ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 283

ตอนที่ 283 โดนร้อยพิษไม่ตาย

ในที่สุด ช่วงประมาณกลางเดือนแปด ว่านเหลียงก็ไปหาเชียนซานเพื่อบอกว่านางค้นพบทางเข้าฐานลับที่อยู่บนหุบเขาหลางฟงติ่งแล้ว

เชียนซานจึงเดินทางเข้าวังหลวงเพื่อขอร้องให้ชูเซี่ยยอมส่งกำลังคนในพรรคไปที่หลางฟงติ่ง

แต่ทว่ากลับถูกชูเซี่ยปฎิเสธกลับมา เชียนซานจึงประกาศกร้าวว่าจะขอตัดขาดจากพรรคมังกรเหินในที่สุด

ข่าวการถอนตัวของเชียนซานทำให้ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงกันไปทั่ว

พรรคมังกรเหินก่อตั้งขึ้นมาหลายปีก็ยังไม่เคยมีหัวหน้าพรรครุ่นใดที่มีคนรับใช้คนสนิทถอนตัวเลยสักคน ทุกคนจึงพากันคาดเดาต่างๆนานาว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เชียนซานผู้จงรักภักดีต่อพรรคมาตลอดต้องถอนตัวออกไป

เชียนซานเป็นคนของพรรคมังกรเหินมานานตำแหน่งของนางในพรรคก็สูงกว่าคนอื่นๆ เรื่องราวในพรรคมังกรเหินนางรู้ดียิ่งกว่าผู้ใด นางรู้จักพรรคดีพอๆกับที่รู้จักนิสัยของตนเองด้วยซ้ำ

เป็นครั้งแรกที่เหลียงกุยถูกพักงาน แต่ทว่าในระหว่างที่ถูกพักงานอยู่นั้นเขาก็ยังคงใช้ช่วงเวลาในการคิดแผนการอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าน่าเสียดายนักที่เฉินหยวนชิ่งเป็นคนวางแผนตลบหลังเขาได้อย่างรวดเร็วจนแม้กระทั่งจางเซียนฮุ่ยก็ยังไม่อาจแก้ไขได้

ท้ายที่สุดแล้วเหลียงกุยและจางเซียนฮุ่ยก็เข้าใจว่าอะไรที่เขาเรียกกันว่าเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ เฉินหยวนชิ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่สุขนัขแต่เขาเป็นเสือ

ชายหนุ่มแสร้งทำมาเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา หลอกให้พวกเขาตายใจและเมื่อเฉินหยวนชิ่งสนิทกลับทุกคนแล้วเขาก็เริ่มวางแผนซื้อใจคนของเขาเป็นพวกเพื่อเสริมสร้างอำนาจตนเองช้าๆ

อำนาจและกองกำลังของเฉินหยวนชิ่งไม่ได้เกิดมาจากช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ชายหนุ่มออกไปรบทัพจับศึกที่ต่างแดน ด้วยความสามารถและความเหี้ยมโหดของเขาก็ทำให้เป็นที่นับหน้าถือตาและทำให้เหล่าทหารต่างก็ยอมรับให้เฉินหยวนชิ่งเป็นผู้นำของพวกเขาอย่างไร้ข้อแม้

“ในตอนนี้เฉินหยวนชิ่งสามารถซื้อใจลูกน้องของเหลียงกุยและจางเซียนฮุ่ยไปได้ส่วนใหญ่แล้ว อีกไม่นานอำนาจของเขาก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น”

ภายในห้องอักษร หลี่อวิ่นกังกำลังปรึกษาหารือกับหลี่เฉินเย่นอย่างเคร่งเครียด

“พวกเราคำรวณผิดพลาดไปเอง” ใต้เท้าซือถงกล่าว “แต่ก็จนปัญญา เฉินหยวนชิ่งเป็นคนตรงไปตรงมาดำขาวแบ่งแยกชัดเจน เทียบกับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างเหลียงกุยและจางเซียนฮุ่ยซองคนนั้นที่ถนัดแต่วางแผนการชั่วร้ายทำร้ายประชาชนแล้ว ข้าว่าเฉินหยวนชิ่งคงไม่มีวันทำร้ายผู้บริสุทธิ์แน่”

“นี่ก็พูดยาก ก่อนหน้านี้เขาอาจทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางแก้แค้นฉ่ายเวินและชูเซี่ย แต่ทว่าคนเราเมื่อถูกความโกรธเข้าครอบงำแล้วล่ะก็สามารถทำเรื่องผิดบาปอะไรก็ได้ทั้งนั้น เราเองก็ยากจะยืนยันได้ว่าเฉินหยวนชิ่งจะไม่กลายเป็นแบบเดียวกันกับหลี่อวิ่นลี่” หลี่อวิ่นกังกล่าว

หลี่เฉินเย่นหันมามองแม่ทัพเฉินผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมืองหลวงก่อนเอ่ย “แม่ทัพเฉิน ระยะนี้ที่ท่านทำหน้าที่ท่านเคยเห็นอ๋องเก้าหรือคนของเขาเข้าออกบ้างหรือไม่”

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยเห็นพะย่ะค่ะ” แม่ทัพเฉินเอ่ยทูล

เขามีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของเฉินหยวนชิ่ง แต่จู่ๆก็ถูกฝ่าบาทเรียกตัวมาเข้าเฝ้า เขาตื่นตกใจและภาคภูมิใจยิ่งนักที่ฝ่าบาททรงไว้พระทัยในตัวเขาจึงปฎิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยมและระมัดระวังตัวอย่างดีมาโดยตลอด

หลี่อวิ่นกังเอ่ยถาม “เจ้าอยากตามหาเสด็จลุงเก้าหรือ หากว่าเขายังเป็นพวกเดียวกันกับหลี่อวิ่นลี่เล่า”

“เมื่อก่อนเสด็จลุงเองก็ถูกหลี่อวิ่นลี่หลอกใช้ เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้นหรอก อีกอย่างเขาก็รู้จักหลี่อวิ่นลี่ดีที่สุด หากเราได้เสด็จลุงมาเป็นพวกบางทีอาจจะทำให้แผนของเราสำเร็จก็เป็นได้” หลี่เฉินเย่นกล่าว

“แต่ว่าเสด็จลุงเกลียดชังเสด็จพ่อของพวกเรามีหรือจะยอมให้ความร่วมมือ? อีกทั้งหลายปีมานี้พวกเราก็ไม่เคยทราบข่าวคราวของเสด็จลุงเลย เขาอาจไม่คิดว่าพวกเรายังต้องการเขาอยู่ก็เป็นได้”

ใต้เท้าซือคงก็กล่าวเสริม “ยังมีความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่งก็คือเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะถูกกำจัดทิ้งไปเสียแล้ว สำหรับหลี่อวิ่นลี่แล้วหากว่าอ๋องเก้ากลายเป็นเครื่องมือที่ไม่มีประโยชน์เขาก็คงไม่คิดเก็บไว้ข้างกายอีกต่อไป”

“ที่ใต้เท้าซือคงกล่าวมาก็มีเหตุผล เมื่อก่อนอ๋องเก้ามี่ทั้งศักดิ์และอำนาจมากมาย แต่ทว่าบัดนี้เขากลายเป็นเพียงทั้งอ๋องที่เหลือแต่ตัวเท่านั้น สำหรับหลี่อวิ่นลี่แล้วอ๋องเก้าก็เป็นเพียงแค่หมากที่ไร้ค่า เกรงว่าอาจจะถูกกำจัดไปตั้งแต่แรกแล้วพะย่ะค่ะ” แม่ทัพเฉินก็เห็นด้วย

หลี่เฉินเย่นส่ายหน้าเบาๆอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่ พวกท่านดูแคลนอ๋องเก้าเกินไปแล้ว จริงอยู่ที่เขาเคยถูกหลี่อวิ่นลี่หลอกใช้มาก่อน แต่ทว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนโง่อีกทั้งยังมีสหายในยุทธภพมากมาย การที่หลี่อวิ่นลี่จะกำจัดเขาไม่ใช่เรื่องที่คิดจะทำก็ทำได้”

หลี่อวิ่นกังเห็นด้วย เขานึกถึงความอดทนอดกลั้นของเสด็จลุงมาตลอดหลายปีจนกระทั่งเสด็จพ่อสวรรคตรเขาก็ยังสามารถลอยตัวไปได้โดยไร้ซึ่งความผิดไร้ซึ่งมลทินแม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลย

ในยามนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหลี่อวิ่นลี่ ผู้ที่เสียเปรียบก็คือฝ่ายของพวกเขาเพราะเรื่องเกี่ยวกับหลี่อวิ่นลี่ที่พวกเขาทราบมามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย นอกจากรู้ว่าเขาสมคบคิดขายชาติให้แก่แคว้นหนานจ้าวแล้ว แม้แต่ที่กบดานของเขาในเมืองหลวงแห่งนี้พวกเขาก็ยังไม่ทราบ

ยามนี้พวกเขาก็ได้แต่จัดวางกองกำลังไว้เพื่อคอยตั้งรับ แต่ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่สัญชาติญาณของพวกเขาเอง เพียงแค่วางแผนตั้งรับจะสามารถสะกัดกั้นแผนของหลี่อวิ่นลี่ได้จริงๆน่ะหรือ

“จริงสิ แล้วฉ่ายเวินที่อยู่วังหลังมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?” จูเก๋อถามขึ้น

หลี่เฉินเย่นกล่าว “นางไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของเราเช่นกัน”

จูเก๋อหมิงขมวดคิ้ว “นางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแคนมาตลอด ดูอย่างเมื่อก่อนสิ นางเกลียดชูเซี่ยถึงเพียงนั้นแต่พออยู่ต่อหน้าก็พูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใสให้ชูเซี่ย เอาแต่เรียกนางว่าพี่สาวๆ”

แค่คิดก็รู้สึกแค้นใจ แค้นใจแทนชูเซี่ยเหลือเกิน

จูฟางหยวนที่ยืนอยู่ในห้องนี้มาตลอดไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่เมื่อได้ยินพวกเขาพูดถึงฉ่ายเวินเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้หญิงคนนี้อำมหิตโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ ยามนี้นางคิดว่านางสามารถควบคุมชูเซี่ยไว้ได้แล้วจึงยังไม่ได้ลงมือจัดการชูเซี่ย แต่ทว่าข้าได้ยินว่าช่วงนี้นางพยายามเข้าหาคู่แฝดเหลือเกิน พวกเราต้องระวังไม่ให้นางมีโอกาสได้ลงมือกับเด็กๆเป็นอันขาด” ฉ่ายเวินต้องการเข้าหาคู่แฝด? ชูเซี่ยรู้เรื่องนี้หรือไม่? ทำไมชูเซี่ยจึงยอมให้นางเข้าใกล้เด็กๆได้? ฉ่ายเวินนางมีฝีมือการวางยาพิษที่ร้ายกาจมากไม่ใช่หรือ จูเก๋อหมิงเบิกตาค้างอย่างตื่นตระหนก

หลี่เฉินเย่นกล่าว “นางรู้ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เราก็เคยพูดเรื่องนี้กับนางอยู่หลายครั้ง แต่นางกลับบอกว่าฉ่ายเวินไม่อาจลงมือทำร้ายคู่แฝดได้แน่นอน”

“สวรรค์!” จูเก๋อหมิงร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก “ไม่อาจลงมือได้? นี่ชูเซี่ยนางคิดว่าฉ่ายเวินเป็นคนจิตใจดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ในใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ฉ่ายเวินไม่อาจลงมือได้”

จูฟางหยวนกล่าว “หากวางยาพิษก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ไม่ว่าพิษชนิดใดก็ไม่อาจทำอะไรคู่แฝดได้หรอกนะ แต่ทว่าข้ากลัวว่านางจะใช้คู่แฝดมาต่อกรกับชูเซี่ยเสียมากกว่า”

หลี่เฉินเย่นตะลึง “พิษชนิดใดก็ไม่อาจทำอะไรคู่แฝดได้? เหตุใดเราจึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเล่า”

จูฟางหยวนกล่าว “แน่นอนว่าฝ่าบาทต้องไม่รู้ ตอนนั้นที่ชูเซี่ยถูกพาตัวออกจากวังนางเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น ตอนที่ท่านนักบวชพยายามช่วยชูเซี่ยก็ให้ยาวิเศษมากมายให้นางกินเพื่อรักษาร่างกาย ตอนที่คู่แฝดกำเนิดออกมาก็มีร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก โดยเฉพาะฉองเหลา ตอนที่คลอดออกมาเป็นตายเท่ากันด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่ต่อมาท่านนักบวชก็ให้ยาวิเศษแก่พวกเขาคือยาที่ทำให้ร่างกายของพวกเขาป้องกันได้สารพัดพิษนั่นเอง”

“มียาวิเศษถึงเพียงนี้ด้วยหรือ” ทุกคนในห้องที่ได้ยินต่างก็ตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะกับนักบวชท่านนั้น

“ใช่แล้ว แต่นักบวชผู้นั้นเป็นใครข้าก็ไม่รู้หรอกนะ” จูฟางหยวนกล่าว ยาตัวนั้น...ช่างมันเถิด ยาตัวนั้นป้องกันได้สารพัดพิษ หรือจะเรียกว่าเป็นยาแก้พิษทุกชนิดบนโลกก็ว่าได้ ความจริงแล้วยาตัวนั้นตอนที่คู่แฝดยังไม่ได้คลอดออกมาเขาก็ใช้ตัวนั้นละลายในน้ำให้ชูเซี่ยแช่ด้วยเช่นกัน ไม่งั้นเด็กแสบสองคนนั่นก็คงไม่ได้ลืมตาดูโลกจนถึงทุกวันนี้หรอกนะ

จูเก๋อหมิงได้ยินสิ่งที่จูฟางหยวนกล่าวออกมาก็รู้สึกวางใจ “เช่นนั้นก็ดี ขอเพียงไม่สามารถวางยาพิษได้ ในวังนี้ก็ปลอดภัยสำหรับพวกเขาขึ้นมากแล้วกอปรกับที่ตอนนี้ในวังก็เต็มไปด้วยคนของพรรคมังกรเหิน”

จูฟางหยวนยิ้มออกมา “ต่อให้ไม่มีคนของพรรคมังกรเหินในวัง การจะลงมือจัดการคู่แฝดก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ”

ไม่มีทางเป็นไปได้!

แน่นอนว่าคำพูดสุดท้ายจูฟางหยวนเพียงแค่คิดต่อในใจไม่ได้กล่าวออกมา เพราะว่าหากพูดออกมาคงจะวุ่นวายน่าดู

ตอนนั้นชูเซี่ยเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายจริงๆ หรือจะเรียกได้ว่าชูเซี่ยตายไปแล้วด้วยซ้ำ มารดาที่ตายไปแล้วเด็กจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร ดังนั้นคู่แฝดสองคนนั้นก็คือแฝดที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง แต่เพราะพลังปราณของท่านนักบวชผู้นั้นที่ปกปิดธาตุหยินของเด็กๆจึงทำให้ไม่มีผู้ใดดูออกก็เท่านั้น

แต่ทว่าหากลองตั้งใจสังเกตดูดีๆแล้วก็จะรู้ว่าคู่แฝดสองคนนั้นแตกต่างจากเด็กคนอื่นมากเพียงใด จริงอยู่ที่พวกเขายังเป็นเด็กใสซื่อไร้เดียงสา แต่ทว่าเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันแล้วพวกเขารู้เดียงสาและรู้จักคิดมากเสียยิ่งกว่ามาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า