ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 247

ตอนที่ 247 ครอบครัวอยู่เป็นสุข

ชูเซี่ยเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อได้ฟังที่จูเก๋อหมิงพูด พลันพูดว่า “อย่างนี้ดีกว่า ข้าจะรออยู่ที่นี่ เจ้าเข้าไปพบเฉินเย่นในวัง แล้วก็ นัดเขาให้พาข้าเที่ยวรอบเมืองสักวันพรุ่งนี้บ่าย”

จูเก๋อหมิงยิ้มพลันพูดขึ้นว่า “ต้องอย่างนี้สิ ไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆกันหรอก ยิ่งระวัง ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกถึงกลิ่นตุๆ สู้ไปมาหาสู่กันอย่างเปิดเผยดีกว่า”

จูเก๋อหมิงเข้าวัง นำข้อมูลที่ได้ไปบอกหลี่เฉินเย่น

หลี่เฉินเย่นนึกถึงถุงหอมของฉ่ายเวิน ใช่แล้ว เขาพอรู้ว่าใช้เครื่องเทศและตัวยาไหนบ้าง แต่ว่า รู้ไม่หมด

“พรุ่งนี้ข้าจะออกไปนอกวัง เจ้าเอากลิ่นนั้นมาให้ข้าดมหน่อย ข้าจำได้ว่า หล่อนชอบเครื่องหอมมาแต่ไหนแต่ไร ถุงหอมที่หล่อนเคยทำ มีหลายประเภท แต่กลิ่นก็คล้ายๆ กัน”

“หากเป็นเช่นนี้ ก็ยากแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน” จูเก๋อหมิงขมวดคิ้ว

“ก็ต้องศึกษาสักหน่อย”

เขาเงยหน้ามองจูเก๋อหมิง “เจ้าเป็นคนโน้มน้าวให้ชูเซี่ยมาพบข้าใช่หรือไม่”

จูเก๋อหมิงซดน้ำชา พลันพูดว่า “ใช่ ไม่ใช่ว่าแค่อยากให้พวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่สิ่งที่ข้าคิดมาก็เป็นความจริง ทำไมต้องหลบๆซ่อนๆแบบนี้กันล่ะ เรื่องของพวกเจ้านั้น มีขุนนางใหญ่หลายท่านที่รู้ พวกเขาก็แค่แกล้งไม่รู้เท่านั้นแหละ”

“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล มันก็จริง ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าไม่เคยสนใจว่าขุนนางเหล่านั้นจะพูดอะไร หรือคิดอะไรหรอก เพียงแต่......”

“เพียงแต่เจ้ายังคงคิดถึงคำพูดของนักบวช หากเจ้าอยู่กับชูเซี่ย จะเป็นการทำร้ายชูเซี่ยอีกครั้ง”

หลี่เฉินเย่นถอนหายใจเบาๆ ขมวดคิ้วครุ่นคิด “ไม่ใช่รึ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆ ในอดีตพิสูจน์ให้เห็นว่าหากชูเซี่ยอยู่กับข้า อาจถูกฆ่าตายได้”

“นักบวชก็เคยบอกว่าพวกเจ้าเป็นคู่เวรคู่กรรมกัน” จูเก๋อหมิงเตือน

หลี่เฉินเย่นกล่าวว่า “ใช่ เขาเคยพูด ดังนั้นนี่จึงเป็นความหวังสุดท้ายของข้า”

จูเก๋อหมิงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ วางถ้วยชาลง พลันตบไหล่หลี่เฉินเย่นเบาๆ “ข้ายังเชื่อเสมอว่า คนเราสามารถเอาชนะดวงชะตาได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้ายังมีพระเจ้าที่คอยช่วย เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพียงแบบทดสอบก็ได้”

ทำไมหลี่เฉินเย่นจะไม่อยากอยู่กับชูเซี่ยล่ะ แต่ว่า เขากลัวแล้วจริงๆ เขายอมไม่ได้ที่ต้องทนเห็นชูเซี่ยตายในอ้อมอกเขา

“เฉินหยวนชิ่งกลับมาแล้ว” หลี่เฉินเย่นกล่าว

จูเก๋อหมิงสีหน้าจริงจังขึ้นในทันใด “เขายังมีท่าทีเป็นศัตรูกับชูเซี่ยอยู่หรือเปล่า”

“เขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า จริงๆแล้วเขาก็รู้ดี ว่าการตายของเฉินอวี่จู๋ เป็นแผนของฉ่ายเวินเพียงผู้เดียว แต่ว่า ยังไงเขาก็คิดว่า ชูเซี่ยสามารถช่วยเฉินอวี่จู๋ได้ เขาไม่เชื่อว่าชูเซี่ยไม่เคยอิจฉาเฉินอวี่จู๋ เขารู้สึกว่า ผู้หญิงหากมีความอิจฉาริษยา ล้วนมีความเห็นแก่ตัว”

จูเก๋อหมิงไม่ค่อยพอใจนัก “เขาคิดว่าชูเซี่ยเห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ยอมช่วยงั้นรึ”

“หลังจากที่เขารู้ว่าฉ่ายเวินเป็นคนวางยาเฉินอวี่จู๋ เขาก็คิดว่าใจของผู้หญิงนั้นล้วนอำมหิต แต่ที่ฉ่ายเวินต้องวางยาเฉินอวี่จู๋และพลันทำร้ายชูเซี่ยนั้นเป็นเพราะความรู้สึกที่มีต่อข้า เขาคิดว่า เป็นไปไม่ได้ที่ชูเซี่ยจะรักษาเฉินอวี่จู๋อย่างสุดความสามารถ เพราะว่า ในตอนนั้นเฉินอวี่จู๋เป็นพระชายาหนิงอัน”

จูเก๋อหมิงผงกหัว “ไม่ควรตำหนิความคิดของเขามากนัก เขายังไม่รู้จักชูเซี่ยดีพอ”

“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่รู้จักหรือไม่รู้จัก เป็นเพราะว่าเขาลำเอียงเกินไป ข้ารู้สึกว่า แม้เขาจะรู้ว่าชูเซี่ยเป็นคนอย่างไร ก็คงแค้นเคืองชูเซี่ยเหมือนเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขาลึกซึ้งมาก การตายของเฉินอวี่จู๋ เขาก็ต้องหาที่ระบายอารมณ์นั้น ฉ่ายเวินตายแล้ว ก็เหลือเพียงชูเซี่ยแล้วล่ะ”

“เขามันบ้า” จูเก๋อหมิงพูดอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้เขาเป็นถึงจอมทัพ แม้ไม่มีกำลังทหาร แต่ว่า ก็มีทหารจำนวนมากที่เชื่อฟังเขา หากเขาร่วมมือกับเหลียงกุ้ยพวกเขา ก็จะเป็นภัยต่อเจ้ามากเหมือนกัน”

“ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ตอนที่ข้าเป็นแม่ทัพพญาอินทรีย์ เขาก็ติดตามข้า แม้เขาคนนี้จะเป็นคนดื้อรั้น แต่ว่า เป็นแม่ทัพที่หายากคนหนึ่งเลยล่ะ ในการเดินทัพทำสงคราม นอกจากท่านพี่ของข้าแล้ว ไม่มีใครสู้เขาได้จริงๆ”

จูเก๋อหมิงพูดเสียงเบา “ข้อนี้ เจ้ารู้ ทุกคนรู้ ตัวเขาเองก็รู้ ระวังเถอะ ยิ่งสูงยิ่งหนาว”

หลี่เฉินเย่นกล่าวว่า “ไม่กันไว้สักหน่อยไม่ได้แล้วล่ะ”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนๆ นี้มักคิดลบกับชูเซี่ยเสมอ แม้จะบอกว่าให้อภัยกันแล้ว แต่เขารู้จักเฉินหยวนชิ่งดี การให้อภัยนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว เขานึกถึงการตายอย่างทรมานของเฉินอวี่จู๋ ยังไงก็คิดว่าชูเซี่ยเห็นคนกำลังจะตายแต่ไม่ยอมช่วย ยิ่งไปกว่านั้น หากชูเซี่ยสามารถรักษาฮองไทเฮาให้หายขาดได้ เขาจะมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม

วันถัดไป หลี่เฉินเย่นพาสองแฝดออกไปนอกวังแบบคนธรรมดา มีเจิ้งกั๋วอ๋องหลี่อวิ่นกังกับอานเหยียน

อานเหยียนได้เจอน้องชายและน้องสาว บอกไม่ได้เลยว่าดีใจมากขนาดไหน ส่งเสียงวี๊ดว๊าดหลายครั้ง “ท่านพ่อ ทำไมน้องชายและน้องสาวหน้าเหมือนกันเลย ข้าก็อยากได้น้องชาpและน้องสาวที่หน้าเหมือนกัน”

ชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นมองหน้ากันแล้วยิ้ม หลี่เฉินเย่นพูดกับอานเหยียนว่า “เจ้าเด็กโง่ พวกเขาก็เป็นน้องชายและน้องสาวของเจ้า”

อานเหยียนรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน “ใช่สิ ใช่สิ ทำไมข้าคิดไม่ออกล่ะ ท่านพ่อชอบบอกว่าข้าโง่ ข้าไม่เชื่อมาโดยตลอด เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ”

ฉองเหลาหัวเราะชอบใจ “พี่อานเหยียน ได้ยินมาว่าเจ้ามีน้องสาวหนึ่งคน เจ้ายกน้องสาวให้ข้าได้หรือไม่ ข้าก็จะยกน้องสาวข้าให้เจ้าเหมือนกัน เรามาแลกเปลี่ยนกัน”

ฉองเหลาอยากมีน้องสาวมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ที่อยู่เมืองหนานซาน เขาก็มักจะเรียกจิงโม่ว่าน้องสาว แต่เขารู้ดีว่า จิงโม่เป็นพี่สาวต่างหากล่ะ

อานเหยียนปรบมือ “เป็นความคิดที่ดี น้องชาย เจ้าฉลาดจริงๆ”

หลี่อวิ่นกังนวดหัวของอานเหยียน “เจ้าเด็กงี่เง่า ถึงแม้จะไม่แลกกัน จิงโม่ก็ยังคงเป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าโง่”

อานเหยียนยิ้มหน้าบาน “ท่านพ่อ ข้าอยากให้น้องจิงโม่ไปอยู่บ้านพวกเรา”

“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก” จิงโม่พูดอย่างจริงจัง “ข้าต้องไปเฝ้าคุณย่าในวัง”

ในวังมีของอร่อยมากมายเต็มไปหมด หล่อนไม่อยากไปหรอก

อานเหยียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “บ้านข้ามีขอเล่นมากมาย และมีของอร่อยหลายอย่างด้วย”

ฉองเหลารู้สึกสนใจ “จริงเหรอ งั้นข้าไป ข้าไป”

อานเหยียนจับมือฉองเหลา “จริงสิ หากเจ้าไป ข้าจะมอบของเล่นทุกชิ้นของข้าให้เจ้า”

“ได้เลย” ฉองเหลาหันไปมองชูเซี่ย “แม่จ๋า ข้าไปอยู่บ้านพี่อานเหยียนสักสองสามวันได้หรือไม่”

ชูเซี่ยชี้ไปที่หลี่เฉินเย่น “ตอนนี้สิทธิ์การเลี้ยงดูพวกเจ้าไม่ได้อยู่ที่ข้าแล้ว ถามพ่อเจ้าดู”

ฉองเหลาพูดอย่างได้ใจ “ท่านพ่อต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน ท่านพ่อเจรจาง่ายที่สุด”

หลี่เฉินเย่นเผลอยิ้ม “เจ้าคนหัวแหลม เจ้าพูดอย่างนี้ แม้ท่านพ่ออยากจะไม่เห็นด้วยกับเจ้า ก็ต้องเห็นด้วยแล้วล่ะ”

“นั่นน่ะสิ นั่นนะสิ ข้าไปอยู่แค่สามวัน ครบสามวันก็กลับวัง” ฉองเหลาพูดอย่างดีใจ

หลี่เฉินเย่นมองหลี่อวิ่นกัง “จะเป็นการรบกวนเจ้าหรือเปล่า”

หลี่อวิ่นกังหัวเราะพลันพูดว่า “จะรบกวนได้อย่างไร อานเหยียนพูดอยู่ทุกวันว่าอยากเข้าวังไปเล่นกับน้องชาย ดีแล้วล่ะ เขาได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว มาถึงที่บ้านเลย”

เชียนซานดึงแขนชูเซี่ยอยู่ข้างๆ “กลัวว่าจะมีอันตรายหรือเปล่า”

ชูเซี่ยพูดว่า “ตำหนักท่านอ๋องมีระบบป้องกันที่เข้มงวด ไม่กลัวหรอก”

สถานะของสองแฝด เป็นที่สนใจของทุกภาคส่วน และเป็นที่ริษยาของบางคน โดยเฉพาะคนที่มีลูกสาวเป็นสนม

อย่างไรก็ตาม ตำหนักเจิ้งกั๋วไม่เหมือนที่อื่น องครักษ์ในตำหนัก ล้วนมีฝีมือดีเยี่ยม อยากจะลงมือในตำหนักอ๋อง มันไม่ง่ายอย่างที่คิด

ยิ่งไปกว่านั้น ไปอยู่เพียงสามวัน คิดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาใหญ่อะไร

หลี่เฉินเย่นเองก็ได้ยินบทสนทนาของเชียนซานและชูเซี่ย เขาพูดกับชูเซี่ยว่า “ข้าจะให้หลวี่หนิงนำคนจำนวนหนึ่งไปรับมือป้องกันรักษาอยู่รอบๆตำหนักอ๋อง เจ้าวางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก”

ชูเซี่ยผงกหัว “อื้ม ข้าไม่กังวลอะไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า