ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 256

ตอนที่ 256 ประสงค์แท้จริง

ชูเซี่ยโบกมือ “เห็นได้ชัดว่าพวกเรามองออกได้ง่ายขนาดนี้ นั่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแผนนี้ของพวกเขาเตรียมการมาไม่พอ ทำไมถึงเตรียมการไม่พอนั้น เดิมทีพวกเขาก็น่าจะมีเวลาเตรียมการมากกว่านี้ีอีกนิด แต่เพราะการที่พวกเราจะต้องคลี่คลายความลับของถุงหอมไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ทำไมพวกเขาต้องลงมือเร็วขนาดนี้ด้วย”

จูเก๋อหมิงสบตากับนาง “เว้นแต่ เขายังมีแผนที่จะใช้อีกแผนหนึ่ง”

“หากมีแผนสอง ก็ควรจะรอบคอบกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขารีบร้อนมาก”

จูฟางหยวนเอ่ยแทรกขึ้นมา “หรือว่าพวกเขารู้ว่าใครบางคนกำลังจะทำเรื่องอะไรบางอย่าง ก็เลยรีบร่วมมือกันลงมืออย่างนั้นหรือ”

จูเก๋อหมิงกับชูเซี่ยยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน “ไม่ผิด เป็นแบบนั้นแน่ พวกเขาอาจจะรู้ว่าใครบางคนกำลังจะลงมือ พวกเขาก็เลยต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้”

ชูเซี่ยรู้สึกหวั่นใจอย่างอธิบายไม่ถูก พวกเหลียงกุยกระตือรือร้นที่จะลงมือขนาดนี้ หรือว่าพวกเหลียงกุยต้องการจะลงมือ ลงมือกับใครกัน? นางหรือ?

ไม่ เหลียงกุยน่าจะรู้ดี คนอย่างเขาไม่มีทางจัดการกับตัวนางแน่

และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงมือกับเฉินเย่น พวกเขาไม่ได้กล้าขนาดนั้น

“ฉองเหลา ฉองเหลาอยู่ที่จวนอ๋อง!” จูฟางหยวนพลันร้องขึ้นมาอย่างน่าตกใจ

หน้าของชูเซี่ยพลันเปลี่ยนไปทันที “เร็ว!”

ทั้งสามรีบออกไปทันที พวกเขาขึ้นรถม้าของจูฟางหยวนแล้วเร่งรีบเดินทางไปยังจวนเจิ้นกั๋วอ๋อง

หลี่หยุนกางที่เพิ่งจะเข้านอนก็ได้ยินบ่าวรับใช้บอกว่าชูเซี่ยกับจูเก๋อหมิงเดินทางมา

“เกิดอะไรขึ้น มาดึกขนาดนี้ต้องมีเรื่องด่วนแน่” เย่เอ๋อตกใจ “ท่านรีบออกไปดูเถอะ”

หลี่หยุนกางสวมเสื้อทันที “ได้ เจ้านอนก่อนเถอะ”

พ่อบ้านเป็นคนเปิดประตูให้ด้วยตัวเอง พอชูเซี่ยเห็นพ่อบ้านก็รีบถามทันที “ฉองเหลากับอันหรันหลับแล้วหรือยัง”

พ่อบ้านตอบกลับว่า “เพิ่งเข้านอนขอรับ ทั้งสองมีรู้สึกดีต่อกันก็เลยนอนห้องเดียวกันขอรับ”

ชูเซี่ยบอก “ท่านพาข้าไปดูหน่อยเถอะ หากไม่เห็นกับตา ข้าก็ไม่วางใจ”

“ได้ เชิญท่านหมอชู”

แท้จริงแล้วฉองเหลากับอันหรันเพิ่งจะเข้านอน แต่ยังไม่หลับ สองพี่น้องกำลังนอนคุยอู้อี้กันบนเตียง

ชูเซี่ยผลักประตูแล้วเดินเข้าไป ฉองเหลาพลิกกายลุกขึ้นแล้วพุ่งตัวเข้าหาทันที “ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างำรกัน”

ชูเซี่ยอุ้มฉองเหลา ใจที่กังวลมาตลอดทางก็รู้สึกสบายใจ “แม่มาดูว่าเจ้าได้ทำเรื่องก่อกวนในจวนอ๋องหรือเปล่า”

ฉองเหล่าบุ้ยปาก “ไม่มีขอรับ หากไม่เชื่อ ถามท่านพี่อันหรันดูได้ ว่าข้าเป็นเด็กดีหรือไม่”

อันหรันทำความเคารพตามกฎระเบียบ “คารวะท่านแม่บุญธรรม”

“อันหรัน แม่บุญธรรมมาขัดการนอนของพวกเจ้าหรือไม่” ชูเซี่ยถามอย่างรู้สึกผิดนิด ๆ

“เปล่าขอรับ ข้ากับน้องชายยังไม่นอน น้องชายกำลังเล่าเรื่องที่เมืองหนานซานให้ฟังขอรับ”

ชูเซี่ยเอามือลูบหัวฉองเหลาอยู่ชั่วครู่ “เหมืองหนานซานมีอะไรให้เล่าด้วยหรือ”

“เยอะแยะเลย อย่างเช่นเรื่องที่ข้าตีชนะเสี่ยวซานจื่อ เสี่ยวซานจื่อหนักกว่าข้าอีก” มันเป็นเวลาที่ฉองเหลาได้โอ้อวด

ชูเซี่ยหลุดยิ้มออกมาทันที “เรื่องแบบนี้ป่าวประกาศอย่างใจกว้างได้ด้วยหรือ น่าไม่อายจริง ๆ”

นางจับมือเด็กทั้งสอง “เอาล่ะ พวกเจ้านอนต่อเถอะ”

“ท่านแม่จะไปแล้วหรือ” ฉองเหลาเงยหน้ามองชูเซี่ยด้วยดวงตาค่อนข้าง...

“เปล่า แม่จะมาอยู่ที่นี่สองวัน อยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีไหม” ชูเซี่ยมองลูกชายที่ทำตาอาลัยอาวรณ์ ลึก ๆ ในใจก็เกิดรู้สึกผิด

“ดีขอรับ!” ฉงเหลาพูดอย่างร่าเริง

“อืม ไปนอนเถอะ” ลึก ๆ ในใจของชูเซี่ยเจ็บปวดรวดร้าวนิด ๆ หลายปีมานี้นางไม่ได้สนใจเด็ก ๆ เลยจริง ๆ

นางขบคิด หากพวกเขาจะลงมือ ต้องลงมือกับฉองเหลาแน่ เพราะลูกสาวของเหลียงกุยกับจางเซียนฮุยล้วนแต่อยู่ในวัง หากฉองเหลาถูกแต่งตั้งเป็นองค์ชายก็จะเป็นบุตรคนโตของฮ่องเต้ และมีความเป็นไปได้มากที่เดียวเขาจะถูกเลือกเป็นรัชยาท พวกเขาจะไม่ร้อนใจเชียวหรือ

ดังนั้น สองวันนี้นางจะเฝ้าอยู่ที่นี่จนกว่าฉองเหลาจะกลับวัง

ณ ห้องโถงด้านข้าง จูเก๋อหมิงกำลังเล่าเรื่องที่เกิดเมื่อค่ำนี้ให้หลี่หยุนกางฟัง

ท่าทีของหลี่หยุนกางดูเคร่งเครียด “หากเป็นดังเช่นที่กล่าวมา พวกเขาคงคิดจะลงมือแล้ว”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” จูเก๋อหมิงว่า

หลี่หยุนกางเงยหน้าขึ้น พอเห็นชูเซี่ยเดินมาก็พูดขึ้นทันที “เจ้าวางใจเถอะ ฉองเหลาอยู่ที่จวนของเปิ่นหวางจะต้องปลอดภัยแน่”

ชูเซี่ยพยักหน้า “ข้ารู้ เพียงแต่หากจะป้องกันการลงมือจากพวกเขา ข้าคงต้องย้ายมาอยู่ที่นี่สองวัน”

หลี่หยุนกางกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลยเฉินเย่นเองก็อยากให้เจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่เสมอมา เขามักจะไม่ว่าใจที่เจ้าอยู่ข้างนอนกตัวคนเดียว”

ชูเซี่ยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิด ๆ และไม่ส่งเสียงอะไร

นางนั่งลง ทันใดนั้นเอง ประตูก็ถูกลมพัดเปิดจนแสงไฟจากตะเกียงวูบไหวไปมา

ด้านหน้าของชูเซี่ยพลันมืดไปหมด ตะเกียงดับไปหมดแล้ว ด้านหน้าดำมืดไปชั่วขณะ ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้น “ลมนี่แรงจริง ๆ”

หลี่หยุนกางพูดขึ้นว่า “ใช่ วันนี้ลมแรงมาก เปิ่นหวางว่าปิดประตูเถอะ”

ชูเซี่ยได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินออกไป ตามมาด้วยเสียงแอ๊ดที่ดังขึ้น ประตูถูกปิดแล้ว

หลี่หยุนกางนั่งลงแล้วมองจูเก๋อหมิง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า มีคนปลอมตัวเป็นเจ้าไปหาชูเซี่ย ต่อมาก็ชี้แนะเรื่องชะมดกับการบูรอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ แต่ว่าในกระปุกที่เราได้มาจากเหลียงกวงเสียงไม่มีกลิ่นชะมดกับการบูรเลย”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ใส่การบูรกับชะมดลงไปในกระปุกล่ะ แล้วก็ใส่หนอนกู่ลงไป หากหนอนกู่ตาย ก็แสดงว่าเป็นยาถอนพิษ” หลี่หยุนกางพูด

จูเก๋อหมิงส่ายหน้า “ข้าก็เคยคิดเช่นนั้น แต่เกรงว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่มากสักเท่าไร เพราะชะมดกับการบูรมีสรรพคุณฆ่าหนอนแมลง หากใส่หนอนกู่ลงไปด้วยก็น่าจะค่อนข้างได้ผลอยู่”

“แต่นั้นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วนี่ ว่าชะมดกับการบูรเป็นยาถอนพิษชนิดหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ยาพิษ ไม่มีทางทำให้เสด็จแม่ตายได้”

ชูเซี่ยพูดขึ้นว่า “ไม่ หากจะใช้ชะมดก็ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้ชะมดกับผู้หญิง ตอนนี้ภายในพระวรกายของฮองไทเฮามีหนอนกู่อยู่ พออยู่นานเจ้าก็จะกลืนกินเลือด ดังนั้น จึงทำให้ฮองไทเฮาสูญเสียเลือดไปมาก หากตอนนี้ใช้ชะมด ก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้”

“เหตุผลง่าย ๆ ขนาดนี้ พวกเขาจะไม่รู้เชียวหรือ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขารู้ดีว่าท่านเป็นหมอเทวดา จะใช้ยาอะไรก็ต้องระมัดระวังมาก ต่อให้ชี้แนะเรื่องชะมดกับการบูร ท่านก็น่าจะไม่ใช้อยู่ดี แล้วทำไมพวกเขาต้องลงทุนเปลืองแรงทำแบบนี้ด้วย ทั้งยังหาคนมาปลอมตัวเป็นจูเก๋อหมิง แล้วยังทำให้ท่านรับกลิ่นไม่ได้อีก”

ชูเซี่ยคิดไปคิดมาก็เห็นด้วย ดูเหมือนเรื่องที่คาดเดาเมื่อครู่นี้จะไม่รอบคอบพอ

“ทำไมพวกเราไม่จุดตะเกียงก่อนแล้วค่อยคุยกันเล่า” ชูเซี่ยรู้สึกว่าการที่ทุกคนพูดคุยกันท่ามกลางความมืดแบบนี้นั้นประหลาดมาก ตะเกียงถูกลมพัดจนดับไปสักพักแล้ว พวกเขาก็ยังไม่จุดไฟอีก

ทั้งสามเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของจูฟางหยวนดังขึ้นแบบสั่น ๆ “เจ้าว่าไงนะ”

ชูเซี่ยพูดว่า “จุดตะเกียงไง จุดตะเกียงก่อนแล้วค่อยคุยกัน คุยกันมืด ๆ แบบนี้ มันน่ากลัวออก”

หางเสียงของนางค่อยหยุดลง ต่อมาก็เอียงศีรษะแล้วพูด “ตอนนี้ตะเกียงสว่างอยู่ ใช่ไหม”

จูเก๋อหมิงเดินไปแล้วยกมือโบกตรงหน้านาง ชูเซี่ยคว้ามือของเขาไว้ “ข้าตาบอดแล้ว? ใช่หรือไม่?”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้” จูเก๋อหมิงพลิกมือแล้วจับชีพจรนาง “ตอนนี้ชีพจรของเจ้าไม่ปกติแล้ว ชูเซี่ย เจ้าถูกพิษแล้ว”

“ข้าถูกพิษหรือ?” ชูเซี่ยพูดอย่างอึ้ง ๆ

จูฟางหยวนพลันนึกขึ้นมาได้ “แผนกงแผนการอะไรกัน โกหกทั้งเพ เป้าหมายของพวกเขาคือให้เจ้ารับกลิ่นไม่ได้ มองไม่เห็น ของที่ให้เจ้าดมนั่นต้องเป็นยาพิษแน่”

“ชะมดหรือการบูรเป็นเพียงแค่วิธีเบี่ยงเบนสายตา ให้ทุกคนไปสนใจเรื่องอื่น ขณะที่ทำให้ชูเซี่ยไม่รู้ตัว พิษก็ซึมเข้ากระแสเลือด พวกเจ้าเอาแต่สนใจขบคิดปัญหาเรื่องชะมด จึงไม่พบความผิดปกติของชูเซี่ย” หลี่หยุนกางพูดเสียงเข้ม

“ข้าเดินลมปราณสองสามครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไร ก่อนหน้านี้จูเก๋อก็ช่วยข้าตรวจชีพจรแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติเหมือนกัน” ในน้ำเสียงของชูเซี่ยมีความตกใจเล็กน้อย พิษชนิดนี้แทรกซึมเข้าไปโดยที่ไม่รู้ตัว ร้ายกายจริง ๆ พิษชนิดนี้เหมือนกับของฉ่ายเวินมาก

จูเก๋อหมิงเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าเห็นด้วยกับที่หยุนกางพูด การที่พวกเขาวางยาพิษชนิดนี้จะทำให้เจ้าสูญเสียประสาทการรับกลิ่นทันที แต่นอกจากจะซ่อนให้มิดชิดแล้ว ต้องใช้เวลาให้มันค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไป เจ้าเป็นหมอ ถ้ามัวเอาแต่คิดถึงปัญหาเรื่องการสูญเสียประสาทการรับกลิ่นของตนเองก็จะพบว่าตนเองถูกพิษเร็วขึ้น แต่เขาเอาเรื่องปัญหาการบูรกับชะมดมาเบี่ยงเบนพวกเราจนทำให้เจ้าพบความผิดปกติของตนเองช้าลง พอรอจนพบว่ามีความผิดปกติก็สายไปเสียแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า