ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 177

สรุปบท ตอนที่ 177 ปลุกระดม: ชายาเกิดใหม่ของข้า

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 177 ปลุกระดม – ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่

บท ตอนที่ 177 ปลุกระดม ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 177 ปลุกระดม

หลี่เฉินเย่นตั้งใจจะเอ่ยตะโกนเรียกคนแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงหลุดออกมา ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาคำโต ดวงตาของเขาค่อยๆมืดบอด ชายหนุ่มพยายามพยุงกายเดินไปอุ้มร่างของเสด็จแม่ไปวางไว้บนเตียงบรรทม ตอนที่ตั้งใจจะหันกายกัลบไปอุ้มร่างของชิงเอ๋อร่างทั้งร่างก็สิ้นเรี่ยวแรงเสียแล้ว ในท้านที่สุดร่างสูงก็ร่วงลงไปกับพื้น

ตอนที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งวันเวลาก็ล่วงเลยไปถึงสามวันแล้ว

ในที่สุดเขาก็เริ่มพูดได้อีกครั้ง แต่ทว่าในท้องของเขากลับรู้สึกแสบร้อนไปหมด

หมอหลวงชางกวนเดินมาข้างหน้าก่อนเอ่ยอย่างยินดี “ฝ่าบาททรงฟื้นขึ้นมาแล้วหรือพะย่ะค่ะ ช่างน่ายินดีเหลือเกิน พระองค์ทรงหมดสติไปถึงสามวันสามคืนเลยนะพะย่ะค่ะ”

หลี่เฉินเย่นเลิกคิ้วถาม “เราถูกผิดงั้นหรือ เพราะเหตุใดท้องของเราจึงแสบร้อนเช่นนี้”

หมอหลวงชางกวนก็เอ่ยทูล “ทูลฝ่าบาท พระองค์ถูกขู่เอ่อร์ทำร้ายทั้งยังถูกพิษอีก บาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกดังนั้นจึงสลบไปนานถึงสามวัน ตอนนี้ขอเพียงรักษาอาการที่ท้องของพระองค์ได้ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วพะย่ะค่ะ”

หลี่เฉินเย่นนิ่งไปก่อนเอ่ยอย่างร้อนรน “ผู้ใดบอกกันว่าขู่เอ่อร์เป็นคนทำร้ายเรา นางเล่า ตอนนี้อยู่ที่ใดแล้ว” เขารีบผงกศีรษะขึ้นมามองพอดีกับที่เฉินหยวนชิ่งเดินเข้ามาพอดีทั้งยังโค้งกายทำความเคารพ “ถวายบังคมฝ่าบาท!”

หลี่เฉินเย่นเห็นอีกฝ่ายก็รู้สึกถึงบางอย่างไม่ชอบมาพากลก็รีบถาม “ขู่เอ่อร์เล่า”

เฉินหยวนชิ่งทำสีหน้าลำบากใจ “ตอนที่กระหม่อมรีบไปนั้นก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ขู่เอ่อร์นางถูกราชองครักษ์สังหารไปแล้วพะย่ะค่ะ ส่วนจงเจิ้งก็เสียชีวิตเพราะถูกพิษแล้วเช่นกัน!”

ในหัวของหลี่เฉินเย่นที่ก่อนหน้าเต็มไปด้วยคำถามมากมายบัดนี้ขาวโพลนไปหมด ตายแล้ว?

ผ่านไปครู่เดียวชายหนุ่มก็บันดาลโทสะคำรามเสียงดังก้องตำหนัก “ใครบอกว่าขู่เอ่อร์เป็นคนทำร้ายเรา มันผู้ใดที่สังหารนาง!”

เฉินหยวนชิ่งก็เอ่ยทูลต่อ “กระหม่อมได้ทำการสืบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ตอนที่ราชองครักษ์เข้าไปห้องนั้นเห็นว่าในมือของแม่นางขู่เอ่อร์มีมีดที่เปื้อนเลือดอยู่ทั้งยังนอนสลบอยู่เคียงข้างพระวรกายฝ่าบาท เหล่าองครักษ์คิดว่านางไม่พอใจเรื่องที่ฝ่าบาททรงทำกับท่านหมอเวินจึงคิดจะแก้แค้น ดังนั้นราชองครักษ์จึงสังหารนางพะย่ะค่ะ”

ดวงตาของหลี่เฉินเย่นมืดมน เขาเพิ่งจะได้พบชิงเอ๋ออีกครั้งแท้ๆยังไม่ทันได้พูดคุยกันด้วยซ้ำนางก็ต้องถูกสังหารตายอย่างอนาถเสียแล้ว แต่ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องนัก ก่อนที่เขาจะหมดสติไปมือของนางไม่มีมีดเสียหน่อย ชิงเอ๋อไม่มีทางคิดจะสังหารเขาแล้วเป็นฝีมือของใครกัน

ชายหนุ่มนึกได้ก็ถามถึงสตรีอีกคน “ฉ่ายเวินเล่า?”

เฉินหยวนชิ่งชะงักเล็กน้อย “หวงกุ้ยเฟยก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยพะย่ะค่ะ!”

หลี่เฉินเย่นนึกถึงเรื่องราวก่อนที่เขาจะหมดสติไป ตอนนั้นฉ่ายเวินถูกเขาเตะกระเด็นจนหัวกระแทกพื้นสลบไปแล้ว แต่มันก็ไม่น่าจะทำให้นางถึงขั้นหมดสติไปหลายวันไม่ใช่หรือ ชายหนุ่มนึกไปถึงเหตุการณ์วันที่ชูเซี่ยถูกใส่ร้ายว่านางเป็นผู้ลอบปลง พระชนม์เสด็จพ่อของเขา สองเหตุการณ์นี้คล้ายกันมากเลยทีเดียว

หัวสมองของเขายุ่งเหยิงไปหมด เขาพยายามที่จะรื้อฟื้นความทรงจำก่อนหน้า ตอนนั้นจงเจิ้งเป็นผู้ที่ถูกพิษคนแรก เสด็จแม่ก็หมดสติไป ยังมี ก่อนที่เขาจะหมดสติไปก็เป็นชิงเอ๋อที่หมดสติไปก่อน กล่าวได้ว่าในบรรดาคนทั้งหมดที่อยู่ในห้อง ณ ตอนนั้นเขาเป็นคนที่หมดสติเป็นคนสุดท้าย

เช่นนั้นแล้วใครกันที่ได้สติขึ้นมาก่อนแล้วจากนั้นก็คิดจะสังหารเขา? ชิงเอ๋อไม่ทำเช่นนั้น ฉ่ายเวินเองก็เช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าฉ่ายเวินเป็นผู้ใช้พิษทำร้ายเขา แต่นางไม่มีทางที่จะทำร้ายเขาได้ลงเพราะนางรักเขา อีกอย่างตอนนี้นางก็ยังไม่ได้สติขึ้นมา คนที่ไม่ได้สติจะสังหารคนได้อย่างไรดังนั้นจึงไม่อาจเป็นฉ่ายเวินไปได้

เขารับสั่งให้เรียกราชองครักษ์ที่บุกเข้ามาในห้องมาสอบปากคำโดยละเอียด

เมื่อราชองครักษ์ผู้นั้นมาก็เอ่ยทูลต่อฝ่าบาทอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ทูลฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมได้ยินนางกำนัลที่ชื่อว่าฉิงเอ๋อกรีดร้องจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องก็พบว่าหญิงสาวผู้นั้นคุกเข่าอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท ตอนนั้นฝ่าบาทมีบาดแผนถูกแทงยังสลบไสลไม่ฟื้น หญิงผู้นั้นเมื่อได้ยินของกระหม่อมที่วิ่งเข้าไปก็หันมา มือทั้งสองข้างของนางเปื้อนพระโลหิตของฝ่าบาทเต็มไปหมดอีกทั้งยังมีมีดอยู่ในมือ กระหม่อมจึงเข้าใจว่านางลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทจึงได้ลงมือสังหารนางทันที เหตุการณ์ตอนนั้นมีนางกำนัลฉิงเอ๋อและเหล่าราชองครักษ์เป็นพยานได้พะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้จึงทรงมีรับสั่งให้ไปเรียกตัวฉิงเอ๋อมาเข้าพบ ฉิงเอ๋อยังคงตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “วันนั้นหม่อมฉันเห็นหญิงสาวผู้นั้นยืนคล่อมอยู่เหนือพระวรกายของพระองค์จึงรีบร้อนส่งเสียงตระโกนเรียกองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก ยิ่งเห็นพระองค์และไทเฮาทรงหมดสติอยู่บนพื้นก็ยิ่งตกใจไปหมดจึงส่งเสียงกรีดร้องออกมาเสียงดังต่อมาก็เป็นเช่นที่ราชองครักษ์ผู้นั้นกล่าวไปก่อนหน้านี้เพคะ”

หลี่เฉินเย่นจำได้ว่าตอนนั้นเขาเป็นผู้สั่งให้องครักษ์และนางกำนัลถอยออกไปจากห้องให้หมด เวลานั้นจึงไม่มีผู้ใดอยู่ที่ตำหนักเพียวสวี่อีก ดังนั้นย่อมไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ หลี่เฉินเย่นรู้สึกสงสัยในคำพูดของฉิงเอ๋อจึงเอ่ยถามอีก “เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นชิงเอ๋อคล่อมอยู่เหนือร่างของเรา ตอนนั้นนางได้พูดอะไรหรือไม่”

มาถึงตอนนี้ชูเซี่ยเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้วนางก็เริ่มคิดได้ หากว่าหลี่เฉินเย่นคิดว่านางทำร้ายเฉินอวี่จู๋ยังพอเป็นไปได้ แต่ว่าเขารู้ทั้งรู้ว่านางและโหร่วยเฟยมีความสัมพันธ์กันเช่นไร แม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอีกแล้วแต่ก็ยังนับได้ว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ อีกอย่างเขาเองก็เคยมาบอกนางแล้วว่าโหร่วยเฟยไม่ได้ตั้งครรภ์จริงๆ เขาย่อมๆไม่มีทางมาสงสัยในตัวนางได้เลย

หญิงสาวหันมามองจูเก๋อหมิงก่อนเอ่ยถาม “ท่านคิดเห็นเช่นไร”

จูเก๋อหมิงใตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้ายังจำตาราร้อยพิษที่ข้าเคยให้เจ้าดูได้หรือไม่ ในนั้นมีพิษอยู่ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘หัวใจสีชาด’ ชื่อของมันไพเราะน่าฟังก็จริงแต่ว่ามันมีฤทธิ์ที่สามารถครอบงำจิตใจของคนได้ ผู้ที่ถูกพิษหัวใจสีชาดเข้าไปจะบังเกิดความรู้สึกสับสนตัดสินผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิดและจะบังเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจแก่เจ้าของผู้ที่วางยาพิษอย่างมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตราบใดที่จิตใจของผู้ได้รับพิษนั้นไม่แข็งแกร่งพอก็จะถูกพิษชนิดนี้ครอบงำจิตใจได้อย่างง่ายดาย หัวใจสีชาดเป็นพิษที่มีต้นกำเนิดมาจากเหมียวเจียง เป็นพิษที่ถูกสกัดมาจากพิษของแมงป่องชนิดหนึ่ง พิษชนิดนี้จะไม่ส่งผลเสียใดๆกับร่างกายนอกจากผู้ถูกพิษจะถูกควบคุมจิตใจเท่านั้น”

ชูเซี่ยลองคิดทบทวนตามแล้วก็เอ่ยถาม “ข้าพอคลับคล้ายคลาว่ามีพิษชนิดอยู่จริงๆ ท่านคิดว่าเขาถูกพิษหัวใจสีชาดจริงหรือ”

จูเก๋อหมิงพยักหน้า “ข้าคิดว่าข้อนี้เป็นไปได้มากที่สุด ต่อให้เขาระแวงคนทั้งใต้หล้าเขาไม่มีทางระแวงในตัวเจ้าแน่”

เชียนซานที่ยืนฟังอยู่เงียบๆก็คิดตามก่อนจะเอ่ยถาม “คำพูดที่คุณชายจูเก๋อกล่าวมาก็นับว่ามีเหตุผล แต่ว่าหญิงสาวผู้นั้นจะกล้าวางยาพิษฮ่องเต้เชียวหรือในเมื่อนางรักใคร่ฝ่าบาทถึงเพียงนั้น”

ชูเซี่ยส่ายหน้า “พิษชนิดนี้ทำได้เพียงแค่ครอบงำจิตใจเท่านั้นไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายแม้แต่น้อย” จากนั้นนางก็นิ่งไปและเงยหน้าขึ้นมามองจูเก๋อ “วิธีแก้พิษง่ายนิดเดียวนั่นก็คือใช้เลือดของคนที่เขารักมากที่สุด!”

จูเก๋อพยักหน้า “อืม ข้าเชื่อว่าเวลานี้เฉินเย่นคงแก้พิษได้แล้วล่ะ!”

ชูเซี่ยถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเราจะประเมินความสามารถของฉ่ายเวินต่ำไปเสียแล้ว ฝีมือของนางช่างร้ายกาจเหลือเกิน นางมีฝีมือในการควบคุมพิษล้ำเลิศยิ่งนัก ที่ผ่านมานางก็คงระแวงว่าโหร่วยเฟยจะตั้งครรภ์จริงๆมาโดยตลอดดังนั้นนางจึงเฝ้าหาโอกาสที่จะวางยาพิษสังหารโหร่วยเฟยและโยนความผิดทั้งหมดมาให้ข้าในคราวเดียว!”

เชียนซานรู้สึกสงสารอีกฝ่ายขึ้นมา “ความจริงแล้วโหร่วยเฟยเองก็น่าสงสารเหลือเกิน ตลอดชีวิตไม่ได้ครอบครองหัวใจของชายที่ตนเองรักทั้งยังต้องมาตายอย่างอนาถ อ้า ที่น่าสงสารที่สุดก็คือคู่จิ้งกั๋วโฮ่ว ลูกสาวที่รักตายไปอีกคน แล้วต่อจากนี้ไปชีวิตของพวกเขาจะอยู่เช่นไรต่อไปนะ”

ชูเซี่ยเองก็รู้สึกสงสารโหร่วยเฟยจับใจจนน้ำตาไหลรินลงมา นางหวนคิดถึงครั้งที่โหร่วยเฟยยังมีชีวิตอยู่ ตัวนางเองก็เคยเกลียดอีกฝ่ายมาก่อน แต่ทว่าต่อมานางก็รู้สึกกลับตัวกลับใจกลายเป็นคนดี แต่สุดท้ายกลับต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของฉ่ายเวินถูกหลอกใช้จนสุดท้ายก็ต้องพบจุดจบเช่นนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า