ตอนที่275 หนึ่งอย่างสองฉบับ
เพราะว่ามีสองฝั่งให้เลือกเป็ยฝ่ายที่เคยได้ยินและไม่เคยได้ยิน ดังนั้นขุนนางในนนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องอยู่ฝั่งไหน
เคยได้ยินก็คือได้ยินคนที่ไม่เคยได้ยินก็ไม่ได้ยินนี้มันจะใข้ตัดสินได้อย่างไร
แคว้นเหลียงประชุมเช้ายศสูงเจ็ดผิ่นต้องเข้าประชุมทุกคน
คนที่สี่ผิ่นขึ้นไปก็เข้ามาและฟังเรื่องประชุมและที่เหลือก็อยู่ด้านนอกตำหนักมีเรื่องจะถวายถึงจะเข้ามาได้
แต่การโหวตแบบนี้ก็ต้องมีขุนนางทุกคนที่มาในวันนี้มาร่วมโหวต
ห้าร้อยกว่าขุนนางบ่างแยกเป็นสองฝั่งและยาวไปตลอดทางเดินจนถึงบันได
และขุนนางที่ยืนข้างเหลียงกุยก็มีขุนนางเยอะมากดูไปก็รู้แล้วว่าเยอะกว่าซือคงจางประมาณสิบคน
เหลียงกุยเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มหัวเราะขึ้นมา หลายปีมานี้พวกเขาก็ลากคนเข้ามาในราชการตลอดตอนนี้เขาต้องก็ยืมกำลังของคนพวกนี้
และที่ทำให้เขาชอบใจก็คือขนาดท่ายเว่ยเหลียงกวางเสียงยังมายืนฝั่งพวกเขา
เขาพูดเยาะเย้ยว่า: “ฮ่องเต้ นับคนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เฉินเย่นก็ปัดมือไปทางลู่จ่งก่วน จากนั้นเขาก็ทำความเคารพ
แค่นับคนก็เสียเวลาไปแล้วครึ่งชั่วโมง
สุดท้ายลู่จ่งก่วนเข้ามาและพูดว่า: “ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ ฝั่งทางท่านเหลียงมีสองร้อยเจ็ดสิบสามคนและท่านซือคงจางมีสองร้อยห้าสิบเจ็ดคนพ่ะย่ะค่ะ”
เหลียงกุยคุกเข่าลง“ฮ่องเต้ เห็นแล้วว่าในที่นี้มีคนเยอะมากที่ไม่เคยได้ยิน หัวหน้าพรรคมังกรเหินสูงสง่าก็จริงมีตำแหน่งสูงแต่ว่าตำแหน่งนี้จะมีมากกว่าอำนาจราชวงค์และไม่สามารถมาดูแลตราประทับแทนฮองเฮาได้ โปรดฮ่องเต้ทรงพิจารณา”
ท่านซือคงพูดต่อว่า: “ท่านเหลียง คนในนี้เคยได้ยินกว่าครึ่ง นี้พวกเขาคงไม่มาพูดมั่วหรอก คนสองคนเคยได้ยินก็สามารถบอกว่าพวกเขาเคยได้ยินมาผิด แต่สองร้อยคนขึ้นไปได้ยินแล้วจะนับเช่นไร?นี้แสดงว่าไทจูเคยมีรับสั่งเช่นนี้”
เหลียงกุยพูดต่อว่า“ท่านซือคงท่านนี้ตลกจริง บางครั้งคนก็พูดกันเป็นข่าวลือมีแค่คนเดียวที่ทำเป็นข่าวลือและพูดต่อๆไปก็ไม่รู้ว่าใครพูดแล้วมีแค่ข่าวลือเท่านั้น ท่านซือคงก็เชื่องั้นเหรอ?”
“นี้จะเป็นข่าวลือได้อย่างไร?เจ้าบอกว่าพระราชโองการไทจูเป็นแค่ข่าวลืองั้นเจ้าก็ไม่เคารพต่อไทจู”ท่านซือคงพูดออกไป เขาไม่เชื่อว่าคนที่ไปอยู่ทางฝั่งนั้นเขาไม่เคยได้ยิน พวกเขาก็แค่ไปตามเหลียงกุยเท่านั้น
เหลียงกุยยิ้มอย่างใจเย็นและพูดต่อว่า: “ขอแค่ท่านซือคงเอาพระราชโองการของไทจูมาได้ก็บอกได้ว่าข้ากำลังลบหลู่ไทจู ทำผิดมหัน ข้ายอมออกจากตำแหน่งนี้”
ชูเซี่ยกับหลี่เฉินเย่นดูและพูดใดๆพอได้ยินว่าเหลียงกุยจะยอมออกจากตำแหน่งในใจพวกเขาก็แอบดีใจ
แต่สองคนไม่พูดแต่ฟังที่พวกเขาพูดต่อไป สีหน้าหลี่เฉินเย่นเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย
ซือคงพูดต่อว่า: “ก็บอกแล้วไง?บอกว่าห้องเก็บหนังสือพระราชโองการโดนเผาไปแล้ว เผาพระราชโองการไปหลายฉบับ ในนั้นยังมีฉบับของไทจู เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ก็เอาพระราชโองการไม่ได้ ยังจะก่อตัว......”
จางเซียนฮุยพูดแทรกขึ้นมา“ท่านซือคง ต้องพูดดีนะครับ คำว่าก่อตัวสองคำนี้มีหลายความหมายนะครับ ถ้าท่านซือคงไม่ยอมรับกับผลโหวตนี้ ก็ได้ ท่านก็พูดสิว่าเราต้องแก้ไขกันอย่างไร พวกเราทำตามก็ได้”
ท่านซือคงพูดต่อว่า: “งั้นขอถามท่านจางกับท่านเหลียงว่าพวกท่านไม่เห็นด้วยกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคมังกรเหิน?”
เหลียงกุยพูดต่อ: “ข้าต้องยอมรับอยู่แล้วแต่ว่าก็เหมือนที่ข้าพูดแม้หัวหน้าพรรคมังกรเหินจะมีอำนาจเพียงใดก็ไม่สามารถมาเทียบเท่าตำแหน่งฮองเฮาได้และไม่สามารถใช้ตำแหน่งพรรคมังกรเหินมาดูแลตราประทับได้ นี้เป็นเรื่องที่ทำผิดกฎ”
“น่าขำสิ้นดี ในกฎระบุว่าหัวหน้าพรรคมังกรเหินยังมียศสูงกว่าฮองเฮาและไทเฮาเสียอีก”ท่านซือคงพูด
จางเซียนฮุยก็ตอบโต้ไปว่า: “ท่านซือคงพูดเรื่องทั้งหมดนี้มามันก็จริงอยู่แต่ว่าเมื่อก่อนก็มีแต่ฮองเฮาและไทเฮาที่เป็นตำแหน่งหัวหน้าพรรคมังกรเหินได้ มีตำแหน่งอยู่แล้วและบวกกับมีตำแหน่งหัวหน้าพรรคมังกรเหินก็เป็นคนที่ยศสูงที่สุดแล้วแต่ว่าหัวหน้าเวิ่นไม่ใช่ นางมีตำแหน่งเป็นหวงกุ้ยเฟยของฮ่องเต้องค์ก่อน ได้ทุกคนในนี้ก็ไม่ยอมรับข้อนี้รวมถึงหัวหน้าเวิ่นก็ไม่พูดถึงข้อนี้ งั้นหัวหน้าเวิ่นก็เป็นเพียงแค่หัวหน้าพรรคมังกรเหินไม่สามารถมียศสูงกว่าราชวงค์ได้และไม่สามารถมีสิทธิ์เทียบเท่าฮองเฮาได้”
ชูเซี่ยฟังถึงตรงนี้ก็หัวเราะและมองเหลียงกวางเวียงพูดว่า: “ท่านท่ายเว่ย ข้าเห็นท่านยืนอยู่ฝั่งวี่สื่อต้าฟู ข้าอยากฟังความคิดเห็นจากท่านหน่อย ท่านไม่รู้พระราชโองการนี้ของไทจูจริงเหรอ?”
เหลียงกวางเสียงเดินออกมาและพูดว่า: “ตอบหัวหน้า กระหม่อมไม่เคยได้ยินพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเป็นถึงคนแก่คนเก่าในพรรคมังกรเหิน เจ้าเคยได้รับหน้าที่ดูแลหนังสือจดหมายของพรรคมังกรเหินแต่กลับไม่รู้เรื่องนี้งั้นเหรอ?”ชูเซี่ยพูดอย่างเย็นชา
พอพูดเสร็จขุนนางทุกคนก็ตกตะลึง
เหลียงกวางเสียงเป็นคนของพรรคมังกรเหิน?ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เคยได้ยินเล่า?
เหลียงกุยมองเหลียงกวางเสียงถึงแม้เรื่องที่เหลียงกวางเสียงทำทั้งหมดนั้นก็เลยอยากเอาเรื่องนี้มาข่มขู่แต่ว่า เขารู้ว่าเหลียงกวางเสียงคนผู้นี้ไม่ควรไปยุ่งด้วยดังนั้นก็เลยไม่กล้าไปยุ่งกับเขา
คนผู้นี้เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันแน่?
ทำเอาคนงงกันหมด
เหลียงกวางเสียงพูดต่อว่า: “ตอบหัวหน้า ก็เป็นเพราะกระหม่อมเป็นคนเก่าคนแก่ของพรรคมังกรเหินก็เลยออกมาแสดงว่าไทจูไม่เคยออกพระราชโองการนี้”
หลี่ฉางอันยิ้มเย็นชา“ใช่เหรอ?เป็นถึงคนเก่าคนแก่ในพรรคมังกรเหินและยังได้ทำงานด้านหนังสือแต่กลับไม่รู้ว่ามีพระราชโองการฉบับนี้?”
เขายืนออกมาและดูสีหน้าขุนนางจากนั้นก็คุกเข่าลงช้าๆ“ฮ่องเต้ถ้ามีพระราชโองการจริงก็ต้องมีสองฉบับ หนึ่งฉบับส่งให้คนรับอีกฉบับก็เก็บไว้แต่เก็บไว้ที่ห้องเก็บหนังสือแต่ตอนนี้กลับโดนเผาไปแล้วแต่พรรคมังกรเหินยังคงเก็บเอาไว้ตลอด”
พูดจบก็เอาพระราชโองการฉบับนั้นออกมาส่งให้ลู่จ่งก่วนจากนั้นก็ส่งต่อให้หลี่เฉินเย่น
สีหน้าเหลียงกุยเปลี่ยนไปและรีบพูดว่า: “นี้เป็นไปได้อย่างไร?วันนั้นไทจูออกพระราชโองการแค่อ่านออกมาให้ทุกคนฟังจะมี......”
พอพูดถึงตรงนี้หลี่เฉินเย่นกับชูเซี่ยก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ในมือหลี่เฉินเย่นจับพระราชโองการไทจูเอาไว้มองดูสีหน้าของเหลียงกุย“ท่านเหลียงกุย เมื่อกี้ท่านบอกว่าไม่เคยได้ยินที่ไมจูออกพระราชโองการนี้”
เหลียงกุยหลุดปากพูดออกไป เขาไม่คิดว่าใช้วิธีนี้หลอกเขาพูดยอมรับ คิดแล้วพระราชโองการนั้นต้องเป็นของปลอมเป็นแผนการของพวกเขา
เขารีบคุกเข่าและพูดว่า: “ฝ่าบาท ที่กระหม่อมบอกว่าตอนไทจูออกพระราชโองการก็แค่อ่านให้ทุกคนฟังแต่ไม่ได้พูดถึงการครอบครองตราประทับ กระหม่อมหมายความว่าไทจูมีธรรมเนียมเช่นนี้ตลอดถึงแม้ว่าจะเป็นการประกาศเรื่องใหญ่แค่ไหนก็จะอ่านพระราชโองการในนี้นอกจากจะเกี่ยวข้องกับใคร ไม่งั้นจะไม่มีพระราชโองการสองฉบัแน่นอนดังนั้นกระหม่อมแน่ใจว่าถ้าไทจูเคยออกพระราชโองการนี้จริงที่พรรคมังกรเหินต้องไม่มีอีกฉบับแน่นอน”
“ก็หมายความว่า เจ้าไม่เชื่อว่าพระราชโองการนี้เป็นฉบับที่ทำขึ้นมาเองงั้นเหรอ?”หลี่เฉินเย่นถาม
เหลียงกุยมองหลี่ฉางอันและมองไปที่ชูเซี่ยจากนั้นก็พูดว่า: “กระหม่อมไปบังอาจพูดว่าปลอมหรือไม่ปลอม กระหม่อมรู้แค่ว่าพระราชโองการสองฉบับไม่ใช่เรื่องที่ไทจูชอบทำ ขอฝ่าบาททรงพิจารณา”
“ได้”หลี่เฉินเย่นเปิดพระราชโองการดูเขาดูอย่างละเอียดและส่งให้ลู่จ่งก่วน “วี่สื่อต้าฟูรู้จักตัวหนังสือของไทจูเอาลงไปให้เขาดูหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...