ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 257

ตอนที่ 257 โดนพิศแบบหายาก

ชูเซี่ยพยายามหาเส้นเสียงของตนเอง “เรื่องที่ข้าสูญเสียการมองเห็น ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ห้ามให้อวิ๋นเฉินเย่นรู้ด้วย”

จูเก๋อหมิงเข้าใจได้ในทันที “เรื่องที่พวกเราเดาก่อนหน้านี้ ทุกอย่างผิดเพื้ยนไปหมด พวกเขาต้องการให้ทางเฉินเย่นสูญเสียจิตใจครั้งใหญ่ ไร้หนทางรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นตามมาได้”

“ถ้าเช่นนั้นต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น” หลี่หยุนกางถามอย่างเคร่งเครียด

“ก่อนหน้านี้เราคิดว่าพวกเขาจะลงมือกับฉองเหลา แต่เห็นได้ชัดแล้วว่าไม่ใช่ พวกเขาทำร้ายชูเซี่ยแล้ว ถ้าเช่นนั้นต้องเริ่มลงมือจากคนในราชสำนักแน่”

ภายในหัวของหลี่หยุนกางค่อนข้างยุ่งเหยิง “แผลลวง หากคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นหลี่อวี๋นหลี่จริง ถ้าอย่างนั้นพรรคพวกของพวกเขาเป็นใคร พวกเหลียงกุยหรือ”

ชูเซี่ยโบกมือ “ไม่ พวกเขาแค่ใช้ประโยชน์จากพลังที่สร้างผลกรทบในราชสำนักของเหลียงกุยก็เท่านั้น เหลียงกุยไม่มีทางผูกมิตรกับพวกเขา ตระกูลใหญ่หลาย ๆ ตระกูลที่เรืองอำนาจเช่นนี้ มีกิจการครอบครัวที่สืบทอดกันมาเป็นร้อย ๆ ปีจะเป็นขุนนางกังฉินทรยศประเทศชาติได้อย่างไร พวกเขาชัดเจนอย่างยิ่ง ต่อให้หลี่อวี๋นหลี่เป็นฮ่องเต้ พวกเขาก็ได้อะไรต่อมิอะไรไม่มากไปว่านี้ ตรงกันข้าม หากจะควบคุมฮ่องเต้ที่มีความทะเยอทะยานมากมายก็ยิ่งยากไปกันใหญ่ พวกเหลียงกุยต้องกังวลพวกเรามากกว่าแผนการก่อกบฏของหลี่อวี๋นหลี่แน่”

การวิเคราะห์ของชูเซี่ยมีเหตุผลมาก แน่นอนว่าเพื่อแสดงอำนาจบารมีของตระกูลใหญ่หลาย ๆ ตระกูลแล้ว เหลียงกุยกับจางเซียนฮุยต้องอาศัยเลือดของบรรพบุรุษดึงเชื่อมกลับมา ชื่อเสียงนี้ไม่อาจโรยราได้อย่างเด็ดขาด ในเมื่อตอนนี้ทุกตระกูลล้วนแต่มีเรื่องสกปรกกองพะเนินอยู่ แต่ก็พยายามปกปิดมันไว้ไม่อยู่ไม่ใช่หรือ หากจะเปิดเผยเรื่องเสื่อมทรามภายในให้คนได้เห็น ภาพลักษณ์ของตระกูลอันลึกลับสูงส่งคงได้พังทลายลงในทันที

จูเก๋อหมิงมองนาง “อย่าเพิ่งพูดเลย ตอนนี้เราต้องมาดูกันก่อนว่าเจ้าถูกพิษอะไรกันแน่”

ชูเซี่ยหยิบเข็มมองออกมาแล้วแทงเข้าไปในเส้นเลือด จากนั้นก็ดึงออกมา “ดูให้หน่อยสิ ว่าสีของเข็มทองเปลี่ยนหรือไม่”

“สีฟ้า!” จูฟางหยวนเข้าไปดูพลางกล่าว

ชูเซี่ยดูเศร้าสร้อย “ถูกพิษเข้าแล้ว อีกอย่างพิษชนิดนี้แก้ได้ไม่ง่ายด้วย”

อันที่จริงก็รู้อยู่แล้ว ว่าพิษที่อีกฝ่ายใช้กับนางอย่างไร้ซุ่มเสียงไร้ร่องรอย เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องลงทุกลงแรงมากมายแบบนี้ แต่พวกเขากลับวกไปวนมาเช่นนี้ ก็หมายความว่าตอนที่วางยาชนิดนี้ไม่อาจทำอย่างไร้ซุ่มไร้เสียงได้ ดังนั้น จึงต้องเบี่ยงเบนความสนใจนาง และการวางยาพิษที่หาได้ยากและราคาแพงเช่นนี้ก็เพราะว่าพิษชนิดนี้ัจัดการได้ไม่ง่ายเลยจริง ๆ

“ปกติเวลาถูกพิษจะเป็นสีดำ ทำไมถึงเป็นสีฟ้าได้ล่ะ” จูฟางหยวนถามด้วยความไม่เข้าใจ

ชูเซี่ยอธิบายว่า “พิษทั่วไป ต่อให้รุนแรงเพียงได้ก็ต้องผ่านการสัมผัสแล้วซึมเข้าสู่เส้นเลือดผ่านทางผิวหนังหรือไม่ก็กลืนกินเข้าไปในร่างกาย แต่นี่เพียงแค่ใช่กลิ่นก็ทำให้คนถูกพิษได้ แสดงให้เห็นว่าพิษชนิดนี้เป็นพิษชั้นเลิศมาก ค่อนข้างเหมือนกับสารพิษที่ใช้กำจัดศัตรูพืชในบ้านเกิดของเรา สิ่งแรกที่ได้รับความเสียหายก็คือส่วนปอดและระบบประสาท ต่อมาก็ทำให้หายใจลำบากหรือไม่ก็วิงเวียนศีรษะ คิด ๆ ดูแล้วที่เฉินเย่นซานลองดมเพียงครู่เดียวแล้วเวียนหัวก็คงเพราะเหตุผลนี้ เนื่องด้วยพิษชนิดนี้เข้าสู่ภายในของร่างกายด้วยรูปแบบอากาศธาตุจึงไม่อาจซึมเข้าสู่กระแสเลือดภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ ดังนั้น ความจริงแล้วพิษชนิดนี้จะเป็นพิษที่ค่อย ๆ ซึมเข้าไป พอหายใจอย่างต่อเนื่องพิษก็จะลำเลียงไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก่อนหน้านี้เลือดยังไม่ได้รับการปนเปื้อน พวกเราจึงเห็นเป็นสีฟ้า แต่ถ้าข้าเดาไม่ผิด ประมาณเช้าวันพรุ่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว”

“แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นสีดำจะเป็นยังไง” จูฟางหยวนตกใจยกใหญ่ “ถ้าพิษเข้าสู่อวัยวะภายในแล้ว งั้นเจ้าจะเป็นอันตรายมากหรือไม่ แล้วจะทำให้คนตายไหม”

“ไม่หรอก เพราะพิษที่เป็นอากาศธาตุส่วนใหญ่จะควบคุมระบบประสาท ข้าจะสูญเสียการรับกลิ่น สูญเสียการมองเห็น การได้ยิน รวมถึงความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ความสามารถในการสื่อสาร เปลี่ยนเป็นมนุษย์ผัก (คนที่ได้รับบาดเจ็บทางสมองภายนอกอย่างร้ายแรง สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น) แทน”

ชูเซี่ยพูดอย่างไม่ใส่ใจอย่างมาก แต่ทั้งสามคนที่อยู่ด้วยพอได้ฟังแล้วก็ล้วนแต่รู้สึกรับไม่ได้อย่างถึงที่สุด

“มีวิธีจัดการไหม จูเก๋อหมิง เจ้ารีบคิดหาวิธีเร็วเข้า เจ้าเป็นหมอเทวดาไม่ใช่หรือ” จูฟางหยวนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จากนั้นก็มองคนยุคโบราณทั้งสองที่เก็บงำอดกลั้นต่อความคร่ำเครียด เขาเป็นคนยุคปัจจุบัน ผู้ชายยุคปัจจุบันอยากจะร้องไห้ก็ร้องเลย ไม่มีวิธีอดกลั้นอารมณ์ตนเองเหมือนอย่างพวกเขา

ภายในหัวของจูเก๋อหมิงสับสนวุ่นวายไปหมด พิษที่เป็นอากาศธาตุเขาก็เคยเจอมาบ้าง ความจริงกลิ่นหอมก็นับว่าใช่เช่นกัน แต่กลิ่นหอมที่เป็นพิษธาตุอากาศชนิดนี้ทำร้ายร่างกายคนได้ไม่มาก อย่างน้อยก็ไม่แพร่กระจากเร็วเหมือนพิษชนิดนี้ รวมถึงครอบงำประสาทการรับกลิ่นกับการมองเห็นภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น

“อย่าบีบเค้นจูเก๋อเลย พิษชนิดนี้แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ที่มา” ชูเซี่ยหันหน้าไปทางหลี่หยุนกาง แต่นางกลับคิดว่าเป็นจูเก๋อหมิง “จูเก๋อ เจ้าช่วยฝังเข็มให้ข้าหน่อย ยับยั้งการกระจายพิษให้ที”

พอจูเก๋อหมิงเห็นว่าดวงตาทั้งสองของนางไม่จับภาพ ใจก็พลับเจ็บแปลบ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ได้ จะให้ฝังตรงจุดไหนเจ้าบอกข้าได้เลย”

“ประคองข้าเข้าไปในห้องหน่อย” ชูเซี่ยพูดเสียงเบา “พวกท่านอย่าเพิ่งท้อใจจนเกิดไป อีกเดี๋ยวกลับไปไล่ย้อนดูเรื่องพิษอาจจะมีวิธีกำจัดพิษก็ได้”

“เดี๋ยวข้ากลับไปไล่ดูเอง” จูเก๋อหมิงประคองนาง จูฟางหยวนก็ก้าวมาด้วย เห็นได้ชัดว่าอยากจะจูงมือของชูเซี่ยด้วยที่มือไม้อ่อนไปหมด

ชูเซี่ยกำชับอีกครั้ง “เรื่องที่ข้าถูกพิษ ห้ามบอกเฉินเย่นเด็ดขาด จำไว้ เหล่าจู เจ้ากลับไปบ้านข้าแล้วพานายท่านเหมากับเจ้าถ่านมาหน่อย บอกเฉินเย่นซานให้นางมาดูแลข้าด้วย”

เมื่อมองไม่เห็น นางจึงต้องเชื่อใจคนข้างกาย

ชูเซี่ยจัดการเรื่องราวทุกอย่างอย่างเป็นลำดับขึ้นตอน ความจริงแล้วในใจนางว้าวุ่นอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันเป็นความรู้สึกที่ว่าไร้ประโยชน์อย่างมาก เหมือนกับว่านางถูกกีดกันออกจากโลกใบนี้ นางถูกแสงสว่างทอดทิ้ง้สียแล้ว

จูฟางหยวนก้าวเข้ามาจูงมือนางแล้วพูดกระซิบข้างหูนาง “เหล่าเวิน ข้าอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ”

ใจของชูเซี่ยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที แม้นางกับจูฟางหยวนจะไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน แต่ในมิติเวลานี้ พวกเขามาจากยุคปีเดียวกัน รวมถึง วันข้างหน้ายังต้องอยู่ในช่วงยุคเวลาเดียวกันต่อไปอีก พวกเขาเป็นเสมือนญาติกันจริง ๆ

การที่มีคนบ้านเดียวกันอยู่ด้วยนั้น นางโชคดีมากจริง ๆ

ความหวาดกลัวในใจหายไปแล้ว เพราะคำพูดอันแสนอบอุ่นของจูฟางหยวน นางพยายามฉีกยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ข้าไม่เป็นไร”

เสียงของจูฟางหยวนสะดุด “อืม ข้ารู้ ว่าเจ้าเข้มแข็งมาก”

เขายื่นมือไปคล้องแขนนางแล้วพูดกับจูเก๋อหมิง “ข้าจะไปส่งนางที่ห้อง เจ้าเตรียมฝังเข็มเถอะ”

“ได้!” จูเก๋อหมิงตอบรับอย่างเศร้า ๆ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ฆ่าทุกคนโดยที่ไม่ทันตั้งตัว การที่ชูเซี่ยเกิดเรื่องเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อน

พระชายาเย่เอ๋อเห็นว่าหลี่หยุนกางหายไม่นานยังไม่กลับห้องนานจึงออกมาดู

พอเห็นจูฟางหยวนประคองชูเซี่ยก้าวเดินไปข้างหน้าช้า ๆ ทีละก้าว นางก็อึ้งไปชั่วครู่ ขณะที่กำลังจะเอ่ยถาม หลี่หยุนกางก็ก้าวเดินมาหานางแล้วส่งเสียงชู่ จากนั้นก็กระซิบข้างหูนาง “ชูเซี่ยมองไม่เห็นแล้ว”

เย่เอ๋อตกใจมาก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้”

“ถูกพิษน่ะ” เขาพูดกับเย่เอ๋อ “เจ้าหลับห้องก่อนเถอะ จูเก๋อจะฝังเข็มระงับพิษให้ก่อน”

เย่เอ๋อน้ำตาตกทันที นางก้าวเข้าไปกอดชูเซี่ย “ชูเซี่ย เจ้าจะต้องไม่เป็นไร”

ชูเซี่ยที่เดิมทีพยายามฝืนไว้ พอได้ยินเย่เอ๋อด้วยน้ำเสียงสะอื้นแบบนี้ก็แทบจะน้ำตาร่วง นางตบแขนเย่เอ๋อเบา ๆ “ข้าไม่เป็นไร อย่าเป็นแบบนี้สิ”

หลี่หยุนกางดึงเย่เอ๋อออก “ใช่ อย่ากังวลไปเลย ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ชูเซี่ยจะอยู่ที่นี่แล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็ลุกขึ้นมาเตรียมตัวแต่เช้าหน่อย”

ทว่า เย่เอ๋อกลับยืนกรานที่จะอยู่เป็นเพื่อนนาง “ไม่ ตอนนี้เฉินเย่นซานไม่อยู่ ข้าจะไปช่วย ถึงข้าจะฝังเข็มไม่เป็น แต่ถึงอย่างไรชูเซี่ยก็เป็นผู้หญิง จูเก๋อหมิงฝังเข็มให้นาง บางอย่างก็ต้องให้ผู้หญิงช่วย”

จูเก๋อหมิงพยักหน้า “เย่เอ๋อพูดถูก ข้าต้องให้ผู้หญิงช่วย”

หากจะควบคุมการกระจายของพิษ อย่างน้อยก็ต้องสกัดจุดใหญ่ ๆ ตามร่างกายสองสามจุด เขาไม่สามารถเปิดเสื้อผ้าให้ชูเซี่ยด้วยตนเองได้ ทางที่ดีคือต้องให้เย่เอ๋อช่วย จากนั้นก็ปิดเสื้อบางส่วนให้นาง

หลี่หยุนกางได้ยินจูเก๋อหมิงพูดแบบนี้ก็กล่าวว่า “งั้นก็ดี เปิ่นหวางจะไปลาดตระเวนดูก่อน ดูว่ามีสถานการณ์ผิดปกติอะไรหรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า