
ตลอดทางชูเซี่ยเดินเงียบๆตามจงเจิ้งไปไม่พูดไม่จา
ดูท่าแล้วโหร่วยเฟยเองก็คงมีผู้คนรักไม่น้อย ตลอดทางที่นางเดินผ่านก็มีเสียงร่ำไห้เป็นระยะๆ ชูเซี่ยเดินช้าลงน้ำตาของนาง เอ่อคลอออกมาแต่นางก็ฝืนไม่ยอมให้มันไหลลลงมา
ชูเซี่ยเอ่ยขัดเขาขึ้นมา “หากว่าไม่หนักหนาจริงแล้วเหตุใดหมอหลวงจึงรักษานางไม่ได้เล่า หมอหลวงต่างก็จนปัญญาที่จะรักษานาง ส่วนข้าที่รักษานางไม่ได้ท่านก็กล่าวหาว่าเป็นข้าที่ทำให้นางตายงั้นหรือ หลี่เฉินเย่น ท่านมันสองมาตรฐานเกินไปแล้ว!”ฉ่ายเวินที่อยู่ข้างกายเขามาตลอดก็เอ่ยขึ้น “ศิษย์พี่ ข้ารู้ว่าท่านยังให้ความสำคัญกับนาง แต่ว่าชีวิตคนทั้งชีวิต
เมื่อก่อนต่อให้ข้าจะไม่ชอบโหร่วยเฟยและเฉินอวี่จู๋มากเพียงใดก็ไม่เคยคิดอยากให้พวกนางตาย การที่วางยาพิษทำลสยชีวิตคนคนหนึ่งเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ คนเช่นนี้ต้องโหดเหี้ยมอำมหิตมากแค่ไหนกันนะ”
เมื่อหลี่เฉินเย่นได้ยินคำพูดของฉ่ายเวินใบหน้าก็บิดเบี้ยว เขาจ้องมองชูเซี่ย “เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”
ชูเซี่ยไม่ได้สนใจเขา นางเพียงปรายสายตาเย็นเฉียบไปที่ฉ่ายเวิน “เจ้ากล่าวหาว่าข้าทำลายชีวิตคนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ เช่นนั้นข้าขอถามหน่อยเถิดว่าสิ่งที่ข้าต้องการคืออะไร”
ฉ่ายเวินก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก “ยังจะต้องถามอีกหรือ สิ่งที่เจ้าต้องการก็คือฮ่องเต้และตำแหน่งฮองเฮาไม่ใช่หรือไงเล่า”
ชูเซี่ยก็ยิ้มเย็น “นั่นมันเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการต่างหากเล่า เจ้าอย่าได้คิดว่าผู้อื่นก็ต้องการแบบที่เจ้าต้องการสิ ตำแหน่งฮองเฮาข้าไม่ต้องการ!” ก่อนที่นางจะหันกลับมามองหลี่เฉินเย่นและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “แม้แต่ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้า คนที่ไม่เชื่อใจข้า ข้าก็ไม่ต้องการเช่นกัน!”
ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ใช่แล้ว เจ้าไม่ต้องการ เพราะคนที่เจ้าต้องการไม่ใช่เราแต่เป็นจูเก๋อหมิงมาตั้งแต่แรกใช่หรือไม่ ตอนที่เจ้ากลับมาในเมืองหลวงคนแรกที่เจ้าไปหาก็คือจูเก๋อหมิง เจ้ายังบอกให้เขาปิดบังเรื่องตัวตนของเจ้ากับเราด้วยซ้ำ ช่างรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งเสียจริง ตอนนั้นเจ้าไม่ควรกลับมาตั้งแต่แรกเจ้าควรอยู่ด้วยกับเขาให้มันสิ้นเรื่อง!”
ชูเซี่ยไม่อยากพูดกับเขาอีกแล้ว นางเอ่ยอย่างจริงจัง “เพคะ หากว่าฝ่าบาททรงคิดเช่นนั้น เช่นนั้นท่านก็ขับไล่ข้าออกจากวังเถิด”
ดวงตาของหลี่เฉินเย่นมีประกายไปแห่งความโกรธแค้น “เจ้าอย่าได้คิดว่าเราจะไม่กล้าปล่อยเจ้าไป!”
ชูเซี่ยมองสบสายตาของเขา ชายตรงหน้าเป็นคนที่นางรักไม่ผิดแน่ แต่ทว่าเขาในยามนี้กลายเป็นอีกคนที่นางไม่เคยรู้จักไปเสียแล้ว
นางเอ่ยเสียงราบเรียบ “เป็นเมตตากรุณาอย่างยิ่ง หากว่าท่านยอมปล่อยข้าไปข้าจะซาบซึ้งในน้ำใจของท่านยิ่งนัก!” ในยามนี้สิ่งที่นางต้องทำก็คือถอยออกไปตั้งหลัก นางเหนื่อยมากเหลือเกินกับชีวิตเช่นนี้ แผนการของฉ่ายเวินไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรเลยแม้แต่น้อยแต่ปัญหาอยู่ที่ตำแหน่งของนางในใจของหลี่เฉินเย่นต่างหากเล่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนในเวลานี้ชิดเชื้อมากเกินไป แรกเริ่มหลี่เฉินเย่นก็คงจะเชื่อคำพูดของนาง แต่ทว่ายิ่งนานวันเข้าเขากลับไปเชื่อทุกอย่างที่ฉ่ายเวินพูดอย่างหมดใจ ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากอีกเล่า ในเมื่อขืนปล่อยไว้เช่นนี้ก็รังแต่จะสร้างความเสียหายต่อทุกฝ่าย แทนที่จะต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปสู้ฉวยโอกาสที่ทั้งเขาและนางยังคงเหลือเรื่องราวดีๆต่อกันอยู่จากกันเสียตอนนี้ดีกว่า หากแยกจากกันเร็ว นานวันเข้าเมื่อหวนกลับไปคิดถึงว่าครั้งหนึ่งเขากับนางยังเคยรักกันย่อมดีกว่าไม่ใช่หรือ
หลี่เฉินเย่นยิ้มเย็น เส้นเลือดที่ขมับของชายหนุ่มปูดนูนขึ้นมาตามโทสะที่เพิ่มขึ้น “เราไม่มีทางปล่อยให้เป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาแน่ เจ้าอยากออกจากวังเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับมันใช่หรือไม่ เราจะขังเจ้าไว้กับเราตลอดไป” กล่าวจบเขาก็เอ่ยบัญชา “ชูเซี่ยเป็นผู้สังหารโหร่วยเฟย จับนางขังคุกหลวง รอจนสืบเรื่องราวกระจ่างชัดจึงค่อยตัดสินกันต่อไป!”
เหล่าองครักษ์ก้าวเข้ามา เชียนซานที่อยู่ข้างหายชูเซี่ยมาตลอดก็ก้าวมาขวางทางไว้ก่อนจะชักดาบออกมาจากฝัก “ใครมันกล้า?”
หลี่เฉินเย่นจ้องเขม็งมาที่เชียนซาน “เจ้ากล้าเอาคนในจวนซือคงมาเสี่ยงด้วยหรือไม่เล่า”
เชียนซานจ้องมาที่หลี่เฉินเย่นก่อนกัดฟัน “ต่ำทราม!”
หลี่เฉินเย่นยิ้มเยาะ “ต่ำทราม? กล่าวชมกันเกิดไปแล้ว” กล่าวจบเขาก็เอ่ยสั่งการอีกครั้ง “จับตัวมา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...