ตอนที่ 186 คำพูดของนักวิ่งเต้น
หากคนเราเป็นดั่งที่เห็นในคราแรก ก็คงจะดีมากทีเดียว
ชูเซี่ยไม่กล้าคิดอีก เรื่องอนาคตก็เหมือนกับยาพิษที่แตะต้องไม่ได้
จูฟางหยวนมองนาง พลางพูดขึ้นอีกว่า “ชูเซี่ย ขอถามหน่อย ตอนนี้เจ้ารู้สึกมีความสุขใช่หรือไม่”
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ” ชูเซี่ยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่มองท่าทีทอดถอนใจของเขา
“อาจารย์ของเจ้าบอกว่าเจ้าควรถ่ายทอดทักษะการใช้เข็มทองต่อ อย่าลืมหน้าที่พื้นฐานการเป็นหมอของตนเอง แต่ก่อนอื่นเจ้าคือคนที่มีอารมณ์ความรู้สึกปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป ถึงจะเป็นหมอ หมอก็เป็นเพียงแค่อาชีพ รู้สึกวาภาระนั้นหนักอึ้งได้ แล้วจำเป็นต้องสละความสุขทั้งชีวิตของตนเอง เพื่อความสำเร็จในอาชีพเพียงอาชีพเดียวอย่างนั้นหรือ เราไม่จำเป็นต้องลอยตัวขึ้นไปบนจุดสูงสุดของความฝันในอุดมคติ เพื่อให้เห็นถึงปัญหาเสมอไปหรอกนะ หรือเจ้าจะยอมให้ฉองเหลากับจิงโม่ไม่ได้เจอหน้าพ่อของตนเองไปชั่วชีวิตเลยอย่างนั้นหรือ”
ชูเซี่ยครุ่นคิดสักพัก ต่อมาก็เงยหน้ามองวัชพืชที่อยู่ข้างทาง ในใจหลายสิ่งอย่างปะปนกันและไม่รู้ว่าความจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี
“ช่วงนี้ข้าเองก็มักจะสับสนอยู่บ่อย ๆ อาจารย์ให้ข้าถ่ายทอดทักษะการใช้เข็มทอง ข้ารู้ว่าเป็นสิ่งจำเป็น แต่หลายปีมานี้ข้าไม่เจอลูกศิษย์ที่เหมาะสมเลย แล้วเจ้าจะให้ข้าส่งต่อให้กับใครเล่า หากยังไม่ได้ส่งต่อทักษะการใช้เข็มทอง แล้วข้าจะทำผิดต่อเวินเหลียงซิ่วได้อย่างไร”
“ได้ยินว่าเวินเหลียงซิ่วก็คือเจ้าในชาติก่อน”
“บางทีนะ ทักษะการใช้เข็มทองอาจจะต้องมีสติปัญญาและกำลังของราชันย์โอสถก็เป็นได้ จูฟางหยวน มันยากมากนะ เดิมทีเรื่องราวของโลกนี้ก็ยากอยู่แล้ว เจ้าบอกให้ข้ากลับไปตอนนี้ แล้วข้าจะทำอย่างไรได้เล่า เขาเป็นฮ่องเต้แล้ว ทุกคำพูดทุกการหระทำล้วนแต่ต้องอยู่ในกรอบ หลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว จะเป็นก้างขวางคอของเหล่าขุนนางไปเท่าไร ข้าเคยเป็นกุ้ยเฟยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ใคร ๆ ต่างก็รู้ดี”
อีกอย่าง นางไม่ยอมที่จะถูกขังอยู่ในตำหนักไปชั่วชีวิตเช่นกัน เหมือนนกขมิ้นถูกคนเลี้ยงไว้ ไร้อิสระเสรี สำหรับการเป็นคนแล้ว ยังจะมีความหวังอะไรอีกเล่า
สถานะของเขาสูงส่ง ปกครองแว่นแคว้น แท้จริงแล้วเป็นฝ่านที่ถูกกระทำมากที่สุด
หากเขาทำทุกอย่างเพื่อนางได้ เขาก็ต้องทำแบบนั้นแน่ แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นก็จะกลายเป็นว่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แล้วนางจะกลับไปทำลายความสงบในเวลานี้ได้อย่างไร
ต่างคนต่างก็อยู่กันคนละมุมโลก ต่างคนต่างก็อยู่อย่างสบายไม่ดีหรอกหรือ
จูฟางหยวนได้ยินคำพูดของนางแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก แน่นอนว่าสถานการณ์ในตอนนี้แม้จะดีกว่าหลายปีก่อน แต่สุดท้ายฐานะของหลี่เฉินเย่นกับชูเซี่ยก็ไม่อำนวน พวกขุนนางเฒ่าพวกนั้นกุมอำนาจทางการเมืองมาหลายปี บางครั้งฮ่องเต้ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งสองเดินไปอีกสักพัก จูฟางหยวนถึงได้พูดขึ้นมา “แต่งตั้งอานเหยียนเป็นรัชทายาทก็ดีแล้ว อย่างน้อยราชบัลลังก์นี้ก็มีคนสืบทอดต่อ แต่เหล่าขุนนางใหญ่ที่โต้แย้งก็มีมาก ได้ข่าวว่าที่ปรึกษาหารือกันมากที่สุดก็คือลูกของฮ่องเต้ แต่ครั้งนี้หลี่เฉินเย่นคิดจะวางอำนาจล้างข้อคิดเห็นทั้งหลาย ถือโอกาสตอนที่พระการของฮองไทเฮายังไม่แย่มากแต่งตั้งรัชทายาท”
ชูเซี่ยตะลึงงัน “ฮองไทเฮาเป็นอะไรไปหรือ”
จูฟางหยวนชำเลืองมองชูเซี่ยด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่รู้หรอกหรือ”
“รู้อะไร” ชูเซี่ยมองเขาอย่างไม่อาจบรรยายความรู้สึกออกมาได้
“ฮองไทเฮาประชวรเป็นโรคที่รักษาไม่หาย บรรดาหมอหลวงก็วินิจฉัยไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไร หลี่เฉินเย่นแปะป้ายประกาศหาหมอฝีมือชั้นเลิศเข้าวังไปรักษาอาการประชวรของฮองไทเฮาแล้ว”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ข้าไม่รู้เลย ช่วงนี้ข้าไม่ได้เข้าเมือง”
ชูเซี่ยพลันตื่นตระหนกทันที หญิงที่อ่อนโยนมีเมตตาในความทรงจำผู้นั้นป่วยหนักอย่างนั้นหรือ
“อ่า รู้หรือไม่ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่คิดจะกลับไปอยู่ดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...