ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 282

ตอนที่ 282 บรรยากาศตึงเครียด

หลายวันที่ผ่านมาเชียนซานไม่ได้เข้าวังเลยสักครั้งมาวันนี้นางกลับรีบร้อนเข้าวัง หญิงสาวเข้าไปในตำหนักของชูเซี่ยนานกว่าครึ่งชั่วยามก็ยังไม่ได้กลับออกมา

ท้ายที่สุดเชียนซานก็กระแทกประตูเปิดออกเสียงดังและกล่าวกับชูเซี่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าอยู่กับท่านมาหลายปี ปากท่านเอาแต่บอกว่าข้าเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งแต่การกระทำของท่านมันไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”

ชูเซี่ยยกมือนวดขมับของตนเองก่อนหันมามองเชียนซานด้วยแววตาเจ็บปวด “เจ้าจะพูดเช่นนี้ข้าก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แต่ทว่าเรื่องที่เจ้าขอร้องข้าข้าไม่อาจให้เจ้าได้จริงๆ ต่อให้เจ้าจะต่อว่าว่าข้าใจร้ายหรือเย็นชาอย่างไรก็เถอะ ข้าไม่อาจตอบตกลงได้จริงๆ”

เชียนซานโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำไปหมด “ดี ดี ในเวลาเช่นนี้จะให้ข้าคอยติดตามเจ้านายอย่างท่านไปก็คงเปล่าประโยชน์ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอถอนตัวออกจากพรรคมังกรเหินก็แล้วกัน”

“เชียนซาน ข้าอยากให้เจ้าคิดใตร่ตรองให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้อย่าได้ใช้อารมณ์เป็นอันขาด หลวี่หนิงก็ตายไปแล้ว ต่อให้ข้ารับปากเจ้าไปแล้วเจ้าจะแก้ไขอะไรได้เล่า”

“เขายังไม่ตาย เหตุใดท่านจึงใจดำถึงเพียงนี้ ท่านตั้งใจจะให้เขาตายให้ได้เลยใช่หรือไม่” เชียนซานตวาดลั่น

ภาพที่ทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่ในสายตาของว่านเหลียงและว่านเฉียงตลอดเวลา ว่านเหลียงทนไม่ได้จึงรีบร้อนก้าวเข้าไปห้ามทัพ “พี่เชียนซาน ท่านก็อย่าได้ทะเลาะกับนายหญิงอีกเลย หลายวันมานี้ทุกคนต่างก็พบเจอเรื่องวุ่นวายมากมาย ท่านเองก็ใจเย็นลงสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

เชียนซานไม่รับฟังและยังคงใช้อารมณ์เช่นเดิม “ใจเย็น? จะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไรกัน ข้าติดตามรับใช้นางมาหลายปี แม้จะไร้ความชอบแต่ข้าก็ทำหน้าที่อย่างดีมาโดยตลอด ข้าเพียงแค่ยืมกำลังคนของพรรคมังกรเหินขึ้นไปที่หลางฟงติ่งเพื่อช่วยเหลือหลวี่หนิงเท่านั้น นางกลับไม่ยอมตกลง เจ้านายแบบนี้จะให้ข้าติดตามรับใช้ต่อไปได้อย่างไรเล่า”

ว่านเหลียงนิ่งไป “ให้คนของพรรคมังกรเหินขึ้นไปที่เขาหลางฟงติ่งงั้นหรือ นี่มันไม่ค่อยจะถูกต้องนะเจ้าคะ ใต้เท้าหลวี่เองก็...”

“เขายังไม่ตาย เขายังไม่ตาย ต้องทำอย่างไรพวกเจ้าจึงจะยอมเชื่อ!” เชียนซานหันกลับมาตะคอดใส่ว่านเหลียงเสียงดัง

ว่านเฉียงเห็นท่าทางวู่วามของนางก็หันกลับมาหาว่านเหลียง “เจ้าพานายหญิงเข้าไปด้านในก่อนเถิด ข้ามีเรื่อวจะคุยกับพี่เชียนซานสักหน่อย”

ว่านเหลียงพยักหน้า “ข้าเป็นคนออกไปหลี่พี่เชียนซานเองดีกว่า ส่วนเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนนายหญิงเถิด”

ว่านเฉียงก็รับคำ “ก็ดี”

ว่านเฉียงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเชียนซาน “พี่เชียนซาน ท่านอย่าได้โมโหอีกเลย ข้าจะเดินไปส่งท่านเองนะเจ้าคะ”

เชียนซานเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่เปี่ยมไปด้วยโทสะจนว่านเหลียงต้องรีบวิ่งตามออกไป

ว่านเหลียงเห็นสีหน้าเชียนซานเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธก็รีบเอ่ย “พี่เชียนซาน เหตุใดท่านต้องหาเรื่องทะเลาะกับนายหญิงด้วยเล่า นางเองก็ไม่ได้ใจร้ายถึงเพียงนั้นเสียหน่อย เพียงแต่ช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเคลื่อนกำลังคนของพรรคก็เท่านั้น หากท่านใช้คนของพรรคมังกรเหินไปที่หุบเขาจนหมดแล้วจะมีใครคอยอยู่คุ้มครองนายหญิงและนายน้อยทั้งสองเล่า”

“ข้าก็ไม่ได้ขอยืมคนทั้งหมดเสียหน่อย หากไม่สามารถใช้องครักษ์ของพรรคมังกรเหินได้ถ้าเช่นนั้นข้าขอใช้ศิษย์ร่วมสำนักด้วยจะไม่ได้เชียวหรือ เหตุใดนางจึงได้เป็นคนเห็นแก่ตัวคิดแต่เรื่องของตนเองได้นะ นางอยู่ในวังเช่นนี้จะมีผู้ใดทำร้ายนางได้ ฉ่ายเวินผู้นั้นก็ทำเป็นแค่วางยาพิษไม่ใช่หรือ ออกห่างจากนางหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”

เชียนซานยิ่งกล่าวก็ยิ่งโมโหจนดวงตาแดงก่ำไปหมด “ข้าผิดหวังในตัวนางเหลือเกิน ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับนางข้ายอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตของข้าเพื่อปกป้องนาง ปากนางบอกว่าข้าเป็นเหมือนน้องสาวของนางแต่การกระทำของนางเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็คงมีแต่สวรรค์ที่ล่วงรู้”

“พี่เชียนซาน ท่านก็อย่าได้ดื้อรั้นอีกเลย อีกอย่างท่านเองก็ไม่ได้แน่ใจไม่ใช่หรือว่าใต้เท้าหลวี่ยังมีชีวิตอยู่ การที่ท่านบุ่มบ่ามใช้คนของพรรคขึ้นเขาหลางฟงติ่งไปตามหามันก็อันตรายเกินไปนะเจ้าคะ”

เชียนซานหน้านิ่วคิ้วขมวด “ข้าเชื่อว่าหลวี่หนิงยังมีชีวิตอยู่แน่ หรือว่าพวกเจ้าไม่หวังให้เป็นเช่นนั้นเล่า”

“คาดหวังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ความจริงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน” ว่านเหลียงยิ่งไปก่อนจะค่อยๆเอ่ยต่อ “แน่นอนว่าข้าเองก็หวังให้ใต้เท้าหลวี่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่าแล้วอย่างไรเล่า หากว่าใต้เท้าหลวี่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆก็คงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของหลี่อวิ่นลี่และฉ่ายเวินไม่ใช่หรือ ตอนนี้ความเป็นไปอย่างไรก็ยังไม่ชัดเจน พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะเจ้าคะ”

“ดังนั้นข้าจึงจะนำกำลังคนไปที่หลางฟงติ่งเพื่อหาที่กบดานของพวกมันอย่างไรเล่า” เชียนซานกล่าว

ว่านเหลียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากถาม “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะแอบส่งคนไปสืบขหาเบาะแสที่หลางฟงติ่งว่าใต้เท้าหลวี่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถึงตอนนั้นคำตอบเป็นเช่นไรเราค่อยมาหารือกันใหม่ดีหรือไม่”

“เจ้า?” เชียนซานจ้องมองว่านเหลียงอย่างสงสัย “แต่ว่าหากไม่มีคำสั่งจากนาง เจ้าจะส่งคนไปสืบข่าวได้อย่างไรกัน”

“ข้าย่อมมีวิธีของข้าเจ้าค่ะ” ว่านเหลียงกล่าว

เชียนซานเอื้อมมือไปจับมือของว่านเหลียงไว้ก่อนเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “ดี หากว่าเจ้ายอมช่วยเหลือข้าจริงๆ บุญคุณครั้งนี้ข้าจะจดจำไว้แล้วจะหาโอกาสตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน”

ว่านเหลียงยิ้มออกมาบางๆ “ใครให้ท่านพูดจาเช่นนี้กันเจ้าคะ ข้าเองก็หวังจะให้ใต้เท้าหลวี่มีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน ยามนี้นายหญิงเองก็มีเรื่องราวมากมายให้นางต้องคิดต้องใส่ใจ เรื่องเช่นนี้พวกเราก็มาหาทางจัดการกันเองเถิดเจ้าค่ะ”

ดวงตาของเชียนซานมีน้ำตาเอ่อออกมา “ดี ว่านเหลียง ข้าเชื่อใจเจ้า หากว่าเจ้าสามารถสั่งคนออกไปตามหาได้จริงข้าจะหาทางช่วยเจ้าเอง”

ดวงตาของว่านเหลียงเป็นประกาย “เจ้าค่ะ วางใจเถิด ถึงตอนนั้นข้าจะจัดการเองเจ้าค่ะ”

“บุญคุณไม่อาจไม่ทดแทน ข้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เอาเป็นว่าครั้งนี้ข้าติดค้างเจ้า ต่อไปไม่ว่าข้าจะยังอยู่ในพรรคมังกรเหินหรือไม่ก็ตามข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าแน่”

ว่านเหลียงยิ้มออกมา “พอแล้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย ตอนนี้ที่เราต้องทำก็คือแอบส่งคนไปสืบข่าวต่างหากเล่า อีกอย่างท่านเองก็เป็นคนสนิทของนายหญิง ตำแหน่งของท่านสูงส่งกว่าพวกข้า การทำตามคำสั่งของท่านก็เป็นหน้าที่ของพวกข้าเช่นกัน”

เชียนซานอดไม่ได้ที่จะสวมกอดนาง “ได้ ข้าจะรอฟังข่าวคราวจากเจ้านะ”

หลังจากที่เชียนซานและว่านเหลียงกลับออกไป ว่านเฉียงก็หันกลับมากล่าวกับชูเซี่ย

“นายหญิงอย่าได้ถือสาพี่เชียนซานเลยนะเจ้าคะ นางสูญเสียใต้เท้าหลวี่ไปในใจจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสแน่”

ชูเซี่ยดึงร่างของว่านเฉียงมาใกล้ๆก่อนจะกระซิบข้างหูนางสองสามคำ ว่านเฉียงที่ได้ยินก็นิ่งค้างไป “อะไรนะเจ้าคะ”

“ฟังคำของข้า จากนี้ไปเจ้าจงจับตามองนางให้ดี หากว่ามีอะไรผิดปกติให้รีบกลับมารายงานข้าโดยตรง” ชูเซี่ยสั่ง

ว่านเฉียงค่อยๆคืนสติ “เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว”

อานเหยียนเองก็เริ่มเข้าวังมาเรียนวิชาฟังเข็มกับชูเซี่ยแล้ว

เด็กชายไม่ได้เข้ามาอยู่ในวังหลวง ในทุกๆวันหลี่อวิ่นกังจะเป็นผู้พาบุตรชายเข้ามาในวังด้วยตนเอง ตอนที่ชายหนุ่มเข้ามาในวังก็มักจะใช้เวลาอยู่กับหลี่เฉินเย่นในห้องอักษรเสียส่วนใหญ่

อานเหยียนมีพัฒนาการที่ไวมาก เพียงระยะเวลาสั้นๆเขาก็สามารถเรียนรู้ชีพจรต่างๆบนร่างกายได้แล้ว ชูเซี่ยรู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก นางคิดไม่ถึงว่าตลอดเวลาที่นางเฝ้าตามหาศิษย์มาหลายปีในที่สุดคนที่จะมาเป็นศิษย์ของนางก็คือเด็กที่นางเคยทำคลอดมาให้กับมืออย่างอานเหยียนนี่เอง

เพียงแค่ย้อนนึกถึงวันวานนางก็รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผ่านลมผ่านฝนมาไม่นานเวลาก็ผ่านมาหลายปีแล้วหรือนี่ นางยังไม่ช่วงเวลาสงบสุขเลยสักครั้ง

พรรคมังกรยามนี้กำลังมีการเคลื่อนไหวทั่วทั้งเมืองหลวงราวกับว่ากำลังตามหาอะไรอยู่ แต่ทว่าทุกอย่างก็เป็นไปอย่างลับๆเพราะว่าพวกเขากำลังตามหาอะไรอยู่นั้นคนนอกไม่ทางรู้ได้เลย

ชูเซี่ยขอร้ององค์ไทเฮาให้พระองค์รับหลิงกุ้ยไท่เฟยกลับมายังวังหลวง นางกล่าวกับไทเฮาว่าหลิงกุ้ยไท่เฟยได้รับเด็กทารกน้อยคนหนึ่งมาเลี้ยงจึงอยากจะให้คนทั้งคู่กลับมายังวังหลวง

ในช่วงต้นเดือนแปดหลิงกุ้ยไท่เฟยก็ได้กลับมายังวังหลวงพร้อมด้วยเด็กทารกน้อยในอ้อมกอดคนหนึ่ง

ทุกคนในวังต่างกูรู้กันทั่วว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นเด็กกำพร้าที่หลิงกุ้ยไท่เฟยรับว่าเลี้ยงไว้ ทุกคนที่ทราบเรื่องนี้ต่างก็รู้สึกว่านับตั้งแต่ที่หลิงกุ้ยไท่เฟยไปอยู่อารามนางชีนิสัยของนางก็เปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ช่วงเวลาหลายวันมานี้ในวังหลวงช่างเงียบสงบดีเหลือเกิน

แต่ทว่าในความเงียบสงบก็ยังมีพายุที่ก่อตัวอยู่ช้าๆ แม้กระทั่งเหล่าขันทีและนางกำนัลในวังก็สามารถรับรู้ได้

อำนาจกำลังถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย หลี่เฉินเย่นหลายวันมานี้เองนอกจากไปที่ตำหนักของไทเฮาและชูเซี่ยแล้วก็อยู่แต่ในห้องทรงอักษรเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า