ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 251

ตอนที่ 251 มีแผนรับมือ

เหลียงกุยรอจนไม่มีใครพูดอะไร

คำพูดของฝ่าบาทไม่อาจหนีพ้นความผิดได้แม้แต่นิด จะบอกว่าเขาไม่ยอมรับฮองกุ้ยเฟยอย่างนั้นหรือ เขาบอกว่าฮองกุ้ยเฟยเป็นคนรักของเขา และไท่เฟยก็เป็นคนรักของเขาเช่นกัน

จะบอกว่าเขายอมรับอย่างนั้นหรือ เปล่า เขาแค่บอกว่าชูเซี่ยเป็นแม่ของลูกเขา เรื่องนี้เป็นความจริง

กองทัพนี้ ทำให้เขาโหดเหี้ยมเกินไป การที่พวกเขาคิดจะเอาเรื่องนี้มาหยิบจับความผิดตรงจุดนี้ของฮ่องเต้เป็นจุดอ่อนอีกครั้งก็เป็นไปไม่ได้เลย แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยแพร่งพรายความลับออกมาเลย ทั้งยังใช้คำพูดจากใจสารภาพกับทุกคนอย่างตรงไปตรงมามาก

จิตใจที่เปิดเผยตรงไปตรงมาของเขากลับทำให้ผู้คนรับรู้ถึงด้านมืดของพวกเขา

หลังจากเสร็จกิจในราชสำนักแล้ว จางเซียนฮุยก็ตรงไปยังจวนของเหลียงกุย

จางเซียนฮุยพูดอย่างจริงจัง “วันนี้พวกเขามีการเตรียมการมา ส่วนแต่ไหนแต่ไรมาจูฟางหยวนก็ไม่เคยเข้าร่วมประชุมในท้องพระโรง ไร้ตำแหน่ง ไร้หน้าที่ แล้วเขามาทำไม? เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่าบาทให้เขามา เขาเป็นลูกบุญธรรมของอดีตแม่ทัพจู ขุนพลทั้งราชสำนักที่สนับสนุนอดีตแม่ทัพจูก็มีไม่น้อย ฉะนั้นคำพูดคำจาของจูฟางหยวนคนนี้ก็นับว่ามีน้ำหนักอยู่ทีเดียว”

เหลียงกุยครุ่นคิดสักพัก "บางทีมันอาจจะเริ่มจากที่คนของพวกเขาออกท่องเที่ยว ในสถานการณ์นี้ก็เลยต้องการบีบให้พวกเราเปิดปากก่อน พวกเราอารมณ์ร้อนเกินไปจริง ๆ"

จางเซียนฮุยพูดอย่างหงุดหงิด "เดิมทีคิดว่าจะจับจุดอ่อนของฝ่าบาทได้ นึกไม่ถึงว่าเส้นทางเดินต่อจากนี้จะถูกแทรกแซง ต่อไปหากไม่อาจจับจุดอ่อนที่ใช้บีบบังคับฝ่าบาทได้ หากฝ่าบาทหันดาบมาลงทางพวกเราเมื่อใด สถานการณ์ของพวกเราก็จะเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำแทน"

เหลียงกุยมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย "วันนี้ในท้องพระโรง ไม่มีใครพูดเข้าข้างฝ่ายเรา เจ้าเต่าหัวหดพวกนี้ปกติพอเกิดเรื่องก็รู้ว่าต้องมาหาเปิ่นกวน (คำที่ขุนนางใช้เรียกแทนตัวเอง) หากจะให้พวกเขาช่วยจริง ๆ ก็หวังพึ่งอะไรไม่ได้"

"พวกเขาล้วนแต่เป็นนายเรือบังคับเรือแล่นไปตามลม ยังคิดว่าพวกเขาจะออกเสียงสนับสนุนอีกหรือ" จางเซียนฮุยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ "แต่ว่า ต่อให้ออกเสียงไป ก็ทำอะไรไม่ได้ การที่เขาจากไปแล้วกลับมา ที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร พวกเราเองก็ผิดที่เร่งเปิดปากพูด"

เหลียงกุยถอนหายใจ "ไม่ใช่พวกเราที่เร่ง แต่เป็นสถานการณ์ต่างหากที่เร่ง ตอนนี้ฝ่าบาทค่อย ๆ รวมศูนย์อำนาจของฮ่องเต้ ท่าทีของเหลียงกวงเสียงก็ดูคลุมเครือไม่ชัดเจนและไม่รู้ว่าตกลงเขาอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ หากแม้แต่เหลียงกวงเสียงฝ่าบาทก็ยังปราบให้อยู่หมัดได้ พวกเราก็คงต้องอวยพรให้ตนเองมาก ๆ เข้าแล้วล่ะ"

หลายปีมานี้ตระกูลเหลียงกับตระกูลจางก็นับว่าเที่ยวใช้อำนาจบาจใหญ่โดยไร้ความยำเกรงในเมืองหลวง หากมีคนรอจังหวะคิดบัญชีแก้แค้นจริง ๆ เกรงว่าการค้นบ้านยึดทรัพย์ ถูกประหารชีวิตเป็นชั่วโคตรก็ถือว่าไม่มากจนเกินไป

ตอนนี้ฮ่องเต้อำนาจของฮ่องเต้ไม่ได้จุดศูนย์กลาง ดังนั้นตอนนี้จึงไม่กล้าทำอะไรพวกเขาชั่วคราว ดูจากสถานการณ์แล้ว วันนั้นต้องมาถึงแน่

"อีกอย่าง จางซือคงคนนี้กัดพวกเราไม่ยอมปล่อยเฉินเย่นซานลูกสาวเขาก็เป็นคนติดตามของชูเซี่ย เป็นผู้คุมกฎของพรรคมังกรเหินและอยู่ตำแหน่งระดับสูงสุดในพรรคมังกรเหิน ได้ยินมาว่านอกจากหัวหน้าพรรคมังกรเหินแล้ว นางคือคนที่ใหญ่ที่สุด แม้แต่ผู้อาวุโสก็ยังต้องฟังนาง"

เหลียงกุยตกใจเล็กน้อย "เฉินเย่นซานเป็นองครักษ์หญิงไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงยังเป็นผู้คมกฎได้"

จางเซียนฮุยส่ายหน้า "ใต้เท้าเหลียงของเรานี่ก็นะ ท่านไม่รู้หรอกหรือว่าในพรรคมังกรเหินเฉินเย่นซานคือองครักษ์หญิงที่ติดตามรับใช้ที่ปรึกษาของพรรค ในเวลาเดียวกันก็เป็นผู้คุมกฎด้วย คนผู้นี้มิอาจทำผิดต่อเขาได้ ไม่อย่างนั้นชูเซี่ยผู้นั้นใช้อำนาจของพรรคมังกรเหินไม่ได้ แต่เฉินเย่นซานกลับใช้มันได้ ไม่นับว่าพวกเราเสียเปรียบหรอกหรือ เพราะพวกเราไม่อาจสร้างความขุ่นเคืองใจให้พรรคมังกรเหินได้"

แต่เหลียงกุยกลับไม่สนใจ “พรรคมังกรเหินไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายปีแล้ว มีอะไรให้กลัวด้วยหรือ หากมีความสามารถขนาดนั้นจริง ๆ ชูเซี่ยก็คงไม่เอาแต่ทนรับความกดดันและอยู่กับฝ่าบาทมาก็แบบนี้หรอก ก่อนหน้านี้ข้าลงมือจัดการกับชูเซี่ยไปหลายครั้งก็ไม่มีคนในพรรคมังกรเหินคนไหนมาช่วยนี่ แต่ถึงอย่างไรเจ้าชูเซี่ยนั่นก็รู้เรื่องวรยุทธ์ ช่างน่าแปลกจริง ๆ”

จางเซียนฮุยโบกมือไปมา “น้ำในพรรคมังกรเหินนั้นลึกมากเท่าใด ท่านกับข้าล้วนแต่ไม่รู้ อย่าแส่หาเรื่องใส่ตัวเพื่อปาฏิหาริย์เลย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ไม่อาจเอาจุดอ่อนมาบีบบังคับฝ่าบาทได้ ทางที่ดีที่สุดอย่าแตะต้องนางจะดีกว่า”

เหลียงกุยแค่นเสียงเหอะจนเคราขาวสั่นไหว “เปิ่นกวนไม่เชื่อว่าผู้หญิงอย่างนางจะมีความสามารถมากมายขนาดนั้น ข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าพรรคมังกรเหินของนางยังจะคิดว่าทุกคนเกรงกลัวอยู่หรือไม่”

จางเซียนฮุยรู้จักนิสัยดื้อรั้นของเขาดี ไม่ว่าจะชี้แนะอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่าง ลองสำรวจรากฐานของชูเซี่ยหน่อยก็ดี

เวลาผ่านไปชั่วครู่ จางเซียนฮุยขบฟันไปมา “ในเมื่อเหลียงกวงเสียงไม่มีประโยชน์อันใดกับเรา ไม่สู้เราลงมือกับทางจิ้งกั๋วโฮ่วจะดีกว่าหรือ”

เหลียงกุยโบกมือ “ท่านอย่าได้คิดเชียวนะ จิ้งกั๋วโฮ่วจะมาข้องเกี่ยวกับพวกเราได้อย่างได้ เขาเป็นใคร เขาเป็นอดีตพ่อตาของฮ่องเต้เชียวนะ”

“ไม่...” เขาโฉบเข้าไปกระซิบข้างหูเหลียงกุยอยู่สองประโยค

เหลียงกุยตกใจใหญ่ “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร หากถูกตรวจพบเข้าต้องรับโทษสถานเดียวก็คือตายเชียวนา”

จางเซียนฮุยมองเขา “ใต้เท้าเหลียง หากท่านคิดว่าสองตระกูลของเราถูกฝ่าบาทจับตามองแล้ว ยังคิดว่าจะมีเส้นทางให้รอดชีวิตอยู่อีกหรือ อีกอย่าง ตอนนี้จิ้งกั๋วโฮ่วกุมกองทัพทหารเอาไว้ มีอำนาจกองทัพทหารสามส่วนอยู่ในมือ หากเขาตาย ต้องจัดตำแหน่งเสนาบนดีกรมการกลาโหมใหม่ตามลำดับความอาวุโสของเสนาบดีกรมขุนนาง และคนที่มีคุณสมบัติเหมาะที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบนดีกรมการกลาโหมก็คือเฉินหยวนชิ่ง”

“เฉินหยวนชิ่ง? แต่คนผู้นี้เรายังไม่รู้จักเขาดี” เหลียงกุยโบกไม้โบกมือ “ไม่ได้ เขาเคยเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของฝ่าบาท จงรักภักดีต่อฝ่าบาทมาก คนผู้นี้เราไม่อาจแตะต้องได้”

“นั่นมันเมื่อก่อน” จางเซียนฮุยส่งเสียงเย้ย “ตอนนี้ชูเซี่ยกลับมาแล้ว เขายังจะมีน้ำหนึ่งใจเดียวกับฝ่าบาทอยู่อีกหรือ”

“ท่านหมายความว่า...” เหลียงกุยหรี่ตาลง

“ถูกต้อง ตอนที่พระชายานิงอันเฉินอวี่จู๋ตาย เขาก็พาลโกรธชูเซี่ยมาตลอด บอกว่าชูเซี่ยเห็นความตายแล้วไม่ยอมช่วย ตอนนี้ฝ่าบาทกับชูเซี่ยยังมายืนอยู่ในแนวรบเดียวกันอีก ทั้งยังให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิง ท่านว่าใจของเฉินหยวนชิ่งจะรู้สึกสบายอย่างนั้นหรือ”

เหลียงกุยคิดว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล แต่หลังจากคิดให้ถี่ถ้วนแล้วก็โบกไม้โบกมืออีกครั้ง “ไม่ได้ ตอนนั้นที่พระชายานิงอันตายเป็นเพราะฉ่ายเวินวางยา ตามหลักแล้วไม่เกี่ยวอะไรกับชูเซี่ย และชูเซี่ยก็เชื่อว่าไม่มีทางรักษานางได้”

“ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่เฉินหยวนชิ่งไม่เชื่อนี่ จำได้ว่าวันครบรอบวันตายปีที่แล้วของพระชายานิงอัน ข้าบังเอิญเจอกับเฉินหยวนชิ่ง พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าก็แสดงความเสียใจ เฉินหยวนชิ่งพูดอย่างไร ท่านรู้หรือไม่”

เหลียงกุยเบิกตากว้าง “เขาพูดว่าอย่างไร”

จางเซียนฮุยหรี่ตาเป็นเส้นตรง “เขาพูดว่า เดิมทีน้องสาวของเขาไม่สมควรตาย แต่เพราะมีใครบางคนเห็นความตายแล้วกลับไม่ยอมช่วย”

เหลียงกุยร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ “หากเป็นดังว่า ก็แสดงว่าเขากล่าวโทษชูเซี่ยจริง ๆ อย่างนั้นหรือ”

“เฉินหยวนชิ่งให้ความสำคัญกับน้องสาวเขามาก ฝีมือทางการแพทย์ของชูเซี่ยล้ำเลิศขนาดไหน ทุกคนล้วนแต่เห็นชัดประจักษ์แจ้ง เขาพูดว่าไม่ถือสาเรื่องเก่า ๆ แต่พูดไปเพราะเห็นแก่พระพักตร์ของฝ่าบาทเท่านั้น บวกกับเขาหลงเชื่อคำของฉ่ายเวิน ไม่เช่นนั้นใจของเขาจะคิดว่าชูเซี่ยเห็นความตายแล้วไม่ช่วยอย่างนั้นหรือ เขาเชื่อว่าเป็นเช่นนี้เสมอมา”

“ในเมื่อพูดเช่นนี้แล้ว หากเขาว่าเขาได้เข้ารับตำแหน่งเสนาบดีกรมการกลาโหม ก็นับว่าเป็นประโยชน์กับเรามากทีเดียว” เหลียงกุยว่า

จางเซียนฮุยพึมพำเบา ๆ “แต่ว่า พวกเราก็ยังต้องทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เขากับฝ่าบาทแตกคอกัน เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ รอจนเขาเข้ารับตำแหน่งเสนาบดีกรมการกลาโหมก่อนค่อยว่ากัน”

เหลียงกุยส่งเสียงอืม “ถ้าเช่นนั้นในเมื่อตัดสินใจเช่นนี้แล้ว จะลงมือกับทางจิ้งกั๋วโฮ่งเมื่อไหร่ และลงมืออย่างไรหรือ”

ดวงตาของจางเซียนฮุยฉายแวววาบขึ้นมา “เรื่องนี้ไม่ควรช้า ต้องฆ่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งโดยที่ยังไม่ทันได้รับมือ”

เหลียงกุยพยักหน้า “ท่านวางใจเถอะ ข้าจะส่งคนที่ฝีมือดีที่สุดไปจัดการเอง”

จาวเซียนฮุยรู้สึกวางใจกับการจัดการของเขามาก เพียงแต่ ยังมีอีกหนึ่งคนที่ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนมีชนักติดหลังอยู่เสมอ

จางเซียนฮุยพูดขึ้นว่า “เหลียงกวงเสียง ตกลงเขาเป็นอะไรกันแน่ ท่าทีของเขาคืออะไร หากจะว่ากันตามเหตุผล เขาต้องพึ่งพาอาศัยพวกเรา เรื่องนั้นของเขากับหลิงไท่กุ้ยเฟย หากฝ่าบาทรู้เข้า มีโทษถึงตายแน่ เขาไม่กังวลในจุดนี้หรือ หรือเขาคิดว่ามีความสามารถมากพอที่จะเก็บความลับเอาไว้”

เหลียงกุยแสยะยิ้ม “เขาคิดว่าตนเองมีสามารถพอที่จะเก็บงำความลับของตนเองไว้ได้ คิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องเสื่อมทรามนี้ อย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย ปล่อยให้เขาดิ้นรนไปสักวันสองวันเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า