ตอนที่ 252 โต้เถียง
หลวี่หนิงแจ้งผลของการเปิดโลงศพให้ชูเซี่ยทราบ ร่างเน่าเปื่อยไปแล้ว เหลือเพียงแค่กระดูกเท่านั้น
“ฉ่ายเวินตายไปแล้ว เรื่องนี้ข้ามั่นใจ ข้าเป็นคนฝังนางเองกับมือ”
ทว่า ชูเซี่ยกลับไม่มั่นใจขนาดนั้น “คนตายไปแล้ว แต่วิญญาณยังไม่ตาย”
หลวี่หนิงอึ้งไปสักพัก “ความหมายของท่านคือจะบอกว่ายืมซากคืนชีพอย่างนั้นหรือ”
“ข้าก็ยืมศพคืนชีพมาก่อนถึงได้มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น สิ่งนี้ก็ไม่นับว่าแปลกอะไร” สุดท้ายแล้วชูเซี่ยก็คิดว่าฉ่ายเวินยังไม่ตาย หากพิษกู่ไม่ใช่นางที่ควบคุมด้วยตนเอง แล้วมันจะแม่นยำถูกต้องได้อย่างไร
“สิ่งที่ท่านกังวลก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่ว่า หากฉ่ายเวินยังไม่ตาย แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหนหรือ แล้วใครกันที่มีความสามารถทำเรื่องยืมศพคืนชีพเช่นนี้” ไม่ว่าหลวี่หนิงจะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
ชูเซี่ยนึกถึงหลี่อวี๋นหลี่หากเดาไม่ผิดล่ะก็ ฉ่ายเวินน่าจะอยู่กับหลี่อวี๋นหลี่
ตอนนี้ฉ่ายเวินมีสภาพจิตใจเป็นเช่นไรนั้น สิ่งนี้ไม่อาจคาดเดาได้เลย
“สุดท้ายก็ต้องปรากฏตัวออกมาอยู่ดี ลองรอดูก่อนก็ได้” ชูเซี่ยพูด
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอกของประตู หลวี่หนิงพลันรีบลุกยืนขึ้นทันที “ข้าไปล่ะ ยังมีบางเรื่องที่ต้องทำอีก ช่วงค่ำ ๆ ข้านัดให้หลี่ซี่มาหาท่านที่นี่แล้ว”
ชูเซี่ยรู้ว่าเฉินเย่นซานกลับมาแล้ว เขาจึงอยากหลบเฉินเย่นซาน
ชูเซี่ยรั้งแขนเขาไว้ “เจ้าจะรีบด่วนไปทำไมกัน มีเรื่องอะไรก็นั่งลงคุยกันดี ๆ ก่อน”
หลวี่หนิงยิ่งอย่างขมชื่น “ไม่มีสิ่งใดที่ต้องพูดแล้ว วัน ๆ นางเอาแต่ทำท่าแบบนี้ เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
เชียนซานที่เพิ่งได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็พลันกล่าวด้วยท่าทีตรงกันข้าม “นี่ หากท่าทีของข้าไม่น่าคุย แล้วท่าทีของเจ้าดูคุยด้วยได้อย่างนั้นหรือ”
หลวี่หนิงมองหน้าอันดื้อดึงเมินเฉยของเฉินเย่นซานแล้วพูดเสียงเบา “ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า”
“ความหมายของเจ้าคือจะบอกว่าข้าหาเรื่องทะเลาะกับเจ้าอย่างนั้นสิ?”เฉินเย่นซานโมโหมาก “เจ้าอย่าเอาแต่แสร้งทำเป็นไม่มีความสุขไปหน่อยเลย ใช้ชีวิตเหมือนว่าการที่เจ้ารอข้ามาห้าปีมันไม่ยุติธรรมมากอย่างไรอย่างนั้น”
หลวี่หนิงขมวดคิ้ว “ตอนนี้แม้แต่จะคุยกันดี ๆ เราก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่คิดจะพูดดี ๆ กับข้าต่างหาก”
พอชูเซี่ยได้ยินเฉินเย่นซานพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทันเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงพูด “พูดกันแบบใจเย็น ๆ ก็ได้ จะโวกเวกโวยวายไปทำไมกัน”
เชียนซานพูดอย่างโมโห “เจ้านาย พูดกับเขาไปก็ไม่ได้อะไรหรอก พูดได้ที่ไหนกันเล่า ข้าเพียงแค่อยากจะเลื่อนงานแต่ง ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งเสียหน่อย แต่เขาก็ไม่ยอมถอยให้เลย”
หลวี่หนิงพูดว่า "จะเลื่อนทำไม วันก็กำหนดไว้แล้ว บัตรเชิญก็ส่งออกไปแล้ว ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว ขอถามเจ้าหน่อยเถิด เจ้าจะเลื่อนไปถึงเมื่อไหร่หรือ เจ้าเองก็บอกไม่ได้ ว่าเจ้าจะเลื่อนไปวันไหน แล้วก็ยังต้องแจ้งแขกอีก ไม่ใช่หรือยังไง"
"ที่จริงข้าไม่อยากจัดให้มันเอิกเกริกใหญ่โตขนาดนี้ เราแต่งงานกันไม่ใช่ว่าคนอื่นเขามาแต่งด้วยเสียหน่อย แค่สองตระกูลกินข้าวด้วยกันก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ ป่าวประกาศให้คนทั่วโลกรู้แบบนี้ ทำอย่างกับกลัวว่าใครเขาจะไม่รู้ว่าลูกสาวของจวนซือคงแต่งออกไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น"
หลวี่หนิงถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย "คนอื่นเขาไม่คิดแบบนั้นหรอกน่า แล้วก็ตอนแรกที่ถามเจ้า เจ้าก็บอกว่าเอาตามที่ผู้ใหญ่ในบ้านจัดการให้นี่"
"แต่ข้าเองก็พูดกับเจ้าเป็นการส่วนตัวแล้ว ทางที่ดีคือไม่ต้องเปิดหน้า เจ้าก็เอาแต่พูดตามใจตัวเองอย่างร่าเริงว่าจะเชิญคนนู้นคนนี้"
"ก็เจ้าพูดแบบนั้น ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไม่อยากเปิดหน้าจริง ๆ" หลวี่หนิงรู้สึกพ่ายแพ้อย่างยิ่ง "บางทีข้าอาจจะมองข้ามความรู้สึกในใจเจ้าไป ตอนนี้บัตรเชิญก็ส่งออกไปหมดแล้ว ทุกอย่างก็จัดการเรียบร้อยแล้ว เจ้าทำเพื่อข้าไม่ได้ ก็เลยลำบากใจตัวเองอย่างนั้นหรือ"
"แล้วทำไมเจ้าไม่ทำให้ข้าทำให้เจ้าลำบากใจบ้างเล่า"เฉินเย่นซานโกรธมาก "เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่มีทางทำให้ข้าลำบากใจ คำพูดของเจ้าเป็นเพียงลมปากอย่างนั้นหรือ หลวี่หนิง ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้"
หลวี่หนิงมองนางแล้วพลันรู้สึกจนใจอย่างยิ่ง "ช่างเถอะ เราอย่าพูดกันอีกเลย ก็เจ้าชอบแบบนี้นี่นะ"
เชียนซานมองเขา "เจ้าจะบอกว่าตกลงอย่างนั้นหรือ"
หลวี่หนิงยิ้มอย่างขื่นขม "ข้าไม่ตกลงได้ด้วยหรือ ข้าไม่อาจมัดมือชกเจ้าไหว้ฟ้าดินได้ ข้าเองก็คิดได้แล้วเช่นกัน แตงที่แข็งกระด้างไม่มีทางหวาน (หมายถึง หากฝืนทำอะไรโดยที่ไม่พร้อม ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็ไม่มีทางดี) ต่อให้เจ้าตกลงแต่งกับข้าตามวันที่กำหนด วันข้างหน้าก็ต้องมาตำหนิข้าอยู่ดี"
เชียนซานคิดไม่ถึงว่าเขาที่กัดฟันแน่นก่อนหน้านี้ ตอนนี้อยู่ ๆ ก็ดันมาเห็นด้วย นางอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อยและรู้สึกตื้นตันใจนิด ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...