ตอนที่ 260 เชื่อได้สามส่วน
หลี่ซี่ถามองครักษ์ของจวนอ๋องเรื่องการส่งศพกลับมาอีกครั้งและทำความเข้าใจเรื่องราวสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ตอนนี้เฉินเย่นซานอยู่ที่จวนอ๋องใช่หรือไม่ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสไหม”
“บาดแผลไม่นับว่าสาหัสมากขอรับ”
หลี่ซี่เอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้นจูฟางหยวนอยู่ที่จวนอ๋องใช่ไหม”
“ขอรับ”
“เจ้าไปตามจูฟางหยวนไม่ก็จูเก๋อหมิงมาหน่อย บอกว่าเปิ่นกวนมีธุระจะคุยด้วย แต่อย่าเพิ่งไปรบกวนเฉินเย่นซานกับท่านหมอชูล่ะ”
“ผู้น้อยทราบแล้ว!” ทหารรักษาพระองค์กล่าวลาแล้วรีบไปทันที
หลังจากเฉินเย่นซานรักษาแผลแล้ว ก็เอาแต่เป็นห่วงหลวี่หนิงจนนอนไม่หลับ จูเก๋อหมิงจึงจำต้องฝังเข็มให้นาง เพื่อให้นางได้นอนหลับบ้าง
เขาไปที่ห้องของชูเซี่ย ชูเซี่ยตื่นแล้ว ส่วนว่านเฉียงกำลังปรนนิบัติรับใช้นางอยู่
ชูเซี่ยได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้ทันทีว่าเป็นจูเก๋อหมิง “มาแล้วหรือ”
จูเก๋อหมิงเห็นนางมีสีหน้าขาวซีด ขอบใต้ตาคล้ำอย่างมาก เขาจึงรู้ว่าเมื่อคืนนางไม่ได้นอน
เขานั่งลงข้างนางแล้วพูดเสียงเบา “ไม่ได้นอนหรือ”
ชูเซี่ยยิ้มฝืด “ก็อยากนอนนั่นแหละ แต่ไม่รู้ทำไมถึงนอนไม่หลับ เมื่อก่อนตอนที่ข้านอนหลับ แค่มีเสียงไฟเพียงนิดเดียวก็นอนไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาก็ล้วนแต่มืดไปหมด แต่ถึงอย่างไรก็หลับไม่ลงอยู่ดี”
ใจของจูเก๋อหมิงบีบแน่นด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย เมื่อคืนนี้เขาคิดเรื่องที่ชูเซี่ยสูญเสียการมองเห็นอยู่นานมาก ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรบอกอวิ๋นเฉินเย่นดี
บางที ถ้าบอกอวิ๋นเฉินเย่น เขาก็จะร้อนรนขึ้นมา ทำให้สถานการณ์ทางเขาล้มเหลวจนทำให้สถานการณ์ในช่วงถัดไปเปลี่ยนเป็นวุ่นวายขึ้นมาก็เป็นได้
หากเขาสูญเสียความใจเย็นไป ยามที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ทุกสิ่งอย่างก็จะตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย ๆ
แต่ว่า จะไม่บอกจริง ๆ หรือ หลายปีมานี้ชูเซี่ยใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากมาก ตอนนี้ตาก็มองไม่เห็นอีก ใจของนางต้องหวังว่าจะให้คนรักอยู่เป็นเพื่อนข้างกายนางอยู่แล้ว
จูเก๋อหมิงไม่ใช่พวกบุคคลที่เป็นเสาหลักของบ้านเมือง เขาเป็นคนคิดอะไรง่ายดายเป็นพิเศษคนนึงที่หวังจะให้คนที่รัก หวังจะให้คนที่สนใจได้อยู่อย่างมีความสุข โดยเฉพาะคนที่ประสบเรื่องราวมามากมายหลายสิ่งอย่าง ความรู้สึกนั้นของเขาที่มีต่อชูเซี่ยระเหยไปหมดแล้ว เขาทนไม่ได้ที่นางจะต้องเดินไปข้างหน้าบนความมืดมนด้วยตัวคนเดียว โดยเฉพาะแม้แต่เฉินเย่นซานที่เกิดเรื่อง
“เฉินเย่นซานล่ะ ทำไมไม่เห็นนางมาเลย” ชูเซี่ยเห็นว่าจูเก๋อหมิงไม่พูดอะไรก็รู้โดยทันทีว่าคำพูดของนางทำให้เขารู้สึกเศร้า ดังนั้น จึงเปลี่ยนหัวเรื่อง
จูเก๋อหมิงรู้ว่าไม่อาจปิดเรื่องเฉินเย่นซานและหลวี่หนิงกับชูเซี่ยได้ แต่นางเพิ่งจะสูญเสียการมองเห็นจึงไม่อยากให้นางรู้เรื่องเร็วนัก ดังนั้น เขาจึงพูดว่า “เฉินเย่นซานมาเมื่อคืน แล้วก็ออกไปแล้ว บอกว่าจะไปตรวจสอบอะไรบางอย่างน่ะ”
“ว่านเฉียง เจ้ารู้ไหมว่านางจะไปตรวจสอบอะไร” ชูเซี่ยถาม
“เจ้านาย ผู้น้อยไม่รู้เจ้าค่ะ” ว่านเฉียงพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้ตนเองส่งเสียงสะอื้นออกมา
“อืม ถ้านางกลับมาแล้วก็ให้มาหาข้าก็แล้วกัน” ชูเซี่ยบอก
มือของนางสั่นเล็กน้อย ความรู้สึกนี้เป็นเพราะใจนางยังว้าวุ่นอยู่มาก นางหวังว่าเฉินเย่นซานจะอยู่ข้าง ๆ นาง
“ได้!” จูเก๋อหมิงรับคำ “มา นอนเถอะ ข้าจะลองตรวจให้เข้าดูก่อน”
ว่านเฉียงประคองชูเซี่ยนอนลง จากนั้นก็ถอยไปด้านข้างแล้วแอบปาดน้ำตาเงียบ ๆ
ช่วงเที่ยง คนของกรมอาญามา บอกว่าต้องการพบจูเก๋อหมิงกับจูฟางหยวน
ทั้งสองรู้ดีว่าเป็นเพราะเรื่องหลวี่หนิง ดังนั้น จึงบอกว่านเฉียงให้ดูแลชูเซี่ยให้ดี
ชูเซี่ยคิดว่าเป็นเพราะเรื่องคดีของหมอหลวงหลันจึงพูดกับจูเก๋อหมิงว่า “ข้าไปเป็นพยานให้ไม่ได้ เจ้าไปเถอะ อย่างไรก็ตามหากเจ้ายืนกรานฮองไทเฮาป่วย ไม่ใช่ถูกพิษ หมอหลวงหลันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
จูเก๋อหมิงตอบรับแบบลวก ๆ “รู้แล้ว ข้าไปล่ะ”
ที่คนจากกรมอาญามาต้องเป็นเพราะเรื่องหลวี่หนิงแน่ หลวี่หนิงเกิดเรื่องแล้วเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...