ตอนที่276 หยุดงานหนึ่งปี
ลู่จ่งก่วน(ก็คือลู่กงกง)ก้มตัวรับพระราชโองการมาเอาไว้ที่มือนำลงไปยื่นให้เหลียงกุย“ท่านเหลียง เชิญดูครับ”
เหลียงกุยอึ้ง เป็นไปได้อย่างไรที่มีพระราชโองการสองฉบับ?เป็นไปไม่ได้เขาดูอย่างละเอียด ไทจูมีการจดอย่างละเอียดว่าตอนไทจูออกพระราชโองการฉบับนี้เขาแค่ออกไปอ่านด้านหน้าตำหนัก อ่านจบก็เก็บไว้ที่ห้องเก็บหนังสือ ไม่เคยส่งให้พรรคมังกรเหินเลย
และที่จดบันทึกนั้นก็โดนไฟเผาไปแล้ว
และเหลียงกวางเสียงก็บอกว่าถึงแม้เขาจะมีหน้าที่ทำงานหนังสือของพรรคมังกรเหินแต่กลับไม่เคยเห็นพระราชโองการฉบับนี้
เขาเปิดออกมาช้าๆพอเห็นตราประทับไทจูสีหน้าเขาก็ซีดลงและดูตัวหนังสือ เขาก็เข่าอ่อนทรุดลงไปทันที
นี้เป็นตัวหนังสือไทจู ตอนนั้นเขาเคยจัดการเก็บพระราชโองการของไทจูและเขาก็ได้เห็นตัวหนังสือของไทจู เขาจำได้ชัดเจนมากนี้เป็นตัวหนังสือของไทจูจริงๆ
ถึงแม้ฮ่องเต้อยากปลอมขึ้นมาก็ทำได้ยากนอกจากจะสั่งคนทำนอกจากจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆก็จะมีฮ่องเต้เขียนเองและประทับตรา
ชูเซี่ยพูดขึ้นมา“วี่สื่อต้าฟู เป็นอย่างไรบ้าง?เป็นพระราชโองการของไทจูจริงหรือไม่?”
ปากเหลียงกุยสั่นขึ้นมา“นี้……นี้เป็นไปได้อย่างไร?”
หลี่ฉางอันทำเสียงไม่พอใจ“เจ้าคิดว่าเจ้ารู้หมดเหรอ?เจ้าผิดมหัน ตอนนั้นไทจูเพื่อยกย่องหัวหน้าพรรคมังกรเหิน ท่านได้ทรงเขียนขึ้นมาเองอีกฉบับและส่งฉบับนี้ให้พรรคมังกรเหินรักษาเอาไว้”
ตอนนี้เหลียงกุยนึกขึ้นได้ว่าถึงแม้เหลียงกวางเสียงจะยืนข้างเขาก็แค่จะมาหลอกล่อเขา
เขาก็รู้ได้ว่าเหลียงกวางเสียงเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร
สีหน้าหลี่เฉินเย่นเปลี่ยนไปและพูดว่า: “เหลียงกุย เจ้าอ่านพระราชโองการนั้นออกมาดังๆให้ทุกคนได้ยินบัดเดี๋ยวนี้!”
เหลียงกุยตัวสั่นไปทั้งตัวเขาคุกเข่าและไม่พูดอะไรอีก
เขาจำได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดว่าถ้าเอาหลักฐานออกมาได้เขายอมออกจากตำแหน่ง
ไม่เขาไม่สนแล้ว ฮ่องเต้เกลียดเขาอยู่แล้วถ้าเขาไม่รักษาตำแหน่งวี่สื่อต้าฟูไว้ ตระกูลเขาจบแน่
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็ร้องไห้และพูดว่า“ไทจู กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมเคยเห็นพระราชโองการท่านแต่กลับไม่เคยเห็นฉบับนี้ กระหม่อมผิดไปแล้ว……”
เขาร้องไห้ไปและคุกเข่าคำนับลงไปทำท่าให้ดูน่าสงสารที่สุด
จางเซียนฮุยก็คิดไม่ถึงเหมือนกันเขาอึ้งตกตะลึงสักพักถึงจะรู้สึกตัว เห็นว่าเหลียงกุยยอมรับพระราชโองการฉบับนั้นแล้วเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรและเขาก็เดินถอยกลับไปเข้าแถวนั้นเหมือนเดิม
หลี่เฉินเย่นมองดูสภาพเหลียงกุยตอนนี้ เขาไม่พูดขอโทษเลนเรื่องที่ขัดขวางชูเซี่ยเข้าวังแต่กลับขอโทษที่เขาไม่เห็นพระราชโองการฉบับนั้น
“ขอโทษงั้นเหรอ?ข้าว่าเจ้าจงใจมากกว่า เจ้าขัดขวางหัวหน้าพรรคมังกรเหินเข้ามาดูแลตราประทับ ยังจำสิ่งที่เจ้าพูดได้ไหม?ถ้าเอาหลักฐานออกมาได้ เจ้ายอมออกจากตำแหน่ง!”
หลี่เฉินเย่นพูดแรงมากเขาพูดหักหน้าเหลียงกุยเลย เหลียงกุยแค่อยากแสดงก็ไม่ได้
คนที่อยู่ข้างเหลียงกุยออกมาขอโทษกันหมด พวกเขารู้ว่าเหลียงกุยจะออกไม่ได้เพราะถ้าไม่มีเหลียงกุย พวกเขาก็ไม่มีคนให้พึ่งพา เมื่อกี้พวกเขายืนข้างเหลียงกุยหมด ฮ่องเต้ก็เห็นแล้ว ถ้าเหลียงกุยออก ฮ่องเต้ต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่
“ฝ่าบาท ท่านเหลียงอายุมากแล้ว น่าจะหลงๆลืมๆ ขอฝ่าบาททรงอภัยพ่ย่ะค่ะ”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ท่านเหลียงอายุมากแล้ว เขาเคยรับใช้ฮ่องเต้องค์ก่อน มีความดีมากมาย ขอฝ่าบาททรงเห็นแก่ที่เขาเคยรับใช้ชาติขนาดนี้ โปรดอภัยให้เขาด้วยเถอะ!”
“ฝ่าบาท ท่านเหลียงรับใช้ฝ่าบาทมานานขนาดห้าปีมานี้ก็ยังช่วยอย่างสุดแรง และกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงก็รับใช้ฝ่าบาทมานาน ขอฝ่าบาทเห็นแก่เหนียงเหนียงโปรดทรงอภัยให้เขาด้วย”
ซงอีเชียนเห็นขุนนางพวกนี้คุกเข่าอ้อนวอน ก็เกิดใจอ่อนขึ้นมา เหลียงกุยก็อยู่ตำแหน่งและรับใช้มานานครึ่งอายุของเขา คนผู้นี้จะจัดการเขาตอนนี้ไม่ได้ไม่เช่นนั้น ถ้าเขาอยู่ฝั่งซงอวีลี่ตำแหน่งฮ่องเต้เขาต้องตกเป็นของซงอวีลี่แน่นอน
พอคิดได้ความโกรธในใจก็ลดลงและเขาต้องอดทน
“ขุนนางจาง เจ้าพูดสิว่าจะจัดการยังไง?”หลี่เฉินเย่นมองดูจางเซียนฮุยและถามช้าๆ
จางเซียนฮุยก้มหัวและด่าพรึมพร่ำเบาๆว่า ฮ่องเต้ทรงเจ้าเลห์เสียจริง ทุกคนก็รู้ว่าเขากับเหลียงกุยสนิทกัน ถ้าเขาลงโทษเบาคนอื่นก็จะบอกว่าเขาเห็นแก่ความสัมพันธ์ ถ้าลงโทษหนัก เหลียงกุยต้องโกรธเขาแน่ ทั้งสองบ้านอาจจะไม่คุยกันเลยก็ได้
ดังนั้น การลงโทษนี้ทำเอาเขาคิดหนักมาก
ทุกคนมองไปที่เขาเป็นตาเดียว ขนาดชูเซี่ยยังมองเขา
จางเซียนฮุยคุกเข่าลงพื้น เหงื่อออกเต็มหน้าผาก เขาไม่กล้าเงยหน้ามองหลี่เฉินเย่นด้วยซ้ำ วันนี้เขารู้สึกว่าสายตาฮ่องเต้โหดมาก
เขาไม่ใจร้อนอย่างเหลียงกุยความจริงแล้วเขาเป็นคนทำอะไรก็ไต่ตรองและคิดให้ดีก่อนเสมอ แต่ว่าเขาก็ต้องเชื่อฟังเหลียงกุยบางครั้งเขาก็ต้องฟังที่เหลียงกุยพูด
เขารู้ว่าตัวเองออกจากตรงนี้ไม่ได้แล้ว ถึงฮ่องเต้ไม่ได้พูดว่าจะลงโทษเขาแต่ว่าให้เขาไปบอกว่าจะลงโทษเหลียงกุยสำหรับเขาแล้วก็ถือว่าเป็นการลงโทษเหมือนกัน?
สุดท้ายเขาก็พูดว่า: “ตอบฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าวี่สื่อต้าฟูทำผิดที่ไม่ทำงานตัวเองดีๆ กระหม่อมคิดว่าควรลดตำแหน่งวี่สื่อต้าฟูไปสามผิ่น ลดเงินเดือนหนึ่งปี”
ชูเซี่ยยิ้มอยากหัวเราะทำหน้าที่ผิดพูดผิดนี้ไม่ใช่ความผิดใหญ่เลย แค่ลดตำแหน่งก็ได้แล้วแต่ว่าทุกคนก็รู้ว่าเหลียงกุยไม่ได้บกพร่องต่อหน้าที่แต่เขาหมิ่นประมาทไทจูและไม่เคารพหัวหน้าพรรคมังกรเหินขัดขวางหัวหน้าพรรคมังกรเหินเข้าวัง ถ้าเอาจริงๆเขาสามารถออกจากตำแหน่งได้เลย
จางเซียนฮุยบอกว่าลดตำแหน่งก็ไม่ได้นึกถึงความสัมพันธ์ ตอนนี้วี่สื่อต้าฟูเป็นเจิ้งอีผิ่น ถ้าลดตำแหน่ง ก็แค่ตำแหน่งที่ลดลงแต่ยศก็ยังเป็นวี่สื่อต้าฟู
คิดถึงตรงนี้ ชูเซี่ยก็ลุกขึ้นมาและพูดว่า: “ฝ่าบาทขอหม่อมฉันพูดหน่อย วี่สื่อต้าฟูทำงานมานานก็สมเหตุสมผลที่จะลงโทษจากเบา ท่านจางพูดมานั้นก็รุนแรงไปงั้นเอาเช่นนี้ ลดตำแหน่งหนึ่งผิ่น หยุดงานหนึ่งปี ในหนึ่งปีห้ามเข้าประชุม ฮ่องเต้คิดเช่นไรเพค่ะ?”
เหลียงกุยเงยหน้าขึ้นมาและมองชูเซี่ยอย่างโกรธแค้น
ลดตำแหน่งแม้ว่าจะไม่น่าฟังแต่อย่างน้อยเขาก็สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ แต่ในหนึ่งปีนี้เขาไม่มีสิทธ์มาเข้าประชุมหรือเข้าราชการอะไรเลยและไม่สามารถช่วยฮ่องเต้ตัดสินใจได้อีก
และหลังจากหนึ่งปีจะเป็นยังไง?ใครจะไปรู้ ขุนนางพวกนี้ก็โง่อีก ถ้าหนึ่งปีนี้เขาเข้าประชุมไม่ได้ เขาเชื่อว่าคนที่อยู่ฝั่งเขาตอนนี้ต้องหายไปกว่าครึ่งแน่นอน
ชูเซี่ยช่างเจ้าเลห์เหลือเกิน
หลี่เฉินเย่นมองไปที่ฝ่ายทหารเฉินหยวนชิ่ง“ท่านเฉินคิดอย่างไรกับความเห็นของหัวหน้าเวิ่น?”
เฉินหยวนชิ่งวันนี้เขาไม่ได้พูดอะไรเลย ตอนที่เขายืนเขายืนอยู่ฝั่งของท่านซือคง
ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะปกป้องชูเซี่ย แต่เขารู้ว่าชูเซี่ยไม่เข้าวังมาพร้อมทหารเฟยหลงเช่นนี้ถ้าไม่ได้เตรียมตัวมา เขารู้ว่าชูเซี่ยต้องคิดมาอย่างดีแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปต่อต้าน
ตอนนี้หลี่เฉินเย่นถามเขาและเขาก็ตอบไปว่า: “ฝ่าบาท การบ่กพร่องต่อหน้าที่นี้ผิดจริง หัวหน้าเวิ่นพูดมาว่าหยุดงานหนึ่งปี ก็สมเหตุสมผลเหมือนกันแต่ว่างานของวี่สื่อต้าฟูสำคัญมากมีหลายเรื่องที่ยังขาดเขาไปไม่ได้ ถ้าหยุดงานเขาหนึ่งปี จะมีผลเสียต่อฝ่าบาท กระหม่อมว่า ลดเงินหนึ่งปี หยุดงานสามเดือนและลดตำแหน่งสองผิ่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า