ตอนที่240 จากกัน
ชูเซี่ยพยักหน้า“ใช่ ตอนเจ็ดวันนัน้ นางรอคนในบ้านมาแต่ว่าไม่มีใครมาเยี่ยมนางเลย จากนั้นเราก็ตรวจสอบถึงรู้ว่านางหย่าแล้วพ่อพาเด็กไปต่างประเทศแล้ว ขนาดนางเกิดอุบัติเหตุยังไม่ใครมารู้”“หย่า?”ลู่จ่งก่วนรู้สึกว่าคำพูดที่ชูเซี่ยพูดเขาฟังออกเลย
“ก็คือถอนจากการเป็นภรรยา”ชูเซี่ยอธิบาย
ตอนพูดคำนี้นางมองไปที่หลี่เฉินเย่น
หลี่เฉินเย่นก็พูดว่า “เจ้ามองข้าทำไม?ข้าไม่ได้ถอนตัวเจ้าเสียหน่อย”
ชูเซี่ยพูดต่อว่า“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย”
“แต่ว่าเจ้าบอกกับเด็กๆตลอดว่าเราหย่ากันแล้ว”หลี่เฉินเย่นได้ยินจากเด็กๆพูดคำนี้เขาก็แปลกใจว่ามันแปลว่าอะไร
ชูเซี่ยพูดต่อว่า“พ่อแม่ไม่อยู่ด้วยกันก็ต้องบอกให้พวกเขาสิ”
“นิสัยไปตรงกันความคิดเห็นต่างกัน?”
เมื่อก่อนเด็กๆก็ชอบถามนางว่าทำไมถึงเลิกกับพ่อนางก็เลยต้องพูดไปว่านิสัยไม่ตรงกัน นี้เป็นข้ออ้างของคนสมัยนี้ เหมือนแค่พูดว่านิสัยไม่ตรงกันก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว
“ก็บอกไม่ได้ว่าข้าเป็นฮวงกุ้ยเฟยของทวด!”ชูเซี่ยพูด
หลี่เฉินเย่นพูดต่อว่า“พูดอะไรหน่ะ?”
เขาไม่ชอบฟังคำนี้เลย ชูเซี่ยเป็นภรรยาเขา ไม่เคยเป็นฮ่วงกุ้ยเฟยเลย
ลู่จ่งก่วนเห็นบรรยากาศเปลี่ยนไปก็จะถอยออกไป
ในมือชูเซี่ยก็ถือเหล้าไว้ไม่รู้จะพูดอะไร
ระหว่างพวกเขาก็มีแค่เรื่องเล่าผีเรื่องที่สองพอเล่าจบก็เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
หลี่เฉินเย่นยกแก้วขึ้นมาชนแก้วกับนางและพูดว่า “ข้าพูดเล่นไม่ต้องสนใจหรอก”
ชูเซี่ยเงยหน้ามามองเขา“ที่จริงข้าไม่รู้ว่าต้องอธิบายยังไงกับเรื่องที่เราไม่อยู่ด้วยกัน คนอื่นมีพ่อแม่เล่นด้วยและมีแต่พวกเขาที่ไม่มีก็เลยมาถาม อายุนี้ก็เป็นอายุที่ขี้สงสัยที่สุด ข้าก็เลยต้องโกหกไป”
“ข้าไม่สนใจจริงๆ ไม่ว่าเจ้าพูดอะไร เรื่องจริงคือเราแยกกัน”หลี่เฉินเย่นพูด
ชูเซี่ยถอนหายใจ“ใช่สิ เป็นความจริง”
นางเป็นฮ่วงกุ้ยเฟยของฮ่องเต้องค์ก่อนแต่ว่ารู้ว่าเขาไม่ชอบฟังนางก็เลยไม่พูดเพราะว่าตอนนี้พวกเขาก็มีสติอยู่ไม่จำเป็นต้องพูดประชดประชัน
ทั้งสองคนไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็ได้ยินลู่จ่งก่วนกำลังคุยกับคนด้านนอกอยู่“เหลี่ยงเฟย ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่เจอใคร ท่านกลับก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าน้อยจะส่งซุปที่ท่านต้มมาไปส่งให้ฮ่องเต้”
เหลียงเฟยก็พูดต่อว่า“ถ้าฮ่องเต้ยุ่งอยู่ งั้นข้าก็รอตรงนี้ก็ได้”
“ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะเสร็จเมื่อไหร่”ลู่จ่งก่วนพูดต่ออย่างลำบากใจ
เหลียงเฟยเป็นคนที่ต่อกรยากและตอนนี้ก็ประกาศเรื่องเด็กๆแล้วนางคงทนต่อไม่ได้?นางก็คงต้องมาสืบเรื่องแต่ว่าสนมอื่นๆไม่กล้ามาที่นี้มีแต่เหลียงเฟยที่ยังคงมาต่อ
เหลียงเฟยพูด “เจ้าก็พูดเถอะ ถ้าฮ่องเต้ยุ่งอยู่ก็ต้องอยู่ที่ห้องหนังสือแต่ตอนนี้กลับอยู่ในตำหนัก ฮ่องเต้ต้องกำลังทรงพักผ่อนอยู่น่ะสิ ข้าเข้าไปไม่รบกวนฮ่องเต้หรอก ข้าแค่อยากไปเจออ่องเต้ก็จะออกมาแล้ว”
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ อ่องเต้บอกว่าวันนี้ไม่อยากเจอใครพ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียงก็อย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ งั้นข้าก็จะรออยู่หน้านี้แหละ ฮ่องเต้ไม่ให้ข้ายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืนหรอก”เหลียงเฟยพูด
ชูเซี่ยได้ยินรู้ว่านางคงไม่ยอมง่ายๆก็เลยลุกขึ้นมา “ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ”
หลี่เฉินเย่นก็โมโหเหลียงเฟยอยู่แต่ว่าก็ไปด่านางต่อหน้าชูเซี่ยไม่ได้ก็เลยต้องพูดไปว่า“งั้นได้ เจ้าไปก่อนเถอะไปในคุกต้องระวังหน่อยนะ”
“ข้ารู้แล้ว”ชูเซี่ยพูด
ชูเซี่ยกลับหลังหัน หลี่เฉินเย่นก็จับมือนางไว้ ชูเซี่ยก็มองเขาอย่างแปลกใจ
หลี่เฉินเย่นจับมือนางไว้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรก็ลเยพูดไปว่า“พวกเราดื่มกันอีกเถอะ”
ชูเซี่ยพยักหน้าและตอบอย่างไม่ลังเลว่า“ได้!”
หลี่เฉินเย่นรีนเหล้าให้นางและรีนให้ตัวเองด้วย ชูเซี่ยเห็นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าอย่าดื่มเยอะสิ”
“โอกาสจะได้ดื่มเหล้ากับเจ้าไม่เยอะแล้ว แก้วนี้ก็ถือว่าข้าขอบคุณเจ้าและชนแก้วสำหรับอดีตที่เราเคยรักกัน”หลี่เฉินเย่นซดเข้าไปที่จริงเขาพูดยิ้มๆแต่ว่าเขาก็ยังคงเศร้าใจอยู่ดี
“แยกกันแล้วขอให้โชคดี”ชูเซี่ยยกแก้วขึ้นมาและพูด
หลี่เฉินเย่นสีหน้าซีดขาวมองชูเซี่ย“ชูเซี่ย คำพูดเจ้านี้ก็โหดร้ายเกินไป”
คำๆนี้ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับตอนถอนภรรยาออก ความหมายคือชายหญิงต่างคนต่างแต่งงานกับคนอื่นไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว
แต่ว่าคำนี้ส่วนมากก็เป็นชายพูดต่อหญิง
ทุกคนก็ลองโกหกตัวเองแต่ว่าชูเซี่ยพูดคำนี้ก็ทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมาจากโกหก
หลี่เฉินเย่นเจ็บปวดหัวใจเจ็บจนหายใจไม่ออก
ชูเซี่ยถอนหายใจเบาๆและซดเหล้าทั้งหมดจากนั้นนางก็ยืนขึ้นมองเขา ตลอดหลายปีนี้เขาชอบขมวดคิ้ว สีหน้าเขาเศร้าโศกตลอดเวลา
ชูเซี่ยก็สงสารเขาเหมือนกันและยื่นมือไปกอดเขาไว้“เฉินเย่นไม่ลืมเรื่องอดึตก็ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าต่อได้นะได้ยินว่าชาติหน้าของเราชาติๆหน้าเราจะได้อยู่ด้วยกันงั้นชาตินี้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก?”
พูดจบก็คิดว่าขนาดตัวเองนางยังปลอบใจตัวเองไม่ได้เลยจะปลอบใจเขาได้ยังไง?
ห้าปีผ่านไปสามีของนางก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนตอนนี้ก็ไม่เห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าเขาแล้ว
หลี่เฉินเย่นวางเหล้าลงและกอดนางไว้
กอดนี้เขาคิดว่าชาตินี้คงเป็นไปไม่ได้แล้วความรู้สึกที่กอดนางไว้ เหมือนกอดโลกทั้งใบเอาไว้
เขาอยู่ที่สูงก็เป็นตำแหน่งที่โดดเดี่ยงเดียวดาย ตอนนี้เรื่องทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ สิ่งที่เขาอยากได้ชาตินี้ก็คงไม่มีทางได้ครอบครองแล้ว
ความทรงจำหลายปีปีนั้นหญิงสวยคนหนึ่งมองเขายิ้มๆและพูดว่า“ข้าชื่อว่าชูเซี่ย”
เขากอดชูเซี่ยชื่อนี้ไว้กอดความทรงจำเอาไว้ผ่านไปห้าปีแล้ว
ปล่อยมือไม่ง่ายเลย?
แต่ว่าเขาเลือกไม่ได้ถ้าไม่ลืมนอกจากความรักพวกเขาแล้วยังมีความเจ็บปวดของพวกเขา เขาเคยเสียนางไปสองครั้งเขาจะให้นางมาตายในมือเขาอีกไม่ได้
ฮ่องเต้คนหนึ่งมือเปื้อนเลือดเต็มสามารถเปื้อนคนทั้งโลกได้แต่ทำอะไรนางไมได้
เขาจูบที่หน้าผากนางและพูดว่า “ชูเซี่ย ข้าใช้ทั้งชีวิตของข้าแลกกับนิรันดร์ขิงเรา”
ชูเซี่ยร้องไห้คำนี้นางไม่อยากฟังมากแต่ว่าก็ต้องเป็นเช่นนี้
พวกเขาก็ไม่ลำบากใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ไม่อยากให้ฝ่ายใดต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ขอแค่พวกเขายังดีแล้วจะมีอะไรที่ทนไม่ได้ล่ะ?
จากกันทั้งที่ยังมีชีวิตยังดีกว่าตายจากกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า