ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 248

ตอนที่ 248 ความสามารถพิเศษ

แม้ฝ่าบาทจะทรงออกไปนอกวังแบบคนธรรมดา แต่ว่า หลวี่หนิงได้เตรียมกันทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว

ตอนเที่ยง รับประทานอาหารกันที่จี่ฝูเหลา

จี่ฝูเหลาได้เตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้า เถ้าแก่และบ่าวรับใช้ยืนต้อนรับตรงปากประตู ฝ่าบาททรงเยือนจี่ฝูเหลาเอง เถ้าแก่รู้สึกหวาดกลัว กลัวจะดูแลไม่ทั่วถึง

หลวี่หนิงได้สั่งไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ห้ามเปิดเผยสถานะของฝ่าบาท ดังนั้น เถ้าแก่ก็ไม่กล้าลงคุกเข่า เพียงแค่โค้งตัวคำนับ

ขณะรับประทานอาหาร จูเก๋อหมิงก็มาพอดี เขาแบกกล่องยามาด้วย เมื่อก้าวเข้าประตูก็พูดขึ้นว่า “มาได้ทันเวลาพอดี”

หลี่เฉินเย่นหยอก “เจ้าเกิดปีจอรึ จมูกไวอะไรอย่างนี้ มีของกินก็รีบตามมาเลย”

จูเก๋อหมิงนั่งลงอย่างห้าวหาญ “จะไม่ให้เกิดปีจอได้อย่างไร อายุมากกว่าเจ้าหนึ่งปี”

“อ้อ ดูไม่ออกจริงๆ” ระหว่างที่พูด จูฟางหยวนก็มาถึงแล้วเหมือนกัน ในมือถืออะไรบางอย่างไว้

เมื่อสองแฝดเห็นจูฟางหยวน พลันเรียกพ่อบุญธรรมขึ้นอย่างดีอกดีใจ

จูฟางหยวนหอมไปคนละฟอด “พอแล้ว กลับไปนั่งข้างๆพ่อพวกเจ้าเถอะ พวกเจ้าดูสนิทกับข้าอย่างนี้ เดี๋ยวพ่อให้กำเนิดจะเสียใจเอาได้”

เขาเงยหน้าขึ้น เห็นชูเซี่ยนั่งอยู่ข้างหลี่เฉินเย่น พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก แม้จะรู้ว่าตอนนี้พวกเขายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน และรู้อีกว่าเป็นเรื่องที่ยังเป็นไปไม่ได้หรอก แต่สามารถนั่งด้วยกันได้โดยไม่หวั่นกลัวสิ่งใดอย่างนี้ ก็ทำให้คนดูรู้สึกสบายใจขึ้นเลย

เขาหวังอยากให้ชูเชี่ยกับหลี่เฉินเย่นอยู่ด้วยกันจากใจจริง แต่ระหว่างพวกเขา มันยากเกินไป

ตอนนี้มีลูกกันแล้วด้วย แต่ในโลกแห่งความจริง กลับไม่สามารถให้สถานภาพนี้แก่พวกเขาได้ สถานภาพที่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย ช่วงโหดร้ายเหลือเกิน

ชูเซี่ยรู้จุดประสงค์ที่จูฟางหยวนมา เขามาสนับสนุนในฐานะบุตรชายบุญธรรมของแม่ทัพจู เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่า จูฟางหยวนอย่างเขาอยู่ข้างชูเซี่ย

ทริปครอบครัวนี้ เดิมทีเป็นเครื่องมือในการประกาศสงคราม

เมนูอาหารถูกเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ล้วนเป็นของที่ชูเซี่ยชอบ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลี่เฉินเย่นกำกับหลวี่หนิงล่วงหน้า

เชียนซานไม่ได้เข้าไป แต่ให้ว่านเฉียงเข้าไปแทน แต่หล่อนเฝ้ามองอยู่ด้านนอก

หลังจากเสิร์ฟอาหาร องครักษ์ก็เข้าประจำการ แม้แต่เถ้าแก่และบ่าวรับใช้ก็ถูกทิ้งไว้สวนหลังบ้าน ไม่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่รับประทานอาหาร

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดีมาก เนื่องจากมีเด็กอยู่ด้วย จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ อานเหยียนคอยดูแลจิงโม่และฉองเหลา ทำให้ดูมีความเป็นพี่ชายสูงมาก

ทุกคนต่างหยอกล้อเขา ว่ากลายเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็กแล้ว

อานเหยียนดูเก้ออายเล็กน้อย พลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขามองดูชูเซี่ย “แม่บุญธรรม ท่านแม่บอกว่าฝีมือการแพทย์ของท่านสูงมาก มีทักษะการฝังเข็มดีเยี่ยม ท่านสอนข้าได้หรือไม่”

ชูเซี่ยยิ้มพลันพูดว่า “ยังไงกัน อานเหยียนน้อยอยากเรียนการฝังเข็มงั้นรึ”

“อยากเรียนมากเลย ถ้าข้าได้เรียนศาสตร์แพทย์ อีกหน่อยหากท่านพ่อท่านแม่ทรงประชวร ข้าก็สามารถฝังเข็มให้พวกท่านได้”

ทุกคนพลันหัวเราะ โดยเฉพาะหลี่อวิ่นกังหัวเราะไปส่ายหน้าไป “เจ้านี่ ที่เจ้าอยากเรียนศาสตร์แพทย์กับแม่บุญธรรม เพราะอยากแก้แค้นพ่อด้วยการฝังเข็มใช่ไหม”

อานเหยียนพูดอย่างจริงจังว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ หากข้าอยากแก้แค้นท่านพ่อ เพียงแค่ใส่ผงสลอดในถ้วยชาท่านพ่อก็พอแล้ว”

หลี่อวิ่นกังตกใจ “ผงสลอดรึ”

ช่วงก่อน เขาท้องเสียบ่อยมาก วิ่งเข้าห้องน้ำวันละหลายหน เป็นติดต่อกันเป็นเวลานานนับสิบวัน หรือว่า......

อานเหยียนก้มหัวลงด้วยความรู้สึกผิด

“เจ้าอานเหยียน เจ้ากล้าเอาผงสลอดให้ข้ากินเชียวรึ เจ้ารู้หรือไม่ ใส่ผงสลอดมากไป ถึงขั้นตายได้” หลี่อวิ่นกังโมโห

อานเหยียนตะกุกตะกัก “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ข้าคำนวณมาตราส่วนดีแล้ว แค่จะทำให้ท่านพ่อท้องเสียหลายวันเท่านั้นเอง”

“ข้าท้องเสียไปสิบวันเต็ม” หลี่อวิ่นกังตะโกนใส่เขาโดยที่อดทนกับความรู้สึกที่อยากจะตบเขาให้คว้ำ

“นั่นเป็นเพราะว่าข้าได้วางยาอีกรอบ” อานเหยียนแอบขยับตัวไปฝั่งชูเซี่ย พยายามหาที่พึ่ง

ทุกคนพลันหัวเรา แต่ชูเซี่ยกลับมองอานเหยียนอย่างคิดหนัก “ทำไมเจ้าต้องวางยาสลอดท่านพ่อเจ้าด้วย”

อานเหยียนด้วยเสียงเบา“ท่านพ่อมีอาการของภาวะร้อนชื้นสะสมภายใน ไฟตับคุกคาม ดังนั้นก็ต้องทำการล้างพิษ ผงสลอดที่ข้าใส่ไม่รุนแรง ที่บอกว่าท้องเสียนั้น ก็แค่วันละสองหน”

ทุกคนได้ยิน พลันมองอานเหยียนอย่างตะลึง

ชูเซี่ยถามอย่างแปลกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพ่อเจ้ามีอาการภาวะร้อนชื้นสะสมและภาวะไฟตับคุกคาม”

“เพราะมีผื่นคันขึ้นตามร่างกายท่าน บางครั้งผื่นคันก็กลายเป็นตุ่มใส ระหว่างนิ้วมือนิ้วเท้าก็มีด้วย ข้าเคยได้ยินหมอหลวงบอกว่า นี่เป็นภาวะร้อนชื้นสะสม ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงก่อนท่านมักจะอารมณ์เสียใส่คนในตำหนัก นี่ก็เป็นอาการของภาวะไฟตับคุกคาม”

“แม้จะเป็นภาวะร้อนชื้นสะส้ม ก็ไม่ควรใส่ผงสลอด” ชูเซี่ยเริ่มรู้สึกสนใจ พลันพูดขึ้น

“แต่ข้าได้มาแค่ผงสลอด” อานเหยียนตอบ

“ถ้าอย่างนั้น เขามีอาการภาวะไฟตับคุกคาม ควรใช้ยากอะไรล่ะ” ชูเซี่ยถาม

“วิธีที่ดีที่สุดคือการกินไก่ต้มจีกูเฉ่าตุ๋นเนื้อหมูไม่ติดมันกินติดต่อกันสักสองสามวัน หากใส่พุทราจีนที่คว้านเอาเม็ดออก สามารถช่วยฟื้นฟูการหย่อนสมรรถภาพ และช่วยดับร้อนผ่อนตับได้ด้วย”

หลี่อวิ่นกังพลันนวดหัวของเขา “อะไรคือการฟื้นฟูการหย่อนสมรรถภาพ พูดจาเหลวไหล แม่บุญธรรมของเจ้าก็เป็นหมอ เจ้าอย่าคิดสอนหนังสือสังฆราช”

ชูเซี่ยกลับพูดว่า “ไม่ เขาพูดไม่ผิด อาการไฟตับคุกคามกินไก่ต้มจีกูเฉ่าตุ๋นเนื้อหมูไม่ติดมันได้ผลจริง และเจ้านี่ ยังรู้จักใส่พุทราจีนที่คว้านเอาเม็ดออกเข้าไปด้วย พุทราจีนมีลักษณะแห้ง แต่ถ้าคว้านเม็ดออก จะเปลี่ยนเป็นลักษณะอุ่น และสามารถช่วยฟื้นฟูการหย่อนสมรรถภาพได้จริง”

หลี่เฉินเย่นถามขึ้นอย่างแปลกใจ “อานเหยียน เจ้าไปเรียนศาสตร์แพทย์มาจากไหน”

“ถามหมอหลวงเอายังไงล่ะ ข้าจับชีพจรเป็นด้วยนะ หมอหลวงเคยสอนข้าหมดแล้ว” อานเหยียนพูดอย่างได้ใจ

“เรียนกับหมอหลวงงั้นรึ ก็แค่ตอนที่หมอหลวงมา เขาดูอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เซ้าซี้หมอหลวงอยู่เรื่อย คนเขารำคาญเลยตอบส่งๆ ไปคำสองคำแค่นั้นแหละ” หลี่อวิ่นกังกล่าว

ชูเซี่ยจับมือของเขา พลันถามว่า “อานเหยียน เจ้าสนใจศาสตร์แพทย์ขนาดนี้เชียวรึ”

“ศาสตร์แพทย์ดี สามารถช่วยชีวิตคนได้” อานเหยียนกล่าว

ชูเซี่ยมองดูเขาอย่างแปลกใจ “เจ้าเด็กคนนี้จิตใจดีมาก รำพึงฟ้าเวทนาคนเสียจริง ลูกเอ๋ย เรียนศาสตร์แพทย์กับแม่บุญธรรมไหม”

เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง

จูฟางเหยียนหัวเราะ “พอได้แล้ว ชูเชี่ย เจ้าหาศิษย์สืบทอดวิชาไม่ได้ใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงคิดจะสุ่มเอาใครก็ได้ เขาเป็นผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ อีกหน่อยต้องทำงานใหญ่งานโต มาเรียนศาสตร์แพทย์กับเจ้าได้อย่างไรกัน”

หลี่อวิ่นกังยื่นมือไปห้ามไว้ “ไม่ ไม่ ชูเซี่ย เจ้าพูดจริงรึ”

“พูดจริงน่ะสิ เรื่องแบบนี้ใครเขาพูดเล่นกันรึ เขามีความสนใจด้านนี้ และมีใจเรียนศาสตร์แพทย์กับข้า ไม่ใช่เรื่องดีหรอกรึ”

หล่อนถามอานเหยียน “เจ้าอยากเรียนหรือเปล่า”

อันหรับตอบด้วยความตื่นเต้น “อยากสิ ในฝันยังอยากเลย แต่ท่านพ่อมักบอกว่าข้าโง่เง่า”

“เจ้าเด็กโง่ เจ้าไม่โง่เง่าเลย เจ้าถูกท่านพ่อเจ้าว่าให้จนไม่มีความมั่นใจ ที่จริงแล้วเจ้าฉลาดมาก ข้าไม่เคยพบเคยเห็นเด็กที่ฉลาดเช่นนี้มาก่อน”

ฉองเหลาได้ยิน พลันพูดตะกุกตะกัก “พูดเหมือนกำลังด่าใคร”

ทุกคนต่างหัวเราะในทันใด

จิงโม่มองไปทางเขาหนึ่งที “น้องชาย ตอนแม่จะหลอกให้คนอื่นเรียนศาสตร์แพทย์ ก็มักจะชมเขาแบบนี้แหละ”

ทุกคนต่างหัวเราะกันอีกครั้ง จูเก๋อหมิงพูดว่า “ชูเซี่ย ดูเหมือนว่าเจ้าได้หาคนสืบทอดวิชามาแล้วหลายคน ทำไมล่ะ เมืองหนานซานไม่มีคนที่ถูกใจเลยรึ”

ชูเซี่ยส่ายหน้า “ยากน่ะสิ การหาคนสืบทอดวิชา มันหากันได้ง่ายๆที่ไหนกันล่ะ โดยเฉพาะศาสตร์การฝังเข็มทอง มันสามารถช่วยชีวิตคนและสามารถฆ่าคนได้ในขณะเดียวกัน สอนมันไม่ง่ายเลย”

หลี่อวิ่นกังเริ่มร้อนรน “ไม่ใช่สิ ชูเซี่ย เจ้าพูดจริงรึ เจ้าจะสอนศาสตร์แพทย์ให้เจ้านี่จริงรึ”

“นอกเสียจากท่านอ๋องไม่เห็นด้วย” ชูเซี่ยกล่าว

หลี่อวิ่นกังตบโต๊ะ พลันพูดว่า “ทำไมจะไม่เห็นด้วยล่ะ โอกาสแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าเด็กคนนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่สามารถเป็นเจ้าคนนายคนได้ การได้เรียนวิชาสักหน่อยเป็นเรื่องที่ดีเลยแหละ”

“อีกแล้วนะ ทำลายความกระตือรือร้นและความมั่นใจของเด็กอีกแล้ว” ชูเซี่ยตาขวางใส่เขาหนึ่งที

“ไม่น่ะ ทำไมอานเหยียนจะเป็นเจ้าคนนายคนไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นเจ้าคนนายคนไม่ได้ เขาก็ยังเป็นโอรสของท่านอ๋องเจิ้งกั๋ว ต้องกังวลถึงอนาคตอีกรึ” จูฟางหยวนกล่าว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า