ตอนที่ 225 ความช่วยเหลือของพรรคมังกรเหิน
จางเซียนฮุ่ยและเหลียงกุ้ยเดินออกไปจากที่นี่ด้วยกัน “ท่านไม่ยอมรับจะไปมีประโยชน์อะไรเล่า ได้ยินมาว่าองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยมีรูปโฉมละม้ายคล้ายฝ่าบาทยิ่งนัก แม้ว่าท่านจะเป็นถึงขุนนางวี่สื่อต้าฟูแต่ก็ไม่อาจสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสายเลือดราชวงศ์ได้”
จางเซียนฮุ่ยส่ายศีรษะเบาๆ “เป็นพวกเราที่ไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือเรื่องนี้มาเอง เพราะเดิมคิดว่าฝ่าบาทจะทรงมาสอบถามความเห็นจากพวกเราเสียก่อน นึกไม่ถึงว่าวันนี้ฝ่าบาทจะทรงตรัสถึงเรื่องตำแหน่งรัชทายาทออกมาได้เร็วถึงเพียงนี้”
เหลียงกุ้มส่งเสียงเฮอะในลำคอ “นั่นเป็นเพียงแค่แผนการณ์ของฝ่าบาทก็เท่านั้น หากว่าพระองค์ไม่หยิบยกเรื่องตำแหน่งรัชาทายาทขึ้นมามีหรือเหล่าขุนนางจะตื่นตะลึงนิ่งค้างกันจนลืมคัดค้านพระองค์เรื่องการมอบฐานะให้แก่คู่แฝดเช่นนี้”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนพวกเราก็ทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น แต่ทว่าต่อจากนี้ไปฝ่าบาทก็คงไม่หมางเมินต่อพวกพระสนมแล้วกระมัง นั่นก็นับเป็นความก้าวหน้าของพวกเราอย่างหนึ่งนะใต้เท้า”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพระองค์จะไม่สนใจพระสนมคนในในวังหลังเลยสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรสาวของพวกเราทั้งสองคน หากว่าพวกนางได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทจนสามารถให้กำเนิดทายาทมังกรได้แล้วล่ะก็ คราวนี้ล่ะพระองค์ก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเราได้อย่างง่ายดาย”
จางเซียนฮุ่ยเอ่ย “ข้าถวายการรับใช้ฮ่องเต้มาแล้วถึงสามพระองค์ แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนี้นับได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์อ่อนไหวและดูอ่อนแอนัก แต่ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งๆที่พวกเขาคิดว่าพระองค์เป็นเพียงผ้าขาวบอบบางแต่ยามคล้ายกับว่าพวกเขาแทงเข็มกลับทิ่มลงมาทำลายนิ้วของตนเองเสียมากกว่า”
เหลียงกุยเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ตราบใดที่ข้ายังอยู่ข้าไม่มีทางปล่อยให้ฝ่าบาททรงทำตามพระทัยตนเองแน่” ตำแหน่งขุนนางวี่สื่อต้าฟูของเขามีอำนาจชอบธรรมในการตรวจสอบทั้งฮ่องเต้และเหล่าขุนนางหลายร้อย เขาไม่มีทางปล่อยให้ฝ่าบาททำตามอำเภอใจโดยมองข้ามเขาเป็นอันขาด
หากว่าวันใดที่ฝ่าบาทได้ครอบครองอำนาจที่แท้จริงแล้วล่ะก็วันนั้นครอบครัวของเขาก็คงต้องพบกับภัยพิบัติเป็นแน่
ฮ่องเต้ถูกพวกเขาจูงจมูกมาถึงห้าปี ในพระทัยก็คงเคียดแค้นพวกเขามากพอดู แต่เนื่องจากตระกูลของเขามีอำนาจและกองกำลังมากมายที่หยั่งรากลึกลงไปสู่แผ่นดินราชวงศ์ทำให้ต่อให้ฝ่าบาทคิดจะกำจัดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
“ท่านถ้ายเว่ยมีท่าทีเช่นไรบ้าง” จางเซียนฮุ่ยเอ่ยถาม
ทั้งถ้ายเว่ยและเสนาบดีกลาโหมต่างก็มีอำนาจทหารอยู่ในมือกันคนละส่วน แต่ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วอยู่ฝ่ายฮ่องเต้ หากว่าถ้ายเว่ยมีใจจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ปัจจุบันดังเช่นที่เคยจงรักภักดีต่ออดีตฮ่องเต้นั่นก็เท่ากับว่าฮอ่เง้ตจะได้รับอำนาจทางการทหารไปจนหมด
หากว่าพระองค์ได้รับอำนาจทางการทหารไปจนหมด กองกำลังอำนาจทั้งหมดที่พวกเขาสั่งสมมาย่อมต้องถูกทำลายลงเป็นแน่
“ท่านถ้ายเว่ยไม่มีทางยอมมอบอำนาจทางการทหารให้แก่ฝ่าบาทแน่” เหลียงกุยเอ่ยอย่างมั่นใจ “ท่านถ้ายเว่ยหาได้เป็นคนไร้เดียงสาถึงเพียงนั้นไม่ แล้วเขาจะยอมมอบอำนาจในมือของตนแองทั้งหมดให้ฝ่าบาทได้อย่างไรเล่า”
จางเซียนฮุ่ยก็พยักหน้า “ไม่ผิด เรื่องความลับที่จวนของถ้ายเว่ยก็มีไม่น้อย เขาเองก็คงกลัวว่าฝ่าบาทจะค้นพบความลับนั้นเข้าเพราะฉะนั้นเพื่อปกป้องตนเองเขาคงรู้ดีว่าสมควรเดินหมากอย่างไรต่อไป”
“ใช่แล้ว ทุกวันนี้เพราะอำนาจที่พวกเรามีอยู่ในมือทำให้ฝ่าบาททรงไม่กล้าแตะต้องพวกเราส่งเดชทั้งยังต้องไว้หน้าพวกเราอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องการแต่งรัชทายาทพวกเราจะปล่อยให้พระองค์ทำตามอำเภอใจไม่ได้เป็นอันขาด ”
จางเซียนฮุ่ยเอ่ยด้วยน้ำสียงเย็นชา “วันนี้ตอนที่ฝ่าบาททรงตรัสมาว่าบัดนี้พระองค์มีทายาทแล้ว พวกขุนนางเฒ่าต่างร้องห่มร้องไห้ราวกับว่าตนเองเป็นบิดาเสียเอง มีอะไรให้น่าดีใจนักหนาหรือ ฝ่าบาทเองไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่พวกเราคิด พระองค์ไม่ยอมให้พวกเราทั้งสี่ตระกูลมีอำนาจถึงเพียงนั้นแน่”
นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรื่องชูเซี่ยเราเองก็ต้องจัดการอย่างรอบครอบ ผู้คนในเมืองหลวงต่างก็ชื่อชอบในตัวนางทั้งสิ้น”
เหลียงกุยยิ้มเย้ยดุถูก “ก็แค่หญิงสาวเพียงคนเดียวจะไปจัดการยากเย็นอะไร”
“ใต้เท้ามีแผนการอะไรงั้นหรือ” จางเซียนฮุ่ยเอ่ยถาม
“คู่แฝดสามารถแต่งตั้งให้เป็นทายาทมังกรได้ แต่ทว่าชูเซี่ยไม่อาจให้ยอมรับในฐานะมารดาเป็นอันขาด เรื่องนี้เราไม่จำเป็นต้องกล่าวกับฝ่าบาทแต่ไปกล่าวกับหญิงผู้นั้นตรงๆ หากว่านางเชื่อฟังก็ให้นางออกจากเมืองหลวงไปแต่โดยดี แต่หากไม่เชื่อฟังก็...”
เขาทำไม้ทำมือเป็นท่าลงดาบด้วยดวงตาอำมหิต
“เกรงว่าจะไม่ง่ายถึงเพียงนั้น อย่างไรเสียนางเองก็เป็นถึงหัวหน้าพรรคมังกรเหิน!”
“นางออกจากวังหลวงไปหลายปี เกรงว่าป่านนี้พรรคมังกรเหินก็คงลืมว่ามีเจ้านายเช่นนานไปแล้วกระมัง อีกอย่างตอนนี้พรรคมังกรเหินมีอะไรให้พวกเราต้องเกรงกลัวกัน คงมีแต่พวกแก่หง่ำเหงือก เด็กสุดในพรรคก็มีเพียงเชียนซาน ที่เหลือยังมีใครเหลือแรงสู้อีกก็ไม่รู้”
จางเซียนฮุ่ยไม่ได้คิดเห็นเช่นอีกฝ่าย “เราไม่ควรดูถูกพรรคมังกรเหินเป็นอันขาด เรื่องพรรคมังกรเหินที่พวกทราบมามีน้อยมาก การไม่รู้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเสียหน่อย”
เหลียงกุยได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไป “ท่านว่าเฉินหยวนชิ่งผู้นี้เราสามารถใช้งานเขาได้หรือไม่”
ดวงตาของจางเซียนฮุ่ยเป็นประกายขึ้นมา “คนคนนี้มีเรื่องบาดหมางกับชูเซี่ยมาก่อน ตอนที่เฉินอวี่จู๋ป่วยหนัก ชูเซี่ยไม่สามารถรักษานางให้หายได้ทั้งยังปล่อยให้อีกฝ่ายตายตอนที่อยู่ภายใต้การดูแลของนางทำให้เฉินหยวนชิ่งคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะชูเซี่ยไม่ยอมช่วยรักษาน้องสาวของเขา ข้าว่าบางทีชายผู้นี้อาจใช้งานได้”
“วันนี้เขาไม่ได้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทในท้องพระโรงไม่ใช่หรือ”
“เป็นเพราะเขายังไม่กลับถึงเมืองหลวงต่างหากเล่า ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เขาให้เขาไปสำเร็จราชการที่เมืองฉือโจวไม่ใช่หรือ คาดว่าอีกไม่กี่วันก็คงกลับมาแล้วล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...