ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 253

ตอนที่ 253 ข้อสงสัยมากมาย

ช่วงค่ำหลี่ซี่เดินทางมาหาชูเซี่ยตามลำพัง

“ไม่เจอกันห้าปี ท่านหมอชูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย!” พอหลี่ซี่เห็นชูเซี่ยก็พูดอย่างมีพิธีรีตรอง

ชูเซี่ยหัวเราะ “จะไม่เปลี่ยนได้อย่างไร แก่แล้ว!”

“ไม่หรอก หน้าของท่านหมอชูดูงดงามกว่าแต่ก่อนอีก” จากสถานะของหลี่ซี่ในตอนนี้แล้ว คำพูดนี้เหมือนจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร รวมถึงระหว่างเขากับชูเซี่ยไม่นับว่าคุ้นเคยกัน

ชูเซี่ยยิ้มอย่างค่อนข้างกระอักกระอ่วนนิด ๆ ไม่ส่งเสียงใด

หลี่ซี่เหมือนจะรู้ตัวว่าตนเองยั้งสติไว้ไม่อยู่ จึงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ขอโทษด้วย หลายปีมานี้สังสรรค์เยอะไปหน่อย ก็เลยชอบพูดคำพูดจำพวกทักทายปราศรัยไปตามพิธี”

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเสนาบดีกรมอาญาที่นับว่าเป็นตำแหน่งสูงมากด้วยอำนาจ หลายปีมานี้ไม่ว่าใครจะจัดงานเลี้ยงอะไรก็ล้วนแต่เชิญเขาไปทั้งนั้น

ชูเซี่ยพยักหน้า “ข้าเข้าใจ”

เชียนซานเชิญเขาเข้าไปนั่ง “หลี่ซี่ ท่านกับเจ้านางของเราไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองขนาดนั้นขนาดนั้นก็ได้ นางไม่ชอบเสื้อคลุมจอมปลอมพวกนั้นเป็นที่สุด”

ชูเซี่ยมองหลี่ซี่ ในใจรู้สึกสะเทือนใจมาก แม้นางกับหลี่ซี่ไม่นับว่าคุ้นเคยกัน แต่เมื่อก่อนก็เห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาชื่นมื่น แต่วันนี้ที่ได้เจอเขา คิ้วกลับขมวดแน่น ดูแล้วค่อนข้างแก่

ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านมาเขาได้เห็นได้เจอหลายสิ่งหลายอย่างมากเลยทีเดียว

ว่านเฉียงยกชามาให้ หลี่ซี่รับมาแล้วดื่มติด ๆ กันไปหลายอึก และไม่สนใจว่าชานั้นร้อนเพียงใด

เชียนซานยิ้มพลางพูด “หลี่ซี่เอ้ย ศาลาว่าการกรมอาญาของเจ้าขาดแคลนน้ำดื่มหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กระหายแบบนั้นเล่า ลวกลิ้นเจ้าหมดแล้วกระมัง”

หลี่ซี่ได้ยินคำพูดของเฉินเย่นซานแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า วันนี้ยุ่งมาก แม้แต่น้ำก็ยังไม่มีเวลาดื่มเลย ทำไมหรือ?เฉินเย่นซาน แค่ดื่มน้ำของเจ้าเพียงแก้วเดียวถึงกับออกความเห็นยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ”

เชียนซานพูดว่า “พอเถอะ แล้วก็อย่าว่าข้าขี้เหนียวเลย เดี๋ยวขากลับจะเอาให้เจ้าสักขวดก็แล้วกัน”

“งั้นก็ดีเลย!”

บรรยากาศกระอักกระอ่วนเมื่อครู่นี้ถูกเสียงหัวเราะเหล่านี้สลายไปแล้ว

หลี่ซี่หันไปมองชูเซี่ย “ท่านหมอชู หลวี่หนิงให้ข้ามา บอกว่าท่านมีธุระกับข้า”

ชูเซี่ยพูดขึ้นว่า “ไม่ผิดหรอก ข้ารู้คดีของหมอหลวงหลันตอนนี้ถูกโยกไปยังกรมอาญาของท่านแล้ว ข้าอยากจะฟังความเห็นของท่านเสียหน่อย”

หลี่ซี่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดขึ้น “หากยึดตามความเห็นของข้าแล้ว หมอหลวงหลันถูกใส่ความ แต่เรื่องที่ตรวจค้นเจอพิษกู่ในจวนเข้าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน”

“ใต้เท้าหลี่ก็คิดว่าเขาถูกใส่ความหรือ” สิ่งนี้ทำให้ชูเซี่ยค่อนข้างแปลกใจ เดิมทีคิดว่าหลี่ซี่ไม่น่าจะคาดการณ์เช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วการจัดการคดีของกรมอาญาจะดูเพียงหลักฐานพยานเท่านั้น ไม่ยึดมั่นในการตัดสินคดี

หลี่ซี่หัวเราะ “หลายปีมานี้ มีบ้างที่ข้ากับท่านหมอหลวงหลันพบกันเป็นการส่วนตัว รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เขาซื่อสัตย์ภักดีกับราชสำนักและฝ่าบาท ไม่มีทางวางยาฮองไทเฮาเด็ดขาด ไม่มีแรงจูงใจอย่างแน่นอน”

“ถ้าเช่นนั้น...” ชูเซี่ยพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง “ใต้เท้าหลี่คิดว่า ต้องทำอย่างไรเขาถึงจะเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเรารู้ว่าเขาถูกใส่ความ นี่ต้องเป็นกับดักที่ศัตรูวางไว้แน่”

หลี่ซี่มองชูเซี่ยด้วยแววตาเปล่งประกาย “ท่านหมอชู กุญแจสำคัญของคดีนี้คืออะไร”

ชูเซี่ยตอบว่า “แน่นอนว่าเป็นพิษกู่ที่ตรวจค้นเจอในจวนของเขา”

หลี่ซี่ยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ กุญแจสำคัญคือฮองไทเฮาถูกพิษหรือประชวรต่างหาก”

ชูเซี่ยงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ภายในหัวพลันมีแสงสว่างวาบขึ้นมาทันที “ท่านหมายความว่า?”

หลี่ซี่บอกชี้ความนัยให้ “ข้าไม่อาจพูดมากไปกว่านี้ได้ เพราะข้าเป็นผู้พิจารณาคดีนี้ มีตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่”

ชูเซี่ยหัวเราะทันที “ขอบคุณใต้เท้าหลี่ที่ชี้แนะ ข้ากับจูเก๋อหมิงรู้ว่าควรทำอย่างไร”

หลี่ซี่พูดขึ้นว่า “อีกสองวันคดีนี้จะมีการเบิกตัวมาสอบสวน พอถึงเวลานั้น คงต้องขอเชิญท่านหมอชูกับท่านหมอจูเก๋อไปเป็นพยานที่กรมอาญาด้วย”

ชูเซี่ยตอบว่า “ข้าจะไปตรงตามเวลาอย่างแน่นอน”

เชียนซานนั่งลงพลางมองหลี่ซี่ “หลี่ซี่ ฮูหยินบ้านเจ้าคลอดลูกชายหรือลูกสาวหรือ ข้าถามเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบข้าสักที”

หลี่ซี่ไม่ขัดเฉินเย่นซานที่ถามด้วยคำถามนี้ เขามีท่าทางมึนงงอยู่ครู่ใหญ่ ต่อมาก็พูดเสียงเรียบ “ลูกชายกับลูกสาวไม่เหมือนกันหรือ”

เชียนซานยิ้มพลางพูด “ข้าว่าคนเป็นพ่ออย่างเจ้าไม่มีทางที่จะไม่รู้หรอกใช่หรือไม่”

“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า” หลี่ซี่พูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

ชูเซี่ยมองหลี่ซี่ “ใต้เท้าหลี่แต่งงานแล้วหรือ? ใช่สิ ห้าปีแล้วนี่นะ ควรจะแต่งงานได้แล้ว ยินดีกับท่านด้วย”

บางอย่างก็ต้องปลง เรื่องราวของผู้คนมักจะเกิดขึ้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง

“คนเราล้วนแต่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ และไม่มีอะไรที่ต้องดีใจ” หลี่ซี่พูดเบา ๆ

ชูเซี่ยเห็นใบหน้าของเขาราวกับมีเมฆครึ้มปกคลุม ตอนเมื่อครู่นี้ที่พูดเรื่องคดีก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ นางหันไปมองเฉินเย่นซานเฉินเย่นซานก็ยักไหล่บ่งบอกว่านางก็ไม่รู้เหมือนกัน

หลังจากที่เขากลับไปแล้ว ชูเซี่ยก็ถามเฉินเย่นซาน “เขาเป็นอะไรไป ดูเหมือนไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่เลย”

เชียนซานตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร ปีที่แล้วฮูหยินของเขาตั้งครรภ์ ข้าก็เอาแต่ถามเขาว่าฮูหยินของเขาคลอดลูกเป็นชายหรือหญิงมาตลอด แต่เขาก็ไม่บอกอะไร”

“ไม่บอก? ปีที่แล้วตั้งครรภ์ตอนไหนหรือ หรือยังไม่คลอดออกมา”

“ยังไม่คลอดที่ไหนกันล่ะเจ้าคะ ตอนตั้งครรภ์ก็เป็นช่วงต้นปีของปีที่แล้ว ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงครบปีพอดี หากว่ากันตามเหตุผล ลูกของเขาก็น่าจะมีอายุสองสามเดือนแล้ว”

“แล้วยังไม่ได้ทำพิธีเหล้าครบเดือนหรือ” ชูเซี่ยถาม

“ยังเจ้าค่ะ”เฉินเย่นซานตอบ

สิ่งนี้ทำให้ชูเซี่ยรู้สึกแปลกใจมาก ในเมืองหลวงตระกูลหลี่นับได้ว่าค่อยข้างมีชื่อเสียง หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว เมื่อลูกของเขาครบเดือน ก็ควรจะจัดงานเลี้ยงเชิญมิตรสหายเข้าร่วมด้วยซ้ำ

“เขาแต่งกับคุณหนูตระกูลไหนหรือ แล้วแต่งเมื่อไหร่” ชูเซี่ยถาม

เชียนซานตอบว่า “แต่งกับคุณหนูตระกูลหลิวเจ้าค่ะ เป็นลูกสาวตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย ข้าเคยเจอนางหลายครั้ง หน้าตาดูดี เหมือนฉ่ายเวินมาก เรื่องเริ่มจากเมื่อสองปีก่อน พวกเขาสามีภรรยาไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ฉะนั้น หลังแต่งงานไปสองปีจึงยังไม่มีครรภ์เจ้าค่ะแต่หลังจากที่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ทั้งสองก็ดีต่อกัน หลี่ซี่พานางออกมาเจอหน้าพวกเรา ตอนนั้นหลี่ซี่จูงมือนางด้วยนะเจ้าคะ นางเป็นผู้หญิงที่ยิ้มแล้วดูอดอุ่นงดงามเป็นพิเศษ ชอบทำตัวติดกับหลี่ซี่ พอพวกเรารวมตัวกัน ตอนที่กินข้าวนางก็เอาแต่คีบให้หลี่ซี่ ส่วนตัวนางเองก็กินน้อยเจ้าค่ะ”

“เหมือนฉ่ายเวินมากอย่างนั้นหรือ” ชูเซี่ยถอนหายใจเล็กน้อย “บางที เขาอาจจะยังไม่ลืมฉ่ายเวินก็เป็นได้”

“หลังจากที่ท่านไปจากเมืองหลวงได้ไม่นานก็แต่งงานแล้ว เพราะทางในบ้านเร่งรัดมา”

เชียนซานนึกสักพัก “อันที่จริง ตอนแรกเขาก็ไม่มีทางชอบคุณหนูหลิวคนนั้น แต่หลังจากพาออกมาแล้วได้เห็นกระกระทำกับแววตาของทั้งสองแล้วก็รู้สึกว่าหลี่ซี่ก็นับว่าใส่ใจนางอยู่”

“อาจะเป็นเพราะอยู่ไปนาน ๆ เข้าก็เลยมีความรู้สึกต่อกันก็เป็นได้ แต่เรื่องที่คลอดเด็ก แต่กลับไม่เปิดเผยนี่ มีเหตุผลอะไรกัน”

ว่านเฉียงเดินออกมา เมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ทางกลุ่มอ้านทั่นของพวกเราทราบดี คุณหนูหลิวผู้นั้นคลอดมาเป็นลูกชาย เพิ่งจะคลอดออกมา เด็กก็ไม่อยู่แล้ว”

“ไม่อยู่แล้ว?” ชูเซี่ยตกใจมาก “ตายหรือ?”

ว่านเฉียงสั่นศีรษะ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ถูกคนขโมยไปต่างหาก เป็นเพราะเรื่องนี้ คุณหนูหลิวถึงกับเสียสติไปเลย”

เชียนซานรู้สึกตกใจมาก “ทำไมเรื่องนี้ถึงได้ไม่แพร่งพรายออกไปสู่ภายนอกเลยแม้แต่นิด หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว ลูกของตระกูลหลี่หายตัวไปก็ควรจะระดมพลค้นหาถึงจะถูก แต่ไม่ยินว่าให้หาเลยนี่ หลวี่หนิงไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ”

ว่านเฉียงพูดว่า “พวกเราก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน ดังนั้นถึงได้ตรวจสอบสักพัก แต่ว่าพอพวกเราตรวจสอบแล้วก็ไม่ได้อะไร ใครเป็นคนขโมยเด็กไปนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลย”

เชียนซานอึ้ง "แม้แต่กลุ่มอ้านทั่นของพรรคมังกรเหินก็ยังสืบไม่ได้ คน ๆ นี้ก็นับว่าความสามารถน่ามหัศจรรย์จริง ๆ"

ว่านเฉียงพูด "ยังมีจุดที่แปลกมากอยู่อีกนึ่งจุด คุณหนูตระกูลหลิวเคยทะเลาะกับใต้เท้าหลี่อยู่ครั้งนึง ในคำพูดนั้นกล่าวว่าเขารู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน บอกว่าเป็นหนี้ที่เขาก่อไว้"

"หนี้ที่ก่อไว้? หรือว่าหลี่ซี่ติดหนี้เงินใครก็เลยเอาเด็กไปอย่างั้นหรือ"เฉินเย่นซานถามด้วยความสงสัย

"เป็นไปไม่ได้" ชูเซี่ยส่ายหน้า "ในเมืองหลวงตระกูลหลี่นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะติดหนี้แล้วไม่คืน แล้วปล่อยให้คนเอาเด็กไปหรอก"

"แต่ว่าใต้เท้าหลี่ไม่ได้ตามหาลูก ตรงจุดนี้เป็นเรื่องจริง อีกอย่าง เขาบอกกับผู้อาวุโสในตระกูลว่าเด็กตายไปแล้ว"

ชูเซี่ยพูด "กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะบอกว่าสองสามีภรรยารู้ว่าเด็กถูกลักพาตัวอย่างนั้นหรือ"

"ยังมีแม่นมกับสาวรับใช้อีกคนที่รู้เจ้าค่ะ ว่านเฉียงตอบ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า