ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 261

ตอนที่ 261 ลงมือพร้อมกัน

บนเขาหลางฟงติ่ง ในที่สุดกลุ่มสายลับก็กลับออกมาสบทบกัน

พวกเขาเหล่านั้นเดินออกมาจากป่าอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย บางคนก็แบกฟืนไว้ทีหลัง บางคนก็มีพวกของป่าอยู่ในมือของตน รวมไปถึงไก่ป่า และกระต่ายป่า

พวกเขาไม่ได้เอ่ยคำพูดหรือทำความเคารพหลี่อหยุนกางทำเพียงแค่ปรายตามองอย่างสนอกสนใจเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หยุดงานของตนเอง เพราะหลังจากที่มองอ๋องเจิ้นหยวนจนพอแล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันไปอีกครั้ง

เบาะแสที่เหล่าสายลับหามาได้นั้นนำกลับมารายงานได้เพียงหัวหน้าของตนเท่านั้น พวกเขาจะไม่ติดต่อผ่านผู้อื่นโดยเด็ดขาดเพราะตัวตน ฐานะหรือความลับของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นความลับระดับสูงที่ผู้อื่นยิ่งรู้น้อยยิ่งดีไม่เช่นนั้นภายภาคหน้าจะเป็นอันตรายต่อพรรคและตัวของพวกเขาเอง

กลุ่มคนเก่ากลับลงมาจากเขา กลุ่มคนใหม่ก็ขึ้นไปตามหาเบาะแสมาเพิ่ม

คนพวกนี้ก็คือสายลับเงาของพรรคมังกรเหินนั่นเอง

สายลับผู้ที่เพิ่งลงมาจากเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่อหยุนกางและอาหมั่น “เบาะแสที่กลุ่มสายลับเงาหามาได้นั้น หลังหมอกควันพิษนั้นพวกข้าได้พบว่าเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ขอรับ ไม่พบรอยเท้าใดๆ แต่บริเวณหุบเขาไม่ว่าจะเป็นทั้งทิศเหนือใต้ออกตกมีถ้ำหินต่างๆอยู่หลายที่ นอกจากถ้ำเหล่านั้นก็ไม่พบอะไรแล้วขอรับ”

อาหมั่นจึงเอ่ยถาม “แล้วที่ปากถ้ำมีอะไรผิดปกติหรือไม่”

“พวกเราวาดแผนที่ไว้แล้วขอรับ!” ว่าแล้วสายลับผู้นั้นก็ยื่นม้วนแผนที่ให้แก่หัวหน้าของตน

เมื่ออาหมั่นรับมาก็กางออกกว้างเพื่อให้หลี่อหยุนกางได้ดูด้วยกัน

ปากถ้ำค่อยข้างใหญ่ มีต้นหญ้าขึ้นรกปกคลุมไปทั่ว มีก้อนหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณปากถ้ำด้านซ้าย วัชพืชที่ขึ้นบริเวณพื้นไม่มีร่องรอยของการถูกผู้คนเหยียบย่ำมาก่อน

“เจ้าไม่ได้บอกว่ามีถ้ำอยู่หลายแห่งหรือ แล้วถ้ำอื่นๆเล่า” อาหมั่นเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ถ้ำแต่ละที่บนหุบเขานี้ล้วนเหมือนกับเกือบทั้งสิ้นขอรับ บริเวณหินที่ตั้งก็เหมือนกันแม้แต่ขนาดก็ไม่นับว่าต่างกันมากขอรับ”

“นี่มันค่อนข้างจะประหลาดไม่น้อย” หลี่อหยุนกางเอ่ยขึ้น

“แต่วัชพืชที่อยู่บริเวณปากถ้ำไม่เคยถูกผู้ใดเหยียบย่ำมาก่อนขอรับ” อาหมั่นได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าถามขึ้น “ปากถ้ำแต่ละแห้งก็ล้วนมีต้นวัชพืชขึ้นทั้งยังไม่มีผู้ใดเหยียบย่ำผ่านงั้นหรือ?”

“ขอรับ ถ้ำทุกแห่งบนเขาลูกนี้ล้วนมีวัชพืชขึ้นอยู่บริเวณปากถ้ำสูงประมาณบริเวณเอวได้ขอรับ บางแห่งก็สูงบริเวณเข่าขอรับ”

“แปลกจริงๆเสียด้วย บริเวณป่าอาจจะสามารถใช้วิชาตัวเบาได้แต่ทว่าในถ้ำไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจใช้ได้”

“ความหมายของท่านอ๋องก็คือปากถ้ำมีขนาดไม่สูงมาก ทั้งยังไม่ใหญ่ ความกว้างเพียงพอแค่คนสองคนเข้าไปเท่านั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจใช้วิชาตัวเบาได้แน่” อาหมั่นกล่าวขยายความ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปดูเหมือนจะพบกับทางตันเสียแล้ว การทำการค้นหาคนในบริเวณหมอกพิษนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ยากจะมีผู้ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที่ อีกทั้งบริเวณป่าก็มีถ้ำอยู่มากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือใต้ออกตกก็ล้วนมีแต่ถ้ำ การจะบีบบังคับให้คนพวกนั้นออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย

หลี่อหยุนกางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตัดสินใจ “ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนพวกนั้นอยู่ที่ใด เช่นนี้ก็แล้วกัน เปิ่นหวางจะกลับไปถามเชียนซานให้แน่ชัดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อน เจ้าก็นำกำลังคนของพรรคมังกรเหินหาอยู่ที่บริเวณเขาก็แล้วกัน เปิ่นหวางเองก็จะวางเหล่าราชองครักษ์ไว้บริเวณตีนเขาเพื่อตามหาอีกแรง แม้แต่กระต่ายป่าเพียงตัวเดียวก็ยากจะหลุดรอดไปได้”

“ขอรับ ท่านอ๋องกลับไปก่อนเถิด ข้าน้อยกับคนในพรรคจะลองตามหาบริเวณนี้ต่อไปดูว่าจะมีเบาะแสเพิ่มเติมหรือไม่”

หลี่อหยุนกางพยักหน้าก่อนจะเดินทางลงจากเขาไป แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะแวะค่ายทหารก่อนไม่ได้ตรงกลับจวนในทันที

ชายหนุ่มมองดูสภาพศพที่จูเก๋อหมิงพยายามจะกู้สภาพก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักอึ้ง “แม้ว่าเปิ่นหวางจะเตรียมใจไว้อยู่บ้างแต่ทว่า...”

คิดเอาไว้กลับมองเห็นความเป็นจริงตรงหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต่างกันมากนัก

จูฟางหยวนพยายามจะมองโลกในแง่ดีโดยการเอ่ยชี้ชวนทุกคน “ความจริงแล้วเมื่อมองดูดีๆศพนี่ก็ไม่ได้คล้ายหลวี่หนิงเลย

แม้แต่น้อย ไม่ใช่หลวี่หนิงหรอก เด็กคนนั้นมีวิทยายุทธสูงส่ง คนพวกนั้นไม่ครณามือเขาแน่”

จูเก๋อหมิงจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจนัก “แต่เชียนซานนางกล่าวว่าตอนที่นางจากมานั้น ร่างกายของลู่หมิงก็โดนดาบไปถึงสามแผลแล้ว แต่ละดาบที่ลงมาก็ล้วนเป็นอันตรายกับร่างกายของเขาทั้งสิ้น ร่างของศพนี่ก็มีรอยดาบอยู่ถึงห้ารอยด้วยเช่นกัน”

“เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกคนอย่าได้มองโลกในแง่ร้ายนักเลย มองในแง่ดีหน่อยเถิด” แม้จูฟางหยวนจะกล่าวเช่นนั้นแต่น้ำเสียงของเขาก็เริ่มสั่นเครือเล็กน้อย

น้ำเสียงขอเขาอ่อนแอเหลือเกิน แม้แต่หัวใจของตนเองยังไม่อาจโน้มน้าวได้สำเร็จด้วยซ้ำ

จูเก๋อหมิงเงยหน้ามองหลี่อหยุนกางก่อนเอ่ยถาม “แล้วที่ยอดเขามีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมบ้างหรือไม่”

หลี่อหยุนกางส่ายศีรษะ “ไม่มี ในหุบเขามีหมอกพิษปกคลุมอยู่ ราชองค์รักของเปิ่นหวางไม่อาจเข้าไปได้ แต่หน่วยสายลับเงาของพรรคมังกรเหินเข้าไปได้และพบว่าในหุบเขามีถ้ำอยู่สี่แห่ง คาดว่าจะเป็นฐานลับที่พวกเขาใช้หลบซ่อน”

จูเก๋อพยักหน้า “เช่นนั้นท่านอ๋องก็นำเรื่องนี้ไปทูลแก่ฝ่าบาทเถิด ข้าคิดว่าเรื่องที่เกิดกับชูเซี่ยเราไม่ควรจะปิดบังฝ่าบาทไม่ให้ทรงรับรู้ การที่เชียนซานบอกว่านางเห็นหลี่อวี๋นหลี่และฉ่ายเวินนั่นก็แสดงว่ายามนี้พวกเขาคงอยู่ในเมืองหลวงหรืออาจอยู่บริเวณใกล้ๆนี่เอง พวกเราควรระดมพลกันตามหาทั้งเมืองจึงจะถูก”

ครานี้หลี่อหยุนกางเกิดความลังเลขึ้นมา “แม้แต่เรื่องชูเซี่ยก็ต้องบอกเขางั้นหรือ เปิ่นหวางเกรงว่าเรื่องของนางอาจทำให้เฉินเย่นเกิดขาดสติขึ้นมาได้”

“ไม่ต้องสนใจมากมายถึงเพียงนั้นหรอก ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็มีพวกเราคอยอยู่เคียงข้างเขาไม่ใช่หรือ” จูเก๋อหมิงกล่าว “หากไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอาแต่ปิดบังกันไปปิดบังกันมาเช่นนี้ย่อมไม่ดีต่อทั้งสองฝ่ายแน่ เบาะแสที่พวกเราได้รับมาอาจจะคลาดเคลื่อนก็เป็นได้ ข้าว่าพวกเราเปิดอกคุยกันทั้งสองฝ่ายแล้วมารวมหัวกันช่วยกันแก้ปัญหายังจะดีเสียกว่า ครานี้ที่หลี่อวี๋นหลี่กลับมาหลังจากที่ก่อนหน้านี้หายสาบสูญไปนานหลายปีย่อมเตรียมการวางแผนไว้ต่อกรกับพวกเราอย่างลึกซึ้งแน่แล้ว เดิมทีเขาก็เป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เกรงว่าระยะห้าปีที่ผ่านมานี้เขาคงไม่มีวันกลับมาแน่หากไม่มั่นใจว่าชนะพวกเราได้”

หลี่อหยุนกางตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่เคร่งเครียดในครั้งนี้ก่อนจะพบว่าเหตุผลที่จูเก๋อหมิงกล่าวมานั้นไม่เลวทีเดียว “ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเช่นนั้นก็ไม่สมควรปิดบังกันไปมาอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ เจ้ากลับจวนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเชียนซานและหลวี่หนิงให้นางฟัง ส่วนเปิ่นหวางจะเข้าวังไปทูลต่อฝ่าบาทและวางแผนรับมือ”

“ได้!” จูเก๋อหมิงรับปากหนักแน่น

สิ่งที่หลี่อหยุนกางไม่อาจล่วงรู้ได้ก็คือทางหลี่เฉินเย่นเองก็ได้รับข่าวร้ายข่าวหนึ่งเช่นกัน

ข่าวนั้นก็คือจิ้งกั่วโฮ่วถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่อาจฟื้นคืนสติ

ตอนที่หลี่อหยุนกางมาถึงวังหลวงเขาก็พบว่าหลี่เฉินเย่นกำลังปรึกษาเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นของจิ้งกั่วโฮ่วกับเฉินหยวนชิ่งที่เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงได้ไม่นานนัก

“ถวายบังคมท่านอ๋อง!” เฉินหยวนชิ่งโค้งคำนับ

“แม่ทัพเฉินกลับมาแล้วหรือ” หลี่อหยุนกางเอ่ยถามทั้งๆที่สติยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าใดนัก

“พะย่ะค่ะ เพิ่งถึงเมื่อคืนนี้เองพะย่ะค่ะ” เฉินหยวนชิ่งกล่าว

หลี่อหยุนกางเห็นว่าทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียดก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ หรือว่าพวกเขาทราบเรื่องแล้ว?

“ฝ่าบาท เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพระองค์ทราบแล้วหรือพะย่ะค่ะ” หลี่อหยุนกางทูลถาม

หลี่เฉินเย่นก็ค่อยๆพยักหน้าอย่างอ่อนแรง “ใช่ เรารู้แล้ว”

“เช่นนั้น” เมื่อคืนจวนอ๋องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากมาย ผู้คนเข้านอกออกในกันเต็มไปหมด ฝ่าบาทจะทรงรู้ก็ไม่แปลก “เช่นนั้นเรื่องชูเซี่ย พระองค์ก็ทราบแล้วหรือ”

เฉินหยวนชิ่งเมื่อได้ยินชื่อชูเซี่ยก็ค่อยๆยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็นับว่ามีท่าทีอ่อนลงกว่าเมื่อก่อนมากนัก

“ชูเซี่ย?” หลี่เฉินเย่นถึงกับนิ่งงันไปทันที “เกิดเรื่องกับชูเซี่ยงั้นหรือ เราเพียงแต่รู้เรื่องที่เกิดการลอบสังหารจิ้งกั่วโฮ่วเท่านั้น ชูเซี่ยนางก็รู้เรื่องแล้วหรือ นางเสียใจมากเลยใช่หรือไม่”

“อะไรนะ จิ้งกั่วโฮ่วถูกลอบสังหารงั้นหรือ เกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน?” หลี่อหยุนกางคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย หรือคนพวกนั้นตั้งใจจะจัดการครอบครัวของชูเซี่ยด้วย?

คราวนี้หลี่เฉินเย่นถึงกับผลุดลุกขึ้นมาจากที่นั่งทั้งยังจ้องเขม็งมาที่หลี่อหยุนกาง “เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นที่ท่านพูดมาไม่ได้หมายถึงเรื่องที่จิ้งกั๋วโฮ่วถูกลอบสังหารงั้นหรือ หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับชูเซี่ยกันแน่”

หลี่อหยุนกางจึงเอ่ยอย่างหนักใจยิ่งนัก “เมื่อคืนมีคนร้ายปลอมตัวเป็นจูเก๋อไปหาชูเซี่ยและวางยานาง...”

ยังไม่ทันที่หลี่อหยุนกางจะกล่าวจบหลี่เฉินเย่นก็ร้อนใจจนทนไม่ได้เสียแล้ว “วางยาพิษ? แล้วตอนนี้ชูเซี่ยเป็นเช่นไรบ้าง นางอยู่ที่ไหน เราจะไปหานางเดี๋ยวนี้!”

หลี่อหยุนกางรีบรั้งร่างของเขาไว้ “ฝ่าบาททรงอย่าได้ผลีผลามพะย่ะค่ะ ได้โปรดฟังจนจบเสียก่อน ตอนนี้ชูเซี่ยยังปลอดภัยดีเพียงแต่ว่าดวงตามืดบอดเสียแล้ว ตอนนี้นางพักรักษาตัวอยู่ที่จวนอ๋อง”

หลี่เฉินเย่นที่ได้ยินว่าดวงตาของชูเซี่ยมืดบอดก็ตระหนกเสียจนใบหน้าถอดสี “ตาบอด? นางมองไม่เห็นแล้วงั้นหรือ”

“พะย่ะค่ะ ตอนนี้จูเก๋อช่วยนางควบคุมพิษไว้ได้ชั่วคราว ยามนี้ทำได้เพียงควบคุมพิษไว้เท่านั้นหากจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้งจำต้องตามหายาแก้พิษให้ได้พะย่ะค่ะ”

“ใครเป็นผู้วางยาพิษ” ร่างสูงของหลี่เฉินเย่นยามนี้ปล่อยกระแสไอเย็นและอำมหิตออกมา

“หลี่อวี๋นหลี่ หลังจากที่เชียนซานรู้ว่าคนผู้นั้นคือจูเก๋อตัวปลอมนางก็ตามไปและกระชากหน้ากากของมันออกมา คนผู้นั้นก็คือหลี่อวี๋นหลี่ อีกทั้งหลี่อวี๋นหลี่ยังอยู่กับฉ่ายเวินอีกด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า