สรุปตอน ตอนที่ 266 กระดูกเป็นของขวัญ – จากเรื่อง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
ตอน ตอนที่ 266 กระดูกเป็นของขวัญ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 266 กระดูกเป็นของขวัญ
อาหมั่นเป็นผู้นำทางองค์หญิงอวิ๋นซึนมาจนถึงห้องที่ชูเซี่ยรักษาตัวอยู่ด้วยตนเอง
การที่ชูเซี่ยเลือกจะมารักษาตัวที่นี่กระทันหันเหลือเกิน จริงอยู่ที่สำนักเฉาปังมีห้องว่างมากมายแต่มันก็ไม่ได้เหมาะกับการเป็นห้องที่จะให้สตรีมาพักอาศัยอยู่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเหลียงหม่านจึงรีบทำความสะอาดห้องและทำการตกแต่งอย่างรวดเร็ว แต่
ถึงกระนั้นก็ดูไม่เหมาะกับการเป็นห้องหญิงสาวอยู่ดี
เดิมทีอาหมั่นต้องการตกแต่งใหม่อีกครั้ง แต่ทว่ายามนี้นายหญิงมองอะไรไม่เห็นการมีเครื่องเรือนยิ่งน้อยก็ยิ่งปลอดภัยกับนาง
อาหมั่นได้ยินเช่นนั้นจึงขนย้ายเครื่องเรือนที่ไม่จำเป็นออกไปจากห้องจนหมด เหลือไว้เพียงของที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ยามนี้จึงกลายเป็นว่าห้องโล่งเสียจนเกือบว่างเปล่า ยามที่ชูเซี่ยเดินเหินก็สะดวกยิ่งนัก
ตอนที่องค์หญิงอวิ๋นซึนเสด็จมาถึง จุเก๋อหมิงกำลังช่วยชูเซี่ยฝังเข็มอยู่ภายในห้อง
อาหมั่นให้องค์หญิงทรงรออยู่ที่ลานกว้างหน้าห้องก่อนเพื่อให้เขาได้เข้าไปขออนุญาตนายหญิงของตนสักคำ
“นายหญิง องค์หญิงแคว้นหนานจ้าวทรงเสร็จมาหาท่านขอรับ” อาหมั่นแจ้งทันทีที่เข้าห้อง
ชูเซี่ยตะลึงงันไป “องค์หญิงอวิ๋นซึน?”
“ขอรับ ยามนี้พระองค์ทรงรออยู่ข้างนอก หากนายหญิงไม่อยากพบข้าจะให้พระองค์เสด็จกลับไป”
ชูเซี่ยขอให้จูเก๋อหมิงช่วยพยุงนางลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ “ในเมื่อคนก็เดินทางมาถึงนี่แล้วจะไม่ให้พบได้อย่างไรกัน เรียกนางเข้ามาเถิด”
“ขอรับ!” อาหมั่นรับคำแล้วเดินออกไปทันที
จูเก๋อหมิงเอ่ยอย่างประหลาดใจนัก “องค์หญิงอวิ๋นซึนผู้นี้เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงวันนี้เองไม่ใช่หรือ เหตุใดนางจึงเดินทางมาหาเจ้าเล่า แล้วเหตุใดนางจึงรู้ได้ว่าเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่?”
ชูเซี่ยเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา ดูท่าการมาเยือนขององค์หญิงผู้นี้คงไม่ใช่เรื่องดี
“คงไม่ได้มาดีหรอก!” ชูเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
จูเก๋อหมิงเก็บเข็มทองเข้าห่อผ้าเรียบร้อยก่อนจะเดินลงมานั่งข้างกายนาง
ยามที่จูเก๋อหมิงเห็นรูปโฉมขององค์หญิงอวิ๋นซึนที่เสด็จตามเหลียงหม่านเข้ามาร่างทั้งร่างของเขาก็แข็งค้าง
“ฉ่ายเวิน?”
ชูเซี่ยได้ยินเสียงของจูเก๋อหมิงก็หน้าถอดสี ฉ่ายเวิน?
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” ชูเซี่ยเอ่ยถาม
จุเก๋อหมิงมองใบหน้ายิ้มแย้มขององค์หญิงอวิ๋นซึนอย่างพิจารณา “ใบหน้านางเหมือนฉ่ายเวินมากเหลือเกิน”
“ใต้หล้านี้จะมีผู้ใดมีใบหน้าเหมือนกันได้เล่า” ชูเซี่ยยิ้มทั้งที่ในใจของนางบังเกิดความกังวลขึ้นมา
อาหมั่นเดินมาข้างกายชูเซี่ยก่อนจะเอ่ย “นายหญิง องค์หญิงเสด็จแล้ว”
จูเก๋อหมิงพยุงร่างบอบบางของชูเซี่ยอย่างก่อนจะค่อยๆค้อมกายพร้อมกัน “ถวายบังคมองค์หญิง!”
องค์หญิงอวิ๋นซึนสวมใส่อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ทั้งร่าง กระโปรงของชุดลากยาวไปถึงหลัง เส้นผมสีดำสนิทยาวจนถึงกลางหลังโดยที่ไม่ได้มวยผมเอาไว้ ทำเพียงรัดผ้ารวบไว้หลวมๆเท่านั้น
องค์หญิงแย้มสรวลและมองมาทางชูเซี่ย “ท่านหมอชูไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นมานั่งเถิด!”
“เพคะองค์หญิง” ชูเซี่ยถูกน้ำเสียงของอีกฝ่ายทำให้ตื่นตระหนกไปหมด แม้ว่านางจะไม่เห็นรูปโฉมของอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงเช่นนี้ เหมือนเหลือเกิน
“เสี่ยวหลาน นำของมาเร็วเข้า!” องค์หญิงอวิ๋นซึนรับสั่ง
นางกำนัลผู้หนึ่งก้าวมาข้างหน้าพร้อมกล่องในมือ นางกวาดตามองไปรอบๆห้องก็พบว่าไม่มีที่ใดให้นางวางของลงได้เลยจึงถือไว้ต่อไป
จูเก่อหมิงหันไปพยักหน้าให้ว่านเหลียงเล็กน้อย ว่านเหลียงจึงก้าวเข้ามาและรับหีบนั่นไว้ “ขอบพระทัยองค์หญิง”
ชูเซี่ยจึงกล่าว “องค์หญิงทรงเกรงพระทัยกันเกินไปแล้วเพคะ”
องค์หญิงอวิ๋นซึนจ้องมองใบหน้าของชูเซี่ยก่อนจะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น “ดวงตาของท่านหมอชูเป็นอะไรไปหรือ”
“มองไม่เห็นเพคะ” ชูเซี่ยทูลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
องค์หญิงทรงสรวจออกมาเบาๆ “อ้อ ตาบอดแล้วหรือ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ท่านหมอชูมีวิชาแพทย์สูงส่งย่อมรักษาตนเองได้แน่”
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“ฉ่ายเวิน อาจารย์ของข้าอยู่ที่ไหน” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะปิดบังตัวตนของตนเอง เช่นนั้นนางเองก็ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน
องค์หญิงทรงแย้มสรวจแต่ครานี้ไปไม่ถึงดวงตา “พี่สาว อาจารย์ของท่านอยู่ที่ไหนข้าจะไปทราบได้อย่างไรเล่า หากไม่อยู่ก็เท่ากับว่าตาย ยังมีตัวเลือกอื่นนอกจากสองข้อนี้อีกหรือเจ้าคะ”
คราวนี้อาหมั่นเอ่ยขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “องค์หญิงอวิ๋นซึนผู้นี้ก็คือฉ่ายเวินงั้นหรือ”
องค์หญิงอวิ๋นซึนปรายพระเนตรมองเหลียงหม่านก่อนจะค่อยๆเอ่ยด้วยสีพระพักตร์ยิ้มแย้ม “คนของสำนักเฉาปังก็คงจะพบเรื่องราวต่างๆมามากมายน่าจะรู้ดียิ่งกว่าผู้ใด คนที่ตายไปแล้วอาจจะฟื้นคืนชีพมาได้ ส่วนคนที่เคยฟื้นคืนชีพมาได้ก็อาจจะกลับไปนอนในหลุมได้อีกครั้งเช่นกัน ในโลกนี้อะไรก็ล้วนไม่แน่นอน”
ชูเซี่ยขมวดคิ้วแน่น ผู้อื่นอาจจะฟังความนัยของนางไม่ออก แต่ชูเซี่ยรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายความเช่นไร
ฉ่ายเวินคือผู้ที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพ ส่วนนางคือคนที่ฟื้นคืนชีพแล้วสมควรกลับไปอยู่ในหลุมอย่างไรเล่า
คราวนี้หญิงสาวตรงหน้านางไม่คิดจะกักเก็บความแค้นไว้ในใจของตนเองอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว นางตั้งใจประกาศอย่างชัดเจนว่ากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้แค้น
ชูเซี่ยออกคำสั่งเสียงเด็ดขาดทันทื “เด็กๆ เชิญองค์หญิงเสด็จกลับ ข้าต้องการพักผ่อน”
อาหมั่นได้ยินเช่นนั้นก็รับคำทันที “องค์หญิง เชิญเสด็จพะย่ะค่ะ!”
องค์หญิงอวิ๋นซึนไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไร นางยังคงแย้มยิ้มงดงามเช่นเดิมก่อนจะย่างกรายมาตรงหน้าชูเซี่ยแต่ก็ถูกจูเก๋
อหมิงก้าวมาขวางไว้เสียก่อน “เจ้าคิดจะทำอะไร”
รอยยิ้มยังคงงดงามดุจเดิม “กลัวอะไรกัน คิดว่าข้าจะทำร้ายนางงั้นหรือ แค่หญิงตาบอดคนหนึ่งไม่คุ้มค่าที่องค์หญิงอย่างข้าจะลงมือหรอกนะ”
ก่อนที่นางจะจ้องมองมาที่ชูเซี่ยนิ่งๆและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นอย่างไม่ปิดบัง “ชูเซี่ย ความแค้นระหว่างเจ้ากับข้า บัญชีความแค้นทั้งหมดของเราอย่างไรเสียก็ต้องสะสางอยู่ดี เจ้าก็รอเถิด ข้าจะต้องกลับมาหาเจ้าอีกแน่”
กล่าวจบนางก็ยิ้มเย็นและเดินกลับออกไป
“ช้าก่อน” จูเก๋อหมิงรั้งนางไว้ก่อนจะยืนหีบคืนนางไป “เอากระดูกของเจ้ากลับไปเสียด้วย กระดูกของหญิงชั่วช้าพรรคนั้นพวกเราไม่อยากเก็บไว้ให้เป็นเสนียดนักหรอก”
คราวนี้องค์หญิงอวิ๋นซึนถึงกับพระพักตร์เขียวคล้ำ “กลับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...