ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 250

ตอนที่ 250 มีบทสรุปแล้ว

เหลียงกุยพูดอย่างโมโห “เจ้ากำลังกล่าวหาคนอื่นพล่อยๆ ข้าเคยพูดเมื่อไหร่กันว่า องค์ชายและองค์หญิงไม่ถูกกฎหมาย เป็นการใส่ร้ายชัดๆ”

จางซือคงพูดเหน็บแนม “ที่เจ้าพูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการนำเสนอมุมมองนี้หรอกรึ ใช่ เจ้าไม่ได้พูดออกมาโดยตรงหรอก แต่ที่ต้องการสื่อก็แค่นี้ ระหว่างชูเซี่ยกับปฐมกษัตริย์และฝ่าบาท มีความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างไร คาดว่าเหล่าขุนนางที่อยู่ในนี้คงไม่สนใจมากนัก ทุกคนสนใจแค่ว่า ตอนนนี้ฝ่าบาททรงมีทายาทสืบพระราชบัลลังก์แล้ว ถือว่าได้ทำคุณอันยิ่งใหญ่ ไม่คิดจะให้รางวัล กลับคิดแต่จะจับผิด ปฐมกษัตริย์ทรงมีขุนนางที่ดีอย่างเจ้า ทรงนอนตายตาหลับแล้วล่ะ”

คำพูดนี้ ใครพูดก็ไม่เหมาะ แต่จางซือคงมีความภักดีต่อปฐมกษัตริย์อย่างมาก และเป็นคนที่ปฐมกษัตริย์ทรงโปรดปรานมากที่สุดคนหนึ่ง สิ่งที่เขาพูด ในบางครั้งก็มีอำนาจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับทัศนะในการมองปฐมกษัตริย์

ท่านจางพูดต่อไปว่า “ตอนนี้มีปัญหาอะไรไหมล่ะ ก็แค่ฝ่าบาทและชูเซี่ยออกไปเดินเล่นมาหนึ่งรอบ และพาลูกและครอบครัวท่านอ๋องเจิ้งกั๋วไปด้วย ถึงกับต้องทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมแบบนี้ไหม ความจริงปัญหาไม่ใหญ่ ทำไมพวกเจ้าต้องสนใจว่าชูเซี่ยเป็นหรือไม่เป็นหวงกุ้ยเฟย หากหล่อนบอกว่าหล่อนเป็น ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็เป็น หากหล่อนบอกว่าไม่ได้เป็น พวกเจ้าจะบังคับให้หล่อนให้เป็นงั้นรึ เรื่องของชูเซี่ยและฝ่าบาท ขุนนางทุกท่านในนี้ก็รู้ โดยเฉพาะท่านเหลียง แต่ท่านเป็นหมอหลวง ตอนนั้นท่านไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ยิ่งไม่สมควรพูดอะไรได้แล้ว ระวังไว้เถอะ อย่าถูกคนอื่นหลอกใช้ล่ะ”

เหลียงกุยขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร หลอกใช้อะไรกัน”

“ลองทบทวนดีๆเถอะ อย่ามัวแต่ปกป้องเกียรติยศของวงศ์ตระกูลจนทำให้กษัตริย์และขุนนางผิดใจกัน”

"คิดอย่างรอบคอบอย่าปกป้องศักดิ์ศรีของครอบครัวของคุณอย่างเปิดเผยและแยกหัวใจของราชา"

การว่ากล่าวของท่านซือคงจางแรงเอามาก เหลียงกุยและจางเซียงฮุยพลันสีหน้าเปลี่ยน แต่ตอบโต้อะไรไม่ได้

พวกเขาคิดไม่ถึงว่า สถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นแบบนี้

ในตอนที่พวกเขาได้รับข่าว ว่าฝ่าบาทและชูเซี่ยออกไปเดินเล่นด้วยกัน พวกเขาดีใจเป็นพิเศษ เพราะนั่นหมายความว่าสามารถสอบถามความรับผิดชอบฝ่าบาทแล้ว และสามารถทำให้ฝ่าบาททรงปฏิบัติต่อวงศ์ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาแบบลูบหน้าปะจมูก

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า โจทย์อย่างพวกเขากลับกลายเป็นเชลย มิหนามซ้ำอยากถูกท่านจางซือคงตำหนิด้วย

เป็นเพราะพวกเขาใจร้อนเกินไป ยังไม่ควรนำมาพูดในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่าบาทเพียงแค่ออกไปเดินเล่นกับชูเซี่ยและคนอื่นๆ มีคนอยู่ด้วยมากมาย คิดไตร่ตรองแล้วก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม

ใจร้อนจนทำผิดพลาด ต่อจากนี้ก็พูดอะไรมากไม่ได้แล้วล่ะ

วันนี้หยิบเรื่องนี้ออกมาพูด ต่อไปก็ไม่สามารถกล่าวโทษฝ่าบาทในเรื่องนี้อีกแล้ว นอกเสียจาก ฝ่าบาททรงแต่งตั้งชูเซี่ยเป็นพระสนม

ขุนนางชราผู้หนึ่งเดินออกมาพลันคุกข่าวลงอย่างสั่นๆ “ฝ่าบาท ตอนนั้นฮองไทเฮาจะทรงแต่งตั้งชูเซี่ยเป็นพระสนมท่านอ๋องจริง เรื่องนี้ข้าน้อยรู้ ดังนั้นข้าน้อยไม่เคยยกเอาเรื่องนี้ม าทำให้ฝ่าบาททรงลำบาทใจ หากเรื่องที่ท่านจางพูดเป็นความจริง ว่าปฐมกษัตริย์เคยสำนักผิดก่อนสิ้นพระชนม์ อย่างนั้น ท่านเหลียงก็กำลังตบหน้าปฐมกษัตริย์ ข้าน้อยไม่สนใจเรื่องอื่น และไม่สนใจว่าจะจริงหรือเท็จ ข้าน้อยรู้เพียงว่า ชูเซี่ยมีทายาทแก่ราชวงศ์ ถือเป็นคุณอย่างยิ่ง ควรได้รับการปฏิบัติที่ดี นอกจากนี้ คนทั่วไปมองชูเซี่ยอย่างไร ไม่รู้ว่าท่านเหลียงได้เคยไปตรวจสอบหรือไม่ พวกเขาไม่มาสนใจเรื่องพรรค์นี้ของเจ้าหรอก พวกเขารู้เพียงว่า หมอชูฝีมือดีและมีความเมตตากรุณา ในใจมีพวกเขา พวกเขาหวังอยากให้มีคนอย่างหมอชูอีกหลายๆคน คนที่คนทั่วไปเคารพนับถือ ขุนนางชั้นผู้ดีอย่างพวกเรา กลับมัวถกเถียงกับความผิดของหล่อน จะไม่ได้คนรู้สึกใจฝ่อได้อย่างไร”

จูฟางหยวนปรบมือพลันเดินออกมา “ท่านซุนพูดได้ถูกใจจริงๆ ได้พูดความในใจของหลายๆคน คนบางคนก็พิการทางใจ แม้เจ้าจะเคยช่วยคนนับล้านคน แต่เขาก็จำคุณงามความดีของเจ้าไม่ได้หรอก เอาแต่จับจ้องกับชีวิตส่วนตัวของคนอื่น บ้านเกิดของข้ามีประโยคหนึ่ง แม้จะเป็นสุภาษิต แต่ตอนนี้ก็ใช้ในการพรรณนาคนบางจำพวก และเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดแล้ว”

หลี่เฉินเย่นยิ้มมุมปา “ประโยคอะไร พูดให้ฟังหน่อยสิ”

จูฟางหยวนกล่าวว่า “ประโยคหนึ่งของบ้านเกิดข้า ใช้สำหรับเหล่าคนใจแคบที่วันๆเอาแต่ตำหนิคนอื่น ข้าน้อยจะกล่าวคำดั้งเดิม ฝ่าบาทอย่าทรงถือว่าข้าหยาบคาย ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ หากคิดว่าตนเป็นคนบริสุทธิ์ไม่เคยทำความผิดใดๆ ก็ขอเชิญท่านหยิบก้อนหินขึ้นมา แล้วปาใส่คนที่ทำความผิดอย่างแรง”

เหลียงกุยยิ้มแหยๆ “ที่เจ้าพูดมา หมายความว่าคนที่ก่ออาชญากรรมก็ไม่ต้องรับการตัดสินใดๆแล้ว แล้วจะมีทําเนียบอีกทำไมกัน จะมีกรมอาญาอีกทำไมกัน จะมีกฎหมายอีกทำไมกัน”

จูฟางหยวนส่ายนิ้วไปมา “ท่านเหลียงอย่าแอบปรับเปลี่ยนประเด็น ข้าพูดถึงการทำความผิด ไม่ใช่การก่ออาชญากรรม ชูเซี่ยได้ก่ออาชญากรรมอะไร หล่อนไม่สมควรได้อยู่กับคนที่หล่อนรักรึ ไม่สมควรให้กำเนิดสองแฝดรึ ไม่สมควรพาลูกกลับมาเมืองหลวงรึ หรือไม่สมควรรักษาคนป่วยรึ แม้จะไม่สมควรทำทั้งหมด หล่อนก็แค่ทำความผิดแต่ไม่ได้ก่ออาชญากรรม อย่าเมื่อไหร่ก็เอากฎหมายเอาทำเนียบมาพูด คนฟังรู้สึกใจฝ่อ”

เหลียงกุยตะลึง สีหน้าซีดลง “เจ้าต่างหากที่แอบปรับเปลี่ยนประเด็น ข้าไม่ได้กล่าวหาหวงกุ้ยเฟย อีกอย่าง วันนี้เพียงแต่ต้องการดึงมาอภิปราย ไม่ได้ถามถึงหน้าที่ใคร”

จางเซียนฮุยได้ฟังที่เหลียงกุยพูด ก็รู้เลยว่าวันนี้พวกเขาแพ้ เขาก็เพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้ ว่าวันนี้ไม่ใช่พวกเขาที่ต้องการซักฝ่าบาท แต่ฝ่าบาททรงเตรียมการรับมือในวันนี้ไว้ดีแล้ว ฝ่าบาททรงเตรียมการไว้หมดแล้ว

ฝ่าบาทต้องการปิดปากของพวกเขาก่อน หลังจากนั้น พวกเขาก็จะไม่พูดอะไรอีก อย่างน้อย เรื่องนี้พวกเขาพูดขึ้นไม่ได้อีกแล้วล่ะ

หลี่เฉินเย่นมองเหลียงกุยและจางเซียนฮุยอย่างพอพระทัย แผนการนี้ของจูเก๋อ ก็ดีเหมือนกันนะ เดิมทีเป็นเชลย ครู่เดียวก็กลายเป็นโจทย์

ต่อไปจะทำอะไร ก็ไม่ถูกชี้นำโดยพวกเขาแล้ว

เหลียงกุยโมโหจนตัวสั่น มองจูฟางหยวนด้วยสายตาที่เยือกเย็น “วันนี้ประชุมราชการ เจ้ามาทำไมกัน เจ้าไม่ได้เป็นขุนนางเสียหน่อย”

จูฟางหยวนหัวเรา “ข้ามาตามราชโองการของฝ่าบาท ต่อไปข้าอาจได้อยู่เฝ้าที่นี่ ตอนท่านเหลียงเข้าออก ก็โค้งคำนับท่านเหลียง”

เหลียงกุยไม่ชอบคนชอบเล่นหน้าเล่นตาอย่างจูฟาหยวน แต่เนื่องจากเขาเป็นบุตรชายบุญธรรมของแม่ทัพจู ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก พลันทำหน้าบูดและไม่พูดอะไรอีก

หลี่เฉินเย่นยื่นมือไปหยุดไว้ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้ารู้ ตั้งแต่ที่ชูเซี่ยพาโอรสของข้ากลับมา ก็ทำให้ทุกฝ่ายสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข้าเปิดเผยสถานะของสองแฝดแล้ว ความสงสัยเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นตามวันเวลา การนินทาก็ทวีคูณขึ้นเช่นกัน เดิมที ข้าไม่อยากอธิบายมากนัก เพราะว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของข้า แต่ในเมื่อวันนี้ท่านเหลียงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นในท้องพระโรง ข้าก็อยากพูดความในใจของข้าบ้าง”

เขาพูดถึงนี่ พลันหยุดไปครู่หนึ่ง กวาดสายตาไปยังเหล่าขุนนางอย่างรวดเร็ว

เหล่าขุนนางนิ่งสงบ และฟังเขาพูดอย่างเงียบๆ

หลี่เฉินเย่นพูดต่อว่า “สองแฝด เป็นโอรสแท้ๆของข้า กระทรวงกลาโหมก็กำลังหารือเรื่องชื่อเรียก นี่แสดงให้เห็นว่า สถานะของเด็กได้รับการยอมรับจากข้าและฮองไทเฮา รวมทั้งการยอมรับจากเครือญาติเชื้อเจ้า ส่วนสถานะของชูเซี่ยในตอนนี้นั้น คนนอกจะพูดอย่างไรก็ดี ล้วนเป็นเพียงความเห็นของพวกเจ้า ข้าและชูเซี่ยเคยผ่านอะไรมามากมาย มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่ตามที่พวกเจ้าได้เห็นในตอนนี้ พวกเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ว่า พวกเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน ยิ่งไปกว่านั้น เรามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอีกขั้นหนึ่ง นั่นก็คือการเป็นพ่อแม่ของสองแฝด ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ข้าจะมองชูเซี่ยเป็นคนในครอบครัว จากนี้ไป หาหล่อนเจอคนที่ถูกใจ ข้าจะส่งหล่อนออกเรือนอย่างส่งตัวลูกสาว หากหล่อนตั้งมั่นว่าจะไม่แต่งงานอีก ข้าก็จะเลี้ยงดูหล่อนตลอดชีวิต นี่ก็เป็นความรู้สึกของข้าในวันนี้ ท่านเหลียง ท่านจาง ที่ข้ามีความคิดอย่างนี้ ได้ผิดระบบบรรพบุรุษหรือไม่ ได้เป็นการไม่เคารพปฐมกษัตริย์หรือไม่ หากไม่ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชูเซี่ย ต่อไปก็อย่าพูดถึงอีก เลิกประชุมได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า