ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 242

ตอนที่ 242 เยาะแสหลัก

หรงกุ้ยท่ายเฟยจับมือของหล่อนไว้ “ท่านอย่าคิดมากเลย รักษาตัวให้ดี ท่านเห็นไหมว่าชูเซี่ยมักจะไปรักษาคนนอกวัง ฝ่าบาทก็ทรงยุ่งกับงานราชการ ไม่มีเวลามาดูแลลูกหรอก อย่าไปหวังพึ่งผินเฟยนางในเหล่านั้นเลย หากท่านไม่เป็นคนดูแล ใครจะมาช่วยดูแลล่ะ”

ฮองไทเฮาได้ยินหรงกุ้ยท่ายเฟยพูดแบบนี้ พลันน้ำตาไหล “ใช่สิ ข้าหวังพึ่งใครได้บ้าง ข้านึกถึงสิ่งที่สองฝาแฝดเคยพูดกับข้าว่า ตอนที่พวกเขาอยู่ที่เมืองหนานซาน ทุกครั้งที่ชูเซี่ยออกไปรักษาผู้คน ไม่พาพวกเขาไปด้วย แล้วได้นอนบนกองฟางลานบ้าน ไม่ก็ให้พวกเขารออยู่ที่บ้าน อันตรายจริงๆ ข้าปวดใจทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดนี้ เจ้าว่า พวกเขาเป็นพระโอรสของฝ่าบาท เป็นยอดยาหยีของข้า ข้ายอมทนทุกข์คนเหล่านั้นคนเดียว ก็ยอมไม่ได้ที่ต้องเห็นพวกเขาทุกข์ด้วย”

หรงกุ้ยท่ายเฟยเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เมื่อรู้ว่าอานเหยียนอาจมีโอกาสตาบาด หล่อนอยากให้คนที่ตาบอดเป็นตัวเองเสียอีก

“ช่างมันเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พูดแล้วข้าก็ปวดใจเหมือนกัน แต่ข้าสามารถรับรองกับท่านได้ว่า ชูเซี่ยต้องมีวิธีรักษาท่านให้หายขาดได้ ท่านอย่าเพิ่มคิดลบไป”

ฮองไทเฮาผงกหัว “วางใจเถอะ ถ้าทนได้ ข้าก็จะทนให้ถึงที่สุด ข้ายังไม่อยากจากไปจริงๆ”

ทั้งสองจับมือกัน เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นในความคิด รู้สึกว่าเรื่องในโลกมนุษญ์ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ

ชูเซี่ยปรับอารมณ์ตนเอง เพื่อไปเยี่ยมหมอหลวงหลันที่คุก

หลวี่หนิงเป็นคนรับผิดชอบ การดูแลก็ถือว่าไม่เลว ถูกขังเดี่ยว บนพื้นปูฟางเอาไว้ และให้ผ้าห่มผืนบางหนึ่งผืน

ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว แต่ในคุกจะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ ดังนั้น ในคุกมากจะมืดและชื้นอยู่เสมอ

สภาพจิตใจของหมอหลวงหลันถือว่าดี แต่หน้าซีดไปหน่อย นอกเหนือไม่มีอะไร

เมื่อเห็นชูเซี่ย เขาดูค่อนข้างสงบ

“หมอชู ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมา” เขากล่าว

ชูเซี่ยให้หลวี่หนิงเข้ามาเป็นเพื่อน และเอาเหล้าดอกกุ้ยที่หอมหวานมาด้วย

หล่อนเทเหล้าหนึ่งแก้ว พลันนั่งลงบนฟาง แล้วยื่นให้เขา “ฝ่าบาททรงพบหนอนพิษตำหนักของเจ้า ข้าเคยเห็นหนอนพิษลักษณะนี้ เป็นชนิดเดียวกับที่ฮองไทเฮาถูกวาง”

“ข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่เคยรู้เลยว่ามีขวดนี้อยู่ในตำหนัก” หมอหลวงหลันโต้

“แต่ว่า ถามบ่าวในตำหนักของเจ้าแล้ว ที่ที่เจอขวดนี้คือห้องหนังสือของเจ้า นอกจากเจ้าและคนรับใช้ที่ทำสะอาดแล้ว ไม่มีใครสามารถเข้าออกห้องนั้นตามอำเภอใจได้”

หมอหลวงหลันถอนหายใจเบาๆ “ใช่สิ ดังนั้น ใครกันแน่ที่ปองร้ายข้า แล้วเอาขวดนี้เข้าไปวางในห้องหนังสือข้าได้อย่างไร ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ชูเซี่ยมองดูเขา นึกถึงตอนที่ปฐมกษัตริย์จะทรงประหารเขาเพราะเรื่องของอานเหยียน ตนได้ช่วยเขาจากปฐมกษัตริย์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาทำงานด้วยความระมัดระวัง ไม่น่าจะเป็นคนวางยาฮองไทเฮา

นอกจากนี้ ทุกสิ่งอย่างล้วนขึ้นอยู่กับแรงจูงใจ เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องฆ่าฮองไทเฮาล่ะ เขาเป็นหมอหลวง ครอบครัวอยู่ดีมีสุข ไม่มีเรื่องอะไรที่คนอื่นใช้ข่มขู่ได้ เขาไม่จำเป็นที่ต้องเอาอนาคตและครอบครัวตนเองมาล้อเล่น

“เจ้าลองคิดดีๆ ช่วงนี้มีคนแปลกหน้าเข้าออกตำหนักเจ้าหรือไม่” ชูเซี่ยถาม

หมอหลวงหลันมองเอินอี้ด้วยความซาบซึ้ง “หมอชูถามข้าแบบนี้ ก็ยืนยันได้ว่าหมอชูไม่เคยสังสัยข้าเลย สามารถได้รับความเชื่อใจจากท่าน ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”

หมอชูพูดว่า “แต่ว่า หากต้องการยืนยันว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว”

“บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของข้าก็ได้ ข้าควรจะโดนปฐมกษัตริย์ทรงประหาร แต่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าได้ใช้ชีวิตต่อตั้งหลายปี ถือว่าเป็นโชคดีของข้าแล้วล่ะ” หมอหลวงหลันพูดอย่างสลดใจ เขารู้ ตอนนี้หลักฐานเพียบพร้อม ยากที่จะพ้นข้อกล่าวหา คนที่คิดปองร้ายเขา ต้องการให้เขาเป็นแพะรับบาป จะปล่อยให้เขาพ้นข้อกล่าวหาไปง่ายๆ ได้อย่างไร

ชูเซี่ยขมวดคิ้ว “อย่าพูดอะไรที่มันสลดใจอะไรแบบนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำ ก็ต้องคืนความบริสุทธิ์แก่เจ้า”

“หมอชูไม่ต้องวิ่งเรื่องนี้ให้ข้าหรอก ในเมื่อเจอหนอนพิษในตำหนักข้า และข้าก็เป็นเพียงคนเดียวที่ได้สัมผัสกับแผลของฮองไทเฮา ข้าน่าสงสัยที่สุด ท่านอย่าเสียเวลากับเรื่องนี้เลย”

ชูเซี่ยพูดอย่างจริงจัง “นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้าเพียงคนเดียว หากเจ้าไม่ได้เป็นคนวางยา ถ้าฆ่าเจ้าไปแล้ว คนร้ายหนีไปที่อื่น ก็จะปองร้ายคนอื่นอีก ดังนั้น พวกเราต้องหาคนร้ายตัวจริงให้ได้”

หลวี่หนิงก็พูดขึ้นว่า “ถูกต้อง หมอหลวงหลัน เจ้าลองคิดดูดีๆ มีใครเคยเข้าไปห้องหนังสือของเจ้าอีกหรือไม่”

หมอหลวงหลันได้ยินที่ชูเซี่ยและหลวี่หนิงพูด หลันตั้งใจครุ่นคิด “ช่วงนี้ไม่มีใครมาที่ห้องหนังสือข้าจริงๆ นับตั้งแต่ฮองไทเฮาทรงประชวร เวลาที่ข้าอยู่ในวังเกินกว่าแปดชั่วยาม ได้กลับไปนอนที่ตำหนักเพียงสามชั่วยาม น้อยมากที่จะกลับไปนานๆ”

ชูเซี่ยถามหลวี่หนิง “ได้ถามคนในตำหนักหรือยัง”

หลวี่หนิงตอบว่า “ถามแล้ว ท่านผู้หญิงหลันก็บอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนมาที่ตำหนัก และไม่มีใครได้เข้าไปในห้องหนังสือ”

ชูเซี่ยขมวดคิ้ว “แปลกมาจริงๆ หรือมียอดฝีมือคนไหนแอบเอาเข้าไป ถ้าอย่างนั้นตัวล็อกประตูอาจมีร่องรอยของการถูกงัด”

“ไม่มีเลย” หลวี่หนิงพูดขึ้น

“ไม่มีแม้แต่รอยถูกงัดรึ”

“ไม่มีแม้แต่รอยถูกงัด ทั้งประตูและหน้าต่างก็อยู่ในสภาพเดิม ไม่มีตรงไหนเสียหาย”

ชูเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถึงแม้จะมียอดฝีมือแอบเข้าไป ก็ต้องงัดประตู หรือมีเทคนิคการปลดล็อกประตูที่ถึงแม้จะงัดสำเร็จ ก็ไม่มีใครดูออก”

หลวี่หนิงโบกมือไปมา “เป็นไปไม่ได้หรอก ข้าก็เป็นยอดฝีมือด้านการปลดล็อก หากมีคนเคยงัดข้าก็ต้องดูออก เพราะว่า กุญแจไม่เข้าคู่ ยังไงก็ต้องทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ แต่ว่า ตัวล็อกประตูสภาพเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยถูกแงะใดๆ ”

“ถ้าพูดมาขนาดนี้ หรือจะเข้าไปด้วยกุญแจล่ะ”

หล่อนเงยหน้าถามหมอหลวงหลัน “ในตำหนัก นอกจากเจ้าแล้วที่มีกุญแจห้องหนังสือ ยังมีใครมีอีกไหม”

หมอหลวงหลันตอบว่า “นอกจากข้าแล้ว ไม่มีใครมีกุญแจอีกแล้ว เนื่องจากในห้องหนังสือของข้ามีหนังสือที่มีค่ามากมาย ดังนั้น ถึงแม้จะเข้าไปทำความสะอาด ก็จะทำความสะอาดเฉพาะตอนที่ข้าอยู่เท่านั้น กลัวคนรับใช้มือหนักทำหนังสือเสียหาย”

“ซึ่งก็หมายความว่า ห้องหนังสือนั้นนอกจากเจ้าแล้ว ไม่มีใครสามารถเข้าไปเพียงลำพังได้”

“จะได้อย่างนั้นก็ได้” หมอหลวงหลันตอบ

ชูเซี่ยและหลวี่หนิงมองหน้ากัน ถ้าตามที่หมอหลวงหลันพูดจริง การสอบสวนนี้ ก็ไม่มีอะไร

นอกจากนี้ เขาน่าสงสัยมากเข้าไปอีก เพราะว่า มีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถเข้าไปในห้องหนังสือได้ หากคนนอกจะเข้าไป ก็ต้องมีเขาอยู่ด้วย

ตัวล็อกไม่เคยถูกงัด ประตูหน้าต่างก็เรียบร้อยดี นี่ก็หมายความว่า ไม่มีใครเคยเข้าไปในห้องหนังสือเขาเพียงลำพัง จากหลักฐานพื้นผิวนี้ ก็สามารถตัดการถูกใส่ร้ายออก

ชูเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันถามว่า “ถ้าอย่างนั้น กุญแจของเจ้าเคยตกหายหรือไม่”

หมอหลวงหลันชะงักไปครู่หนึ่ง “ไม่เคยตกหาย แต่ก็มีวันหนึ่งที่ข้าลืมไว้ในสถาบันแพทย์หลวง ลืมเอากลับบ้านด้วย วันนั้นข้าจะไปหาหนังสือเล่นหนึ่งที่ห้องหนังสือ ถึงรู้ตัวว่าลืมเอากุญแจกลับ”

“ถ้าอย่างนั้นในวันที่สองเมื่อเจ้ากลับไปที่สถาบันแพทย์หลวงเจ้าเจอกุญแจหรือไม่” หลวี่หนิงรีบถาม

“เจอแล้ว อยู่ในลิ้นชัก น่าจะไม่มีใครมายุ่ง” หมอหลวงหลันตอบ

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่มีใครมายุ่ง มีคนเอากุญแจไปปั้ม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” หลวี่หนิงกล่าว

หมอหลวงหลันโบกมือไปมา “น่าจะไม่มีใครมายุ่ง เพราะว่าข้าล็อกลิ้นชักเอาไว้ ส่วนกุญแจลิ้นชักข้าก็เอากลับบ้านไปด้วย ไม่เคยมีใครมางัดลิ้นชัก ตัวล็อกอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยเหมือนเดิม”

“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่” ชูเซี่ยถาม

หมอหลวงหลันคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดวันที่แล้ว น่าจะประมาณนั้น”

ชูเซี่ยมองไปทางหลวี่หนิง “หากมีคนแงะลิ้นชักเมื่อเจ็ดวันก่อน เจ้าดูออกหรือไม่”

หลวี่หนิงพูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนว่าดูออก แค่เคยโดนแงะ แม้จะผ่านไปเป็นปี ข้าก็ดูออก”

ชูเซี่ยพูดว่า “เวลาไม่เคยคอยใคร ถ้าอย่งนั้นเจ้ารอบไปเช็คดู”

หลวี่หนิงรับคำ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า