ตอนที่274 พันธมิตร
เสียงระฆังหน้าตำหนังดังขึ้น เป็นเสียงที่ไทเจียนมาตีเป็นเสียงเรียกให้ขุนนางทุกท่านเข้าตำหนักได้
เสียงระฆังดังขึ้นก็ได้ยินเสียงลู่จ่งก่วนพูดดังขึ้นมาว่า: “เชิญขุนนางทุกท่านเข้าตำหนักได้!”
พอลู่จ่งก่วนพูดเสร็จก็เห็นว่าหลี่ฉางอันหยิบขลุ่ยขึ้นมาเป่าเหมือนเป็นเสียงเรียกให้ทุกคนมารวมกัน
ทหารเฟยหลงเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็วเป็นภาพที่เหลียงกุยทั้งชีวิตนี้พึ่งเคยเห็นครั้งแรก
อย่าบอกแต่เหลียงกุยเลยแม้กระทั่งขุนนางในที่นี้ก็ยังไม่เคยเห็นการรวมพลเช่นนี้
นอกจากทหารเฟยหลงที่อยู่หน้าตำหนักจะวิ่งไปก็มีทหารนายอื่นเหมือนบินลงมาจากท้องฟ้า
เหมือนทหารที่ลงมาจากสวรรค์ พวกเขาลงมาจากบนฟ้าทุกคนมีกระบ่องธนูพอมายืนกันอยู่ที่หน้าตำหนักก็มีลมพัดมาท่าทางที่เท่หล่อเหลา พวกเขาดูดีมาก
พอพวกเขายืนกับที่ก็ไม่ขยับเลยทุกคนยืนเป็นแถวเป็นระเบียบ
พระอาทิตย์ที่สาดส่องมากระทบกับเกราะสีทองและมีแสงสะท้อนออกมาทำให้คนที่เห็นอึ้งตกตะลึงกับภาพที่เห็นทีเดียวเลย
เหลียงกุยอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง“นี้เป็นไปได้อย่างไร?”
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ลู่จ่งก่วนก็พูดต่อว่า: “ขุนนางทุกคน เชิญเสด็จหัวหน้าพรรคมังกรเหิน!”
เห็นทางอีกฝั่งมีคนขบวนหนึ่งเดินมา
พอเดินมาถึงด้านหน้าก็มีเชียนซาน นางใส่ชุดดำมัดผมรวบตึง สะอาดสีหน้าดุดัน
คนด้านหลังเชียนซานก็ใส่ชุดยาวปักลายหงส์สีดำเทามีปักลายสัญลักษณ์พรรคมังกรเหิน ชุดนนี้เป็นชุดที่มาประชุมเป็นชุดที่ไทจูสั่งทำไว้ หวัหน้าพรรคมังกรเหินทุกคนที่ผ่านมาก็มีชุดแบบนี้กันหมดทุกคน แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนจะต้องแยกชุดแบบนี้ออก ชุดหัวหน้าพรรคมังกรเหินจะเหมือนกับชุดของพระญาติฮ่องเต้ มีปักลายมังกรแต่มีแค่สีนิ้วแต่ของฮ่องเต้จะมีห้านิ้ว
เวิ่นอร่เดินมาท่ามกลางการคุ้มครองของทหารเฟยหลง นางเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ บนหัวใส่มงกุฎนกยูงสูงสง่าและสาดส่องมีแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเครื่องประดับนางหรือว่าเป็นเพราะวันนี้นางดูสง่างามมากถึงทำให้คนดูไม่ออกคนด้านหน้านี้ก็คือหมอชูเซี่ยที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน
เวินอี้เดินไปถึงข้างๆเหลียงกุยและเขาก็เดินถอยหลังให้นางจากนั้นเขาก็ก้มหัวให้นาง
ชูเซี่ยเดินผ่านเขาไปช้าๆ รองเท้าผ้าปักลายดอกไม้โบตั๋นสีทองเหยียบลงที่บันไดหินอ่อนอย่างช้าๆ ถึงแม้ท่าเดินจะเบาแต่ก็ทำให้คนหวาดกลัวได้
ขุนนางเดินตามนางเข้าตำหนัก เบื้องบนก็มีหลี่เฉินเย่นนั่งอยู่
ตั้งแต่ชูเซี่ยเข้าตำหนักมาสายตาเขาก็จับจ้องแต่ชูเซี่ยไม่ห่าง
เขาไม่เคยเห็นนางใส่ชุดเช่นนี้เลย นางก็เป็นเหมือนไข่มุกในทะเลที่ส่องแสงสว่างที่สุดและทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาจากนางได้
ขุนนางต่างคุกเข่ากราบไหว้เบื้องบน ชูเซี่ยเดินเข้าไปถึในตำหนักก็คุกเข่าลง“หัวหน้าพรรคมังกรเหินชูเซี่ย ทำความเคารพฮ่องเต้ ฮ่องเต้ ทรงพระเจริญ หมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”
หัวหน้าพรรคมังกรเหินคุกเข่าทำเอาสีหน้าเหลียงกุยซีดเซียว
ถึงแม้จะรู้ว่าคนของพรรคมังกรเหินจะภัคดีต่อพระราชวงค์แต่พรรคมังกรเหินก็อยู่ด้านหลังตลอดในที่มืดไม่ออกมา
แต่ตอนนี้ชูเซี่ยกลับเดินออกมาจากที่มืดมาถึงที่ตำหนักเลย ทำท่าขุนนางเคารพหลี่เฉินเย่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า พรรคมังกรเหินมีหลี่เฉินเย่นที่สามารถออกคำสั่งได้
หลี่เฉินเย่นพูด: “หัวหน้าลุกขึ้นได้ เชิญนั่ง!”
“ขอบพระทัยฮ่องเต้!”ชูเซี่ยมีเชียนซานพยุงลุกขึ้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้นี้เป็นที่นั่งของหัวหน้าพรรคมังกรเหิน
เหลียงกุยเก็นบรรยากาศเช่นนี้ในใจก็เกิดกลัวขึ้นมา เขารู้ว่าถ้าเกิดเขาไม่หยุดฮ่องเต้ปลองดองกับพรรคมังกรเหิน ตระกูลเขาต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน
พอคิดได้ถึงตรงนี้เขาก็พูดขึ้นมาว่า: “ฮ่องเต้ หัวหน้าพรรคมังกรเหินเคยเป็นหวงกุ้ยเฟยของฮ่องเต้องค์ก่อน ถ้าสถาปนานางให้เป้นฮองเฮา ต้องได้รับพระราชองค์การจากไทจูด้วย พระราชอค์การไทจูอยู่ที่สุสาน ถ้าเชิญมาจะทำให้ไทจูพักผ่อนไม่ได้ขอฮ่องเต้ทรงตัดสินใจดีๆ”
หลี่ฉางอันพูดขึ้นมาว่า: “ท่านเหลียงเขาคิดมารอบคอบ ขอบคุณท่านเหลียงที่หวังดีแต่ว่าหัวหน้าไม่ได้ตัดสินใจจะเข้าวังมาเป็นฮองเฮา นางแค่เข้าวังมาพักและดูแลเรื่องตราประทับ”
แค่เข้าวังมาดูแลตราประทับ?จางเซียนฮุยกับเหลียงกุยเริ่มไม่พอใจ คนผู้นี้พูดง่ายมากต้องรู้ว่าคนที่มาดูแลตราประทับก็เปรียบเมือนเป็นตำแหน่งฮองเฮาและนางเป้นแค่หัวหน้าพรรคมังกรเหินไม่ใช่ฮองเฮา
“นี้เป็นไปได้ยังไง?”เหลียงกุยโต้ตอบ
หลี่ฉางอันยิ้มแห้งๆ“ไม่ได้เหรอ?ได้ยินว่าวี่สื่อต้าฟูรู้เรื่องกฎหมายเยอะ น่าจะรู้ว่ากฎหมายหน้าหนึ่งข้อหนึ่งเขียนว่าไม่ต้องได้รับอนุญาติจากฮ่องเต้และสามารถมาพักที่หลังวังได้?”
“แล้วยังไง?เมื่อก่อนหัวหน้าพรรคมังกรเหินก็มีแต่ฮองเฮาและหวงไทเฮาที่สามารถประทับที่หลังวังได้”เหลียงกุยที่จริงในใจก็รู้ว่าหัวหน้าพรรคมังกรเหินสามารถเข้าวังมาพักได้และสามารถดูแลตราประทับได้ ไทจูเคยสั่งไว้แต่เป็นเรื่องของเมื่อก่อนแล้วก็ไม่มีใครจำได้?ถึงแม้จำได้พระราชองค์การของไทจูคงหายไปนานแล้ว
ราชวงค์องค์ก่อน ห้องเก็บหนังสือสำคัญเคยมีไฟไหม้เผาพระราชโองการไปหลายฉบับเหมือนกัน ฉบับไทจูนั้นก็อยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน
จางซือคงพูดขึ้นมา: “ท่านเหลียง ไทจูเคยรับสั่งไว้ก็ป้องกันเรื่องนี้ไว้ หัวหน้าพรรคมังกรเหินไม่จำเป็นต้องเป็นตำแหน่งฮองเฮาก็สามารถเข้าวังมาดูแลตราประทับได้”
เหลียงกุยมองจางซือคงและพูดตอบโต้ว่า: “เจ้าบอกว่าไทจูเคยรับสั่งไว้ไหนล่ะพระราชโองการ”
นางซือคงพูด: “พระราชโองการไทจูโดนเผาไปแล้วในห้องเก็บหนังสือสำคัญ คงไม่มีแล้ว?แต่ว่าพระราชโองการเป็นของจริงไม่เชื่อก็ถามขุนนางอื่นๆได้ พวกเขาน่าจะจำได้”
“จำได้?”จางเซียนฮุยหัวเราะ “น่าหัวเราะจริงๆ สมัยไทจูห่างกันกี่ปีแล้ว?ขุนนางที่ดูแลไทจูตายไปแล้วกี่คนคนที่อยู่ที่นี้ไม่เคยดูแลไทจูเลย ถามพวกเขา นอกจากจะพูดเปล่าๆแต่พวกเขาไม่มีหลักฐานอะไรเลย?”
“ก็ใช่น่ะสิ?”เหลียงกุยพูดขึ้น
จางซือคงโมโหจนตัวสั่นเทา“จะเอาหลักฐานมาได้อย่างไร?นี้เป็นเรื่องที่ทุกคนก็รู้นี่เจ้าจะเอาพระราชโองการให้ได้ เข้าบ้าไปแล้วหรือไง?”
“เรื่องที่ทุกคนก็รู้?น่าจะไม่ใช่มั้ง?”เหลียงกุยพูดอย่างกวนๆและมองไปที่ขุนนางทุกคน “แบบนี้สิพวกเรามาแบ่งให้เสมอกันคนที่เคยได้ยินและไม่เคยได้ยินแบ่งเป็นสองฝ่าย”
พูดจบ เขาก็ยืนออกมาเองก่อน
หลี่เฉินเย่นมองชูเซี่ย บรรยากาศเช่นนี้พวกเขาคิดมาแล้ว เหลียงกุยพวกเขาต้องห้ามไม่ไห้นางมาดูแลประทับตรานี้แน่นอน
เหลียงกุยก็พูดและตอบโต้ไม่ให้นางเข้าวังเพราะว่านางเข้าวังก็จะได้ดูแลเรื่องหลังวังถ้าเช่นนั้น พวกเขาลูกสาวของพวกเขาก็ต้องเคารพนางสิ
และตอนนี้ไม่ใช่ฮ่องเต้ฮองเฮารับมือกันแต่เป้นฮ่องเต้กับพรรคมังกรเหินที่รับมือกัน แค่นี้พวกเขาก็กลัวแล้ว
หลี่เฉินเย่นครองราชย์แล้วห้าปี ในราชการมีขุนนางที่อยู่ข้างเขาไม่เยอะและหลี่เฉินเย่นก็ใช้โอกาสนี้มีคนไหนบ้างที่ภัคดีต่อเขาจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...