ตอนที่237 ความรักเกิดขึ้น
เหลียงกวางเสียงอธิบายว่า “พวกสายลับพวกนี้ฝีมือการต่อสู้ไม่ค่อยเก่งกาจแต่ที่เก่งกาจก็คือการปลอมตัวดังนั้นเรื่องที่พวกเขาอยากสืบก็ง่ายมาก”หลิงกุ้ยท่ายเฟยตกใจหน่อยๆ“ถ้านางบอกเรื่องนี้กับหลี่เฉินเย่น งั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ?”
“ไม่หรอก นางไม่ใช่คนเช่นนั้นอีกอย่าง สิ่งที่นางอยากรู้คือเรื่องไทเฮาโดนวางยา”
“ถ้านางจับจุดอ่อนเราได้ นางก็สามารถควบคุมเราได้ ก็เหมือนกันซงอวีลี่ เจ้าอย่านึกว่านางเป็นคนดีหน่อยเลย”
เหลียงกวางเสียงพูดต่อว่า “ไม่ใช่ฉันมองนางเป็นคนดี และนางก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เอาเรื่องเรามาควบคุมเราไว้ ตอนนี้ข้าเป็นคนของพรรคมังกรเหิน ถ้านางออกคำสั่งแล้วข้าก็ต้องทำตาม นอกจากว่าข้าจะออกจากพรรคมังกรเหินแล้วจริงๆ”
“เรื่องที่ออกจากพรรคมังกรเหิน เจ้าคิดยังไง?”หลิงกุ้ยท่ายเฟยถามต่อ
เหลียงกวางเสียงเงียบสักพักและพูดว่า “เดี๋ยวข้าขอคิดก่อน”
หลิงกุ้ยท่ายเฟยรู้ว่าเขาลำบากใจเพราะครอบครัวเขาตั้งแต่ทวดก็เป็นคนของพรรคมังกรเหินแล้วถ้าเขาออกจากพรรคมังกรเหินก็แสดงว่าเขาออกเพื่อแก้แค้นให้ซงอวีลี่ไม่เหมือนการออกธรรมดา
นางไม่อยากให้เขาลำบากใจ
นางรู้ว่าตัวเองทำให้เขาต้องมาลำบาก
ถ้าไม่เป็นเพราะนาง ตอนนี้เขก็สามารถเป็นถ้ายเว่ยและพรรคมังกรเหินอย่างสะบายใจ
การมาเป็นถ้ายเว่ยได้ตำแหน่งนี้ได้มาไม่ง่ายเลย
นางพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “ขอโทษนะถ้าไม่ใช่เพราะข้า เจ้าก็ไม่ต้องมาลำบากใจแบบนี้ ข้าทำให้ชีวิตเจ้าต้องวุ่นวาย”
เหลียงกวางเสียงกอดนางและพูดปลอบใจว่า“พูดอะไรโง่ๆ?นักสู้อย่างข้าได้เจ้ามาเป็นคนรักก็โชคดีมากแล้ว ทำอะไรเพื่อเจ้าได้ข้าก็ดีใจแล้ว”
เมื่อก่อนเขาคิดว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ชายนั้นก็คือหน้าที่การงานและอนาคต พ่อแม่ก็เคยบอกเขาว่าเขาอาจจะไม่มีลูก เริ่มต้นเขาคิดว่าเป็นปัญหาของภรรยา แต่ว่าเขาก็มีอนุภรรยาตั้งสามคนแต่ก็ยังไม่มีลูก เขาก็รู้เลยว่านั้นเป็นเพราะปัญหาของตัวเอง
แต่ว่าเรื่องนี้สำหรับผู้ชายแล้วมันเป็นอะไรที่น่าอับอายมก บวกกับเขาคิดว่าเรื่องลูกนี้ต้องเกี่ยวกับสวรรค์กำหนดด้วย ถ้ามีก็เพราะสวรรค์มาโปรดแต่ถ้าไม่มีก็เป็นเพราะบุญน้อย
จนกระทั่งสามปีก่อน หลวี่หนิงไปแคว้นหนานจ้าว ฮ่องเต้ให้เขาเข้าวังและทำหน้าเป็นเป็นทหารฝ่ายนั้นแทนหลวี่หนิงสักพัก
ชีวิตของเขาตั้งแต่เจอหลิงกุ้ยท่ายเฟยก็เปลี่ยนไปเป็นหน้ามือหลังมือเลย
ตอนนางอยู่วังนางแปลกๆนางไม่ชอบใกล้หรือสนิทกับใครและไม่ชอบไปทำความเคารพไทเฮามีท่ายเฟยมาหานางแต่นางก็ไม่เจอ
จำได้ว่าตอนนั้นกำลังพาทหารไปตรวจตราเห็นนางนั่งอยู่ที่ชิงช้ามือจับเชือกชิงช้าและพูดกับข้ารับใช้
นางสวยมากเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เขาเคยเจอขณะที่พูดอยู่คิ้วนางก็ตรงสวย สายตาอ่อนละมุนเหมือนเหล้าหวานแค่เห็นก็สามารถละลายได้เลย
พอรู้ตัวว่ามีคนมออยู่นางก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาจากนั้นสายตาก็เย็นชาขึ้นมาทันที
เขาเข้าไปด้านในทำความเคารพแต่นางแค่ตอบและก็ให้เขาออกไปทันที
ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไปตรวจตราที่นั้นเกือบทุกวัน ถึงแม้นั้นจะเป็นเพราะหน้าที่เขาแต่เขาก็ไปเพียงเพื่อได้เห็นนางยิ้มและนั่งที่ชิงช้านั้น ถึงแม้จะโดนนินทาเข้าก็ยอม
คืนนั้น เขาดื่มเหล้ากับเพื่อนทหารมาในสมองก็มีแต่ภาพของนาง
เพราะว่าเขามีเวรตรวจตอนบ่ายตอนกลางคืนไม่จำเป็นต้องให้เขาอยู่ก็ได้แต่ว่าไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ของเหล้าหรือเปล่าทำให้เขาเดินเข้ามาในวัง
ตอนเขาวังก็ห้าทุ่มแล้วเขารู้ว่านางอาจจะนอนไปแล้ว
เขาจรวจตรามาถึงหน้าตำหนักนาง ในนั้นมืดมากนางหลับไปแล้ว
ในใจก็ผิดหวังมากเขายืนนิ่งที่หน้าตำหนักอยู่นานมาก
จนกระทั่งมีทหารในวังมาถามเขาว่า“ท่านดูอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
เขาก็ได้สติและพูดว่า “ข้าคิดว่าด้านในมีอะไรแปลกๆ”
ทหารในวังก็ดู“มีอะไรแปลกๆงั้นเหรอ?”
“ข้าอาจจะมองผิดก็ได้”เขาพูดจบก็หันกลับไปเลย
จากนั้นเขาเดินออกไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงจากตำหนักร้องกรี๊ดตะโกนว่า“ไฟไหม้ๆ……”
ทหารในวังรีบหันกลับไป“เกิดเรื่องแล้วจริงๆด้วย”
ทหารในวังพูดจบก็รีบวิ่งไปเลย
ที่ๆไฟไหม้เป็นตำหนักที่กุ้ยท่ายเฟยอยู่พอดี
พอเขาไปถึงไฟก็ลุกลามใหญ่แล้ว ท่ายเจียนกับข้ารับใช้ก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยคนแต่ไฟยิ่งอยู่ยิ่งลุกลามใหญ่ขึ้นไม่มีทางเข้าไปได้เลย
“ท่ายถ้ายเว่ย กุ้ยท่ายเฟยยังอยู่ด้านในเพค่ะ ได้โปรดเข้าไปช่วยนางด้วย!”มีข้ารับใช้คนหนึ่งมาร้องไห้และขอร้องเขา
พอได้ยินว่าถ้ายเฟยยังอยู่ในนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปในกองไฟนั้นทันที
เขาพุ่งเข้าไปแล้วก็เห็นนางซ้อนอยู่ที่มุมไฟอยู่ยิ่งใหญ่แต่ไฟไม่ได้เผาไปด้านหลังเลยในมือนางถือตะเกียงไว้แต่ในนั้นไม่มีน้ำมันแล้ว นางยืนอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ
ไฟรุกแรงจนทำให้หน้านางแดง พอเห็นเขาสายตาก็มีความหวังขึ้นมาเขารู้ว่านั้นเป็นสายตามีความสุขที่ตัวเองจะรอดแล้วแต่ไม่ใช่เพราะเห็นเขาแล้วมีความสุข
แต่ว่าเขาไม่สนเรื่องพวกนี้แล้วพอได้เห็นสายตาที่มีความสุขเขาก็พอใจแล้ว
“กุ้ยท่ายเฟย รีบไปเถอะ!”เขารีบพูด
หลิงกุ้ยท่ายเฟยเห็นไฟรุกใหญ่ขึ้นนางก็กลัวและพูดว่า “ข้าเจ็บเท้าเดินไม่ไหวแล้ว”
มีลมพัดไฟและเปลี่ยนทิศทางมาด้านหลังแล้วเขาก็กัดฟันพูดว่า “กุ้ยท่ายเฟย กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”
เขาขึ้นไปและอุ้มนางไว้ นางตกใจมากในมือที่ถือตะเกียงไว้ล่วงตกลงไปทันที
นางเอาหน้าแนบอกเขาเอาไว้ นางกลัวมากร่างกายสั่นไหวไปหมด
เขารู้ว่านางตกใจมากในใจก็เอ็นดูนางและพูดไปว่า “อย่ากลัวเลย เดี๋ยวพวกเราก็จะได้ออกไปแล้ว”
เขากอดนางไว้แน่นไม่ให้นางเห็นไฟที่รุกใหญ่นี้เขาอุ้มนางออกไปด้านนอก
ในความวุ่นวาย เขารู้สึกได้ว่ามือที่นางกอดคอเขาไว้ยิ่งอยู่ยิ่งแน่นขึ้นกระทั่งได้ยินเสียงหัวใจนางเต้นแรง นางคงตกใจมาก
พวกเขาพุ่งออกไปด้านนอก ในตำหนักมีไม้ล่วงตกลงมา ได้ยินเสียง “ตึก” ดังมาก ในความมืดมีควันขโม่งเต็มไปหมด
เขาปล่อยนางลงและสังเกตเห็นว่าด้านหลังเสื้อเขาถูกไฟเผาแต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลย
ทหารในวังรีบเข้าไปช่วยเขาดับไฟ เขาถึงรู้สึกว่าด้านหลังเขามีอาการแสบปวด
“เจ้าบาดเจ็บเหรอ!”นางมอง้ขาและพูดอย่างตกใจ
“กระหม่อมไปเป็นไรพ่ะย่ะค่ะ กุ้ยท่ายเฟยไม่ต้องเป็นกังวลไป”เขากัดฟันพูดทั้งที่เจ็บมากแต่เขาก็ยังยิ้มให้นาง
“เรียกหมอหลวง!”นางรีบตะโกนทันทีจากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปในไฟที่รุกแรง
เขาเห็นนางเข้าไปก็ตกใจและรีบพุ่งตามเข้าไปแต่กลับเห็นนางอุ้มโหลเหล้าไว้พอเห็นเขาเข้ามานางก็พูดอย่างโมโหว่า “เจ้าบาดเจ็บอยู่จะเข้ามาทำไม?”
เขาอึ้งและพูดว่า “กระหม่อมกลัวกุ้ยท่ายเฟยบาดเจ็บ”
นางนิ่งเงียบและรีบวิ่งออกไปด้วย“ออกมา”
เขาออกมาตามนาง นางให้เขานั่งลงที่พื้นจากนั้นก็ใช้เหล้ารินไปที่แผลเขา“พ่อข้าบอกว่า ถ้าแผลไหม้ต้องใช้เหล้าล้างที่แผลแล้วจะสะบายขึ้น”
เหล้าเย็นๆทำให้เขาหายเจ็บจากอาการแสบปวด ตอนนั้นเขารู้สึกว่าจิตวิญญาณเข้าสั่นไปตามหัวใจไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า