ตอน ตอนที่ 267 เหมือนกัน จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 267 เหมือนกัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 267 เหมือนกัน
ทันทีที่องค์หญิงอวิ๋นซึนเสด็จกลับไป จูเก๋อหมิงก็รีบหันมากล่าวกับอาหมั่น “อาหมั่น รีบไปแจ้งแก่ท่านอ๋องว่าองค์หญิงอวิ๋นซึนก็คือฉ่ายเวิน”
“ขอรับ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
ตกค่ำหลี่อหยุนกางก็รีบร้อนมาที่สำนักเฉาปังทันที เมื่อได้ยินจากจูเก๋อหมิงว่าองค์หญิงอวิ๋นซึนก็คือฉ่ายเวินสีหน้าก็ตกตะลึง
“ไม่ได้แล้ว หากปล่อยให้ฉ่ายเวินอยู่ในวังหลังย่อมไม่ดีต่อฝ่าบาทและไทเฮาแน่” หลี่อหยุนกางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“แต่ว่ายามนี้นางเป็นถึงองค์หญิงอวิ๋นซึน ฝ่าบาทก็ทรงถ่ายทอดราชโองการแล้วว่าจะมีการจัดพิธีในอีกสามวันข้างหน้า” หลี่อหยุนกางรู้สึกสับสนยิ่งนัก เขานึกไม่ถึงจริงๆว่าฉ่ายเวินจะยังมีชีวิตอยู่และกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
“แต่งตั้งให้นางเป็นกุ้ยเฟยงั้นหรือ” จูเก๋อหมิงเอ่ยถาม
“ไม่ผิด” หลี่อหยุนกางกัดฟัน “เพื่อความสันติของสองแคว้น ฝ่าบาทไม่อาจไม่แต่งตั้งให้นางเป็นกุ้ยเฟยได้ แต่ว่านึกไม่ถึงจริงๆว่าหลี่อวี๋นหลี่และแคว้นหนานจ้าวจะสมรู้ร่วมคิดกัน ฉ่ายเวินในยามนี้นางร่วมกันกับหลี่อวี๋นหลี่เพื่อมาโค่นล้มบัลลังก์ของเฉินเย่น นางเข้าวัง
ครั้งนี้ในวังย่อมไม่อาจอยู่ได้อย่างสงบสุขอีกต่อไป”
ชูเซี่ยเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้เหลือเกิน
เก่อเอ๋อกลับมาแก้แค้นกับนางก็ช่างมันเถิด แต่การที่อีกฝ่ายร่วมมือกับหลี่อวี๋นหลี่เพื่อแย่งชิงบัลลังก์นั้น เช่นนั้นนางก็ต้องลงมือกับเฉินเย่นด้วยเช่นกัน หากเกิดเรื่องกับฝ่าบาทผู้ควบคุมวังหลังจะกลายเป็นผู้ใดได้เล่าหากไม่ใช่นางเพราะยามนี้ไทเฮาก็ทรงประชวรหนักอยู่เช่นนี้
อีกทั้งเรื่องที่ชูเซี่ยกังวลยิ่งกว่าก็คือหากเกิดเรื่องขึ้นกับเฉินเย่นแล้วชีวิตของไทเฮาเล่า ไหนจะเด็กแฝดของนางที่อยู่ในวังนั่นอีก ฉ่ายเวินย่อมไม่ยอมปล่อยพวกเขาไว้แน่
หรือว่านี่คือเป้าหมายของพวกเขา?
ที่หลี่อวี๋นหลี่สมคบคิดกับแคว้นหนานจ้าวและแต่งตั้งฉ่ายเวินเป็นองค์หญิงทั้งยังให้อภิเษกสานสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้น หากไม่ได้วางแผนโค่นล้มบัลลังก์จะเป็นอื่นใดไปได้
ไม่ได้ วังหลวงจำเป็นต้องมีฮองเฮา มิฉะนั้นผู้ใดก็ไม่อาจต่อกรกับฉ่ายเวินได้
นึกถึงตรงนี้นางก็หันไปถามอาหมั่น “อาหมั่น ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคมังกรเหินมีเพียงฮองเฮาและไทเฮาเท่านั้นใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วขอรับ!” อาหมั่นไม่รู้ว่านายหญิงเหตุใดจึงถามเช่นนี้ ทั้งๆที่ตัวนางเองย่อมรู้ดีกว่าใคร
“ในเมื่อทุกคนต่างก็รังเกียจที่ข้าเคยเป็นกุ้ยเฟยของอดีตฮ่องเต้มาก่อน เช่นนั้นหากข้าอาศัยตำแหน่งของหัวหน้าพรรคมังกรเหินถวายตัวเข้าวังเล่า?”
อาหมั่นถึงกับตะลึง “เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ขอรับ แต่ทว่าขุนนางมีนับร้อยย่อมมีเสียงคัดค้านแน่”
“ใช่แล้ว ทุกคนต่างก็ทราบว่าเจ้าเคยเป็นสนมของอดีตฮ่องเต้มาก่อน” หลี่อหยุนกางเอ่ยอย่างไม่สบอารมรือย่างยิ่ง
อาหมั่นโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “แต่ถ้าหากว่านายหญิงต้องการเช่นนั้นจริงๆพวกขุนนางเหล่านั้นก็ไม่มีสิทธิค้านหรอกขอรับ เพียงแต่หากได้ราชโองการของไทเฮาผู้ก่อตั้งพรรคมาไว้ในมือก็ไม่แน่ขอรับ”
“ราชโองการของผู้ก่อตั้ง” ชูเซี่ยไม่เคยได้ยินมาก่อน “ราชโองการของไทเฮาผู้ก่อตั้งพรรคงั้นหรือ”
“ขอรับ ไทเฮาผู้ก่อตั้งพรรคมังกรเหินเคยร่างราชโองการไว้ฉบับหนึ่งเพื่อไว้สำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ ขอเพียงแค่มีโองการนี้อยู่ในมือ ต่อให้นายหญิงจะเคยมีตำแหน่งหรือฐานะอะไรมาก่อนก็สามารถเข้าวังได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าในวังมีฮองเฮาอยู่ก่อนแล้วก็ต้องสละตำแหน่งให้นายหญิงขอรับ”
“ร้ายกาจถึงเพียงนี้เลยหรือ” จูเก๋อหมิงกล่าวด้วยสีหน้าสงสัย
เหลียงหมั่นจึงอธิบายต่อไป “นี่ก็คืออำนาจลึกลับของพรรคมังกรเหินเราขอรับ สำหรับวังหลวงแล้วพรรคมังกรเหินนับว่ามีอำนาจไม่น้อยเลยทีเดียว กล่าวได้ว่าหากหัวหน้าพรรคมังกรเหินต้องการอภิเษกสมรสกับฮ่องเต้แล้วล่ะก้ต่อให้เป็นไทเฮาเองก็จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของนาง ดังนั้นหากว่านายหญิงอยากใช้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคมังกรเหินอภิเษกกับฝ่าบาทแล้วล่ะก็ต่อให้ท่านเคยเป็นพระสนมของอดีตฮ่องเต้มาก่อนก็ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านท่านอย่างแน่นอน”
“แต่ว่าทำอย่างไรจึงจะได้ราชโองการฉบับนี้มาเล่า” จูเก๋อหมิงเอ่ยถาม
“ราชโองการของไทเฮาผู้ก่อตั้งอยู่ที่สุสานหลวงขอรับ หากว่าอยากได้มันมาก็จำเป็นต้องเข้าไปในสุสานหลวง แต่นั้นก็เท่ากับ
ทำผิดอาญาเบื้องสูงเลยทีเดียว” อมาหมั่นกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว” จูเก๋อหมิงพยักหน้าช้าๆก่อนจะหันมาหาชูเซี่ย “เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าจะกลับเข้าวังจริงๆใช่หรือไม่”
“ข้าจำเป็นต้องกลับเข้าไปเพราะลูกๆของข้าอยู่ในวัง ข้าไม่มีทางเปิดโอกาสให้ฉ่ายเวินทำร้ายพวกเขาแน่”
“ดี เช่นนั้นเปิ่นหวางจะรีบไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทบอกเรื่องราวทั้งหมดคาดว่าพระองค์ต้องดีพระทัยมากเป็นแน่” หลี่อหยุนกางเอ่ยอย่างยินดีไม่แพ้กัน
“ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่องราวร้ายแรงที่ยังไม่เกิดให้เขาฟังนะเจ้าคะ ท่านบอกเพียงแค่ว่าข้าต้องการเข้าวังเพื่อรักษาตัวก็พอเจ้าค่ะ”
“วางใจเถิด เปิ่นหวางรู้ว่าต้องทำเช่นไร” หลี่อหยุนกางรับปาก
กล่าวจบหลี่อหยุนกางก็หันหลังจากไปทันที
ชูเซี่ยขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก ระยะนี้เกิดเรื่องราวมากมายเหลือเกินพาลให้ผู้คนวุ่นวายไปหมด
“แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดทบทวนเสียหน่อย” ชูเซี่ยกล่าวออกมา
อาหมั่นก็กล่าวขึ้น “เช่นนั้นคืนนี้ข้าน้อยจะขอกลับไปที่พรรคเสียหน่อยเพื่อสังการคนให้เตรียมพร้อมรับมือนะขอรับ”
ชูเซี่ยรับคำ “ไปเถิด!”
จูเก๋อหมิงมอบหมายว่าเหลียงให้ดูแลชูเซี่ยอย่างเข้มงวด “พวกเจ้าดูแลนายหญิงของตนให้ ข้าเองก็จะกลับแล้ว”
“จูเก๋อ” ชูเซี่ยร้องเรียกอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยถามอย่างลังเล “เรื่องของฉ่ายเวิน เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
“เจ้าหมายถึงเรื่องที่นางนำกระดูกของตนเองมาทั้งใบหน้าของนางยังเหมือนเดิมไม่มีผิดใช่หรือไม่” จูเก๋อหมิงรู้ว่านางต้องการถามเช่นนี้
“ใช่แล้ว หากว่าวิญญาณของนางเข้าไปสิงร่างใหม่ นางก็ป็นเพียงดวงวิญญาณที่สิงอยู่ในร่างผู้อื่นเท่านั้น ใต้หล้านี้จะมีเรื่องบังเอิญถึงขั้นมีคนที่รูปโฉมเหมือนกันราวกับถอดพิมพ์เดียวกันมาเช่นนี้ด้วยหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...