ตอนที่239 คนที่ตายไปแล้ว
ชูเซี่ยอยู่กับเขาสองคนก็รู้สึกไม่ค่อยเป็นกันเอง แดดสาดส่องเข้ามาทำให้อากาศร้อนขึ้น
หลี่เฉินเย่นไม่อยากให้นางไปและพูดกับนางว่า “เจ้ายังจำตอนที่เราไปเก็บสมุนไพรได้ไหม เจ้าพูดเล่าเรื่องผีให้ข้าฟัง จากนั้นเจ้าก็จะพูดอีกเรื่องสุดท้ายก็เล่าไม่ได้ตอนนี้เจ้าเล่าได้ไหม?” ชูเซี่ยยิ้ม“เจ้ายังจำเรื่องนี้อีกเหรอ?เฮ้อ ได้สิ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง”
“เรื่องที่เจ้าเล่ามาเป็รนเรื่องจริงหมดเลยเหรอ?”
“จริงสิ!”ชูเซี่ยพยักหน้า “เป็นเรื่องที่ข้าเจอมาหมดเลย เรื่องที่ข้าจะเล่าตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ข้าไปเผชิญมากับตัว”
“ข้าชอบฟังเรื่องจริง”หลี่เฉินเย่นโบกมือขึ้นมาเหมือนว่าให้นางหยุดเล่าก่อนจากนั้นก็สั่งลู่จ่งก่วนไปว่า “เจ้าไปเอาเหล้ามาหน่อยสิ ข้าจะฟังเรื่องเล่าของท่านหมอเวิ่น”
ลู่จ่งก่วนก็ยิ้มและตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้เลย ท่านหมอเวิ่นอย่าพึ่งเล่านะเดี๋ยวกระหม่อมไปเอาเหล้ามาก่อน”
ชูเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ได้สิ เดี่ยวข้ารอรีบไปเถอะ”
“ครับ!”ลู่จ่งก่วนพูดละรีบไปทันที
หลังจากนั้นลู่จ่งก่วนก็เอาเหล้ามา“กระหม่อมสั่งให้คนไปเตรียมเหล้าและกับแกล้มมาแล้วครับ สว่าแล้วตั้งแต่ท่านหมอเวิ่นกลับเข้าเมืองยังไม่ได้กินข้าวกับฮ่องเต้เลยครับ ฮ่องเต้งานยุ่งยังไม่ได้ต้อนรับท่านหมอเวิ่นดีๆเลยครับ ”
ลู่จ่งก่วนพูดขึ้นมา หลี่เฉินเย่นก็พูดอย่างฉุนเฉียวว่า “พูดแล้วก็จริงนะ”
เขาคิดขึ้นได้แต่ว่าไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
พอได้นั่งกินข้าวกับนางเงียบๆแบบนี้อยู่เขาก็ลมีความสุขขึ้นมา
เหล้าเย็นๆ วันร้อนๆแบบนี้พอได้ดื่มเหล้าเย็นๆแบบนี้แล้วก็ทำให้สมองโล่งเลย
“ตอนนี้เจ้าชอบดื่มเหล้าแล้วเหรอ?”ชูเซี่ยเห็นว่าลู่จ่งก่วนเอาแต่รินเหล้าให้เขาแต่ให้นางแค่แก้วเล็กๆและถามไม่ได้
หลี่เฉินเย่นพูด “ไม่นับว่าชอบนะแต่ว่าแค่ดื่มเป็นบางครั้ง”
มากที่สุดคือตอนที่เขาคิดถึงนางดื่มเหล้าแล้วก็สามารถทำให้สมองชาได้
“ดื่มเป็นบางครั้งก็ไม่เป็นไรแต่ดื่มเยอะๆทำให้ร่างกายไม่ดีเอาได้นะ ขานายเคยได้รับบาดเจ็บอย่าดื่มเยอะเลย”ชูเซี่ยพูดเสียงเบาอย่างเป็นห่วง
“อืม!”หลี่เฉินเย่นเงยหน้ามองนาง “เจ้ายังจำเรื่องที่ข้าบาดเจ็บได้อีกเหรอ”
ชูเซี่ยอึ้งสักพัก“ข้าเป็นภรรยาเจ้า ข้าก็ต้องจำได้สิ?”
หลี่เฉินเย่นยิ้มออกมา“ไม่ใช่ ก็แค่คิดมาตลอดว่า เจ้าลืมพวกเราแล้ว ห้าปีมานี้ก็คิดแบบนี้มาตลอดก็เลยเปลี่ยนความคิดไม่ทัน”
ชูเซี่ยพูดต่อว่า “ข้าไม่รู้ว่าอาจารย์บอกอะไรพวกเจ้าบ้างแต่ว่าข้าไม่ได้ลืมทุกคน”
“ไม่ลืมก็ดีๆ!”หลี่เฉินเย่นมองนางอย่างอ่อนโยน ความทรงจำของพวกเขายังคงอยู่ในสมองนาง ยังจำเรื่องที่พวกเขาเคยรักกัน ก็พอแล้ว
ลู่จ่งก่วนยืนอยู่ข้างๆฟังเรื่องราวของพวกเขาแต่ฟังสองคนพูดก็ยังไม่เล่าเรื่องอดีตความหลังเขาก็ไม่รู้ว่าควรอยู่ต่อหรือออกไปดี
ชูเซี่ยก็คิดว่าบรรยากาศแปลกๆไปก็เลยพูดว่า “ใช่สิ พวกเราเล่าเรื่องกันเถอะ อยากฟังไหม?”
หลี่เฉินเย่นความจริงแล้วก็ไม่อยากฟังหรอกแต่แค่อยากให้นางอยู่ข้างๆแบบนี้
แต่ว่าถ้าไม่เล่าเรื่องพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรแล้ว
มีคำพูดเยอะมากแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
ชูเซี่ยดื่มเหล้าจากนั้นก็เริ่มเล่า “เรื่องนี้ที่จริงเกิดขึ้นกับเพื่อนของข้า นางเป็นหมอฝ่ายหัวใจแต่ว่าในห้องฉุกเฉินไม่ค่อยมีคนมาหลายปีแล้วและจะต้องเรียกคนไปช่วยเหลือ”
ลู่จ่งก่วนได้ยินก็ถามไปอย่างสงสัยว่า“ท่านหมอเวิ่นอะไรคือห้องฉุกเฉิน?และฝ่ายหัวใจก็คือพูดถึงการรักษาหัวใจใช่หรือไม่?”
ชูเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ใช่ คำพวกนั้นพวกเจ้าก็ไม่ต้องไปฟังก็ได้ เดี๋ยวข้าจะเล่าอันที่พวกเจ้าเข้าใจ”
หลี่เฉินเย่นมองลู่จ่งก่วนอย่างไม่พอใจจากนั้นก็พูดว่า“ฟังเรื่องเล่าอยู่อย่าแทรกขึ้นมาสิ!”
ลู่จ่งก่วนยิ้ม “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขออภัย!”
ชูเซี่ยก็พูดต่อว่า“เพื่อนข้าชื่อว่าเซื่อจื่ออัน พวกเราจะเรียกนางว่าเซี่ยเซี่ย นางเหมือนกับข้าเป็นหมอฝ่ายหัวใจ ปีนั้นจำได้ว่าเป็นฤดูหนาว นางไปยื่นเอกสารที่ขอให้ตอนที่นางมีวันหยุดเอาไช่วยงานที่ห้องฉุกเฉิน ไปช่วยห้องฉุกเฉิน พอดีข้าก็ช่วยงานอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน ข้าได้เวรกลางคืน พวกเราชอบอยู่ด้วยกันวันนั้นน่าจะถึงช่วงเที่ยงคืนแล้วพวกเราได้รับโทรศัพท์……พอรับก็มีคนบอกว่ามีหญิงวัยทองหัวใจวายเฉียบพลันสลบอยู่บนถนน เซี่ยเซี่ยก็เดินทางไปกับรถม้าไปช่วยคนป่วยด้วย……”
ครั้งนี้หลี่เฉินเย่นก็ถามขึ้นมาว่า“เจ้าก็ไปด้วยเหรอ?”
ชูเซี่ยส่ายหัว “ตอนนั้นข้ากำลังช่วยคนถูกรถชนอยู่ไม่ได้ไปด้วย”
“อ้อ!”หลี่เฉินเย่นพยักหน้า
ลู่จ่งก่วนก็มองหลี่เฉินเย่น อยากจะฟังเรื่องเล่าแต่เขาก็พูดแทรกขึ้นมาแต่ว่าเขาเป็นฮ่องเต้จะพูดแทรกก็ได้
ชูเซี่ยเล่าต่อว่า “เพราะว่าตอนนั้นมันดึกมากแล้ว ถนนที่ผู้ป่วยสลบอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีคน รถม้าจอดข้างถนนก็เห็นว่าคนป่วยหัวใจหยุดเต้นแล้วไม่หายใจ เซี่ยเซี่ยก็รีบช่วยชีวิตผู้ป่วยทันทีแต่ว่าผู้ป่วยตายแล้วก็เลยต้องใช้รถม้ากลับมาที่โรงพยาบาลก่อนแต่ระหว่างทาง รถม้าก็ผลิกคว้ำเกิดอุบัติเหตุขึ้น หมอในนั้นก็บาดเจ็บรุนแรง เซี่ยเซี่ยก็บาดเจ็บด้วย ตอนนั้นรอจนรถม้าคันที่สองไปช่วยและก็เห็นว่าผู้ป่วยหายไปแล้วนี้แปลกมากเพราะว่าในทางนั้นไม่มีใครเลยรถที่ผ่านไปมาก็ไม่มีและหายไปแบบนี้เลยทำเอาเราสงสัยจากนั้นก็ไปแจ้งความแล้วเหมือนกัน ขุนนางของศาลนั้นก็มาตรวจสอบพื้นที่ก็หาผู้ป่วยไม่เจอ จากนั้นก็สันนิฐานว่าผู้ป่วยยังไม่ตายแต่แค่หยุดหายใจไปแปบนึง ตอนที่รถคว้ำเขาอาจจะตื่นแล้วก็ได้ ตอนนั้นทุกคนก็มาดูนางไม่ได้ ดังนั้นนางก็เดินไปเองเลย”
หลี่เฉินเย่นสงสัย“พูดจบแล้วเหรอ?”
ลู่จ่งก่วนพูดต่อว่า “ไม่เห็นน่ากลัวเลย”
ชูเซี่ยยิ้ม “ยังไม่จบ เรื่องสนุกอยู่ด้านหลังแต่ตอนนี้ฉันแค่อยากดื่มน้ำ”
หลี่เฉินเย่นรีบยื่นน้ำให้นางชูเซี่ยรับมาดื่ม ดื่มแล้วถึงรู้ว่าแก้วนี้เป็นของเขา เป็นแก้วใหญ่
หลี่เฉินเย่นเห็นก็อึ้งและพูดว่า“ข้าหยิบผิดหน่ะ”
ชูเซี่ยดื่มเสร็จก็วางแก้วลงและเปลี่ยนเรื่องจากนั้นก็เล่าต่อ “จากนั้นคนเจ็บก็ถูกส่งมาที่โรงพยาบาล พึ่งถึงห้องฉุกเฉิน เซี่ยเซี่ยก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ก็เห็นผู้ป่วยคนนั้นและตะโกนไปว่านางก็คือคนที่หัวใจวายเฉียบพลันไม่ใช่เหรอ?”
“อ่า?คนนั้นไม่ตายแต่กลับไปที่โรงพยาบาลเองงั้นเหรอ?”ลู่จ่งก่วนถามอย่างแปลกใจ
วงหลี่เฉินเย่นมองเขา ลู่จ่งก่วนก็ปิดปากเงียบไม่พูดอีกเลย
ชูเซี่ยพูดต่อว่า “ตอนนั้นพวกเราก็เห็นแล้ว ตอนที่เซี่ยเซี่ยเข้าไปถาม นางบอกว่านางสะบายดีแต่ว่าก่อนหน้านั้นป่วยอยู่ก็เลยมาที่โรงพยาบาล เซี่ยเซี่ยก็รีบพานางไปตรวจสอบ พานางไปเอ็กซ์เลย์……ฟังเสียงหัวใจแต่ว่าการตรวจสอบทำเอาคนตกใจนางไม่มีหัวใจไม่มีชีพจรและไม่หายใจ ถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์คือนางตายแล้ว”
ลู่จ่งก่วนพูดว่า“ตายแล้ว?งั้นต่อมาทำยังไงล่ะ?”
ชูเซี่ยยิ้ม“จะทำยังไงได้ล่ะ?ก็ให้นางอยู่ที่โรงพยาบาลตรวจสอบไง ตอนนั้นเซี่ยเซี่ยติดตามผู้ป่วยนี้เจ็ดวัน นางก็ตายและไม่ตื่นอีกเลย”
“นางอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้”หลี่เฉินเย่นพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...