ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 284

ตอนที่ 284 แผนในแผน

เพราะเป็นเช่นนี้จูฟางหยวนจึงตัดสินใจที่จะไม่บอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากพวกเขาได้ยินว่าเด็กแฝดคือเด็กที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้งคงตกใจแทบตายเป็นแน่

ส่วนฝ่าบาทสมควรรู้หรือไม่สมควรรู้นั่นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชูเซี่ย

คู่แฝดสองคนนั้นก็รู้ว่าตนเองไม่ใช่เด็กธรรมดาดังนั้นพวกเขาสองคนจึงไม่เคยแสดง ‘พรสวรรค์’ ของตนเองออกมาให้ผู้อื่นเห็นเลยทั้งยังพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับเด็กๆทั่วไปอีกด้วย

หลังจากที่การประชุมแบบส่วนตัวเสร็จสิ้นแล้วหลี่เฉินเย่นก็เดินทางไปยังตำหนักฉ่ายเหว่ย

ทันทีที่ร่างสูงย่างผ่านธรณีประตูก็เอ่ยปากถามชูเซี่ยทันที “ที่แท้แล้วลูกๆของพวกเราก็มีร่างกายที่ทนได้สารพัดพิษนี่เอง ช่างร้ายกาจยิ่งนัก”

ชูเซี่ยหันมามองเขาด้วยใบหน้าตื่นๆ “ท่านไปได้ยินมาจากที่ใด”

“จูฟางหยวนเป็นผู้บอก หรือว่าไม่จริงเล่า”หลี่เฉินเย่นเลิกคิ้วมองนาง “ยังมีเรื่องเกี่ยวกับคู่แฝดที่ข้าไม่รู้อีกมากเลยใช่หรือไม่ เจ้าควรบอกข้านะ”

ชูเซี่ยกล่าวยิ้มๆ “ความจริงแล้วหากจะกล่าวว่าทนได้สารพัดพิษก็ดูจะเกินจริงไปบ้าง คงต้องบอกว่าพิษที่ถูกปรุงขึ้นมาถึงไม่มีผลอะไรกับพวกเขามากกว่าเจ้าค่ะ หากว่าท่านไม่เชื่อก็ลองเอาสลอดไปให้พวกเขากินก็ได้”

หลี่เฉินเย่นหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “นั่นก็ชั่วร้ายเกินไปแล้ว มารดาผู้นี้นี่จะไม่โหดร้ายกับลูกๆของตนเองไปหน่อยหรือ”

“ตอนที่อยู่ที่เมืองหนานซานข้าก็เคยวางสลอดพวกเขา” ชูเซี่ยหัวเราะเบาๆ

“แสดงว่าจุดอ่อนของเด็กๆก็คือสลอดนี่เอง” แล้วจู่ๆหลี่เฉินเย่นก็นึกถึงตอนที่อานเหยียนวางสลอดเสด็จพี่

“ใช่แล้ว!” ชูเซี่ยยิ้มกว้างออกมา

หลี่เฉินเย่นจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของนางด้วยหัวใจที่สั่นไหวก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของนางอย่างเผลอไผล ร่างกายชูเซี่ยแข็งค้างไปก่อนจะเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

หลี่เฉินเย่นเห็นท่าทางของนางก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ “หากไม่มีลมปากคนเจ้าก็คงเป็นภรรยาข้าไปแล้ว”

นับตั้งแต่ที่ชูเซี่ยเข้ามาในวังเขาไม่เคยกล่าววาจาทำนองนี้กับนางเลยสักครั้ง

ดังนั้นทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดออกมาจึงได้รู้สึกตัวว่าตนเองเผลอก้าวข้ามเขตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เขาไม่อยากสูญเสียนางไปอีก เพียงแค่คิดถึงความรู้สึกที่ต้องสูญเสียนาง หัวใจเขาก็เจ็บปวดทรมาณไปหมด “ข้าเพียงแค่หยอกล้อเจ้าเท่านั้น อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจังเล่า”

“ข้าไม่คิดหรอกเจ้าค่ะ” ชูเซี่ยฝืนยิ้มออกมา นางพยายามแสดงสีหน้าเป็นปกติทั้งๆที่หัวใจของตนเองก็เจ็บแปลบเช่นกัน ใช่แล้ว นางสมควรเป็นภรรยาของเขาตั้งนานแล้ว ผู้ชายที่แสนดีแสนเพียบพร้อมคนนี้เดิมทีก็ควรเป็นสามีของนางมานานแล้ว

“ต่อให้พวกเราไม่อาจอยู่ด้วยกันได้ แต่พวกเราก็ยังคงเป็นได้ทั้งสหาย ครอบครัวและญาติ!” หลี่เฉินเย่นกล่าวกับนางเสียงหนักแน่นและเป็นการตอกย้ำกับตนเองอีกด้วย

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ญาติสนิท!” ชูเซี่ยกลั้นใจพูดออก นางพูดสองคำนี้ออกมาก็เพื่อให้ระหว่างเขากับนางสะดวกใจกันมากขึ้น

“อย่างน้อยเราก็มีลูกๆที่น่ารักเป็นของพวกเราแล้วตั้งสองคน” หลี่เฉินเย่นเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจ

“น่ารัก?” ชูเซี่ยยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่ขาวๆของนาง “พอเถิด หากว่าท่านอยู่กับพวกเขามากหน่อยท่านก็จะเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาไม่น่ารักเองนั่นล่ะ”

“ต่อให้ดื้อรั้นหรือซุกซนมากเพียงใดก็ยังน่ารัก” หลี่เฉินเย่นยังคงสีหน้าภาคภูมิใจต่อไป

ชูเซี่ยพยักหน้าน้อยๆ “เจ้าค่ะ ท่านก็รอดูไปเถิด”

หลี่เฉินเย่นหันมามองชูเซี่ย ในหัวของเขาเริ่มส่อเค้าความยุ่งยาก “นี่พวกเขาคงไม่ใช่ตัวปัญหาจริงๆใช่หรือไม่ หลายวันมานี้ที่อยู่ในเมืองหลวงพวกเขาก็เป็นเด็กดีว่าง่ายมาตลอดนะ”

“นิสัยชั่วร้ายอย่างไรก็ต้องแสดงออกมาอยู่วันยังค่ำ” ชูเซี่ยกล่าวอย่างมั่นใจ

“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก” หลี่เฉินเย่นนึกถึงใบหน้าน่ารักน่าชังของเด็กๆ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อคำพูดของนาง

ชูเซี่ยยักคิ้วให้เขา “ได้ งั้นท่านรอดูนะเจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นเดินมานั่งข้างๆนางก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆตำหนัก เขาเห็นเพียงแค่ว่านเหลียงแต่ไม่พบเชียนซานก็เอ่ยถามขึ้น “เจ้ากับเชียนซานยังทะเลาะกันอยู่อีกหรือ”

ชูเซี่ยถอนหายใจออกมา “มีแต่นางที่ทะเลาะกับข้า ข้าไม่ได้ทะเลาะกับนางเสียหน่อย นางอยากให้ข้าส่งกำลังคนออกไปทีหลางฟงติ่งเพื่อช่วยหลวี่หนิง”

“เชียนซานไม่น่าจะเป็นคนที่ไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ได้เลย นางก็น่าจะรู้ว่าหลวี่หนิงตายไปแล้ว” เมื่อกล่าวถึงหลวี่หนิงใบหน้าของหลี่เฉินเย่นก็เศร้าหมองลง

“นางยังรับไม่ได้”

“เจ้าไม่ลองส่งกำลังคนไปช่วยนางดูบ้างหรือ” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถาม

“ไม่เจ้าค่ะ” ชูเซี่ยส่ายศีรษะ “สภาพแวดล้อมบนเขาหลางฟงติ่งซับซ้อนเกิดไป ข้าไม่อาจส่งคนของพรรคมังกรเหินไปพบเจอเรื่องอันตรายได้”

ว่านเหลียงได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยขึ้นบ้าง “นายหญิงเจ้าคะ ความจริงแล้วท่านน่าจะลองส่งคนของพรรคสักร้อยนายขึ้นไปตามหาดูนะเจ้าคะ อย่างน้อยก็ทำให้พี่เชียนซานนางรู้สึกบ้างว่าท่านยอมนำคนของพรรคมังกรเหินไปเสี่ยงก็เพื่อนาง”

ใบหน้าของชูเซี่ยแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเสี่ยง แล้วทำไมจึงคิดว่าข้าจะยอมเอาชีวิตของคนของข้าไปเสี่ยงด้วยเล่า เรื่องนี้อย่าได้เอ่ยขึ้นมาอีกเป็นอันขาด”

ว่านเหลียงเห็นว่าเห็นว่านายหญิงของตนเองโกรธก็เอ่ยอย่างอ้ำอึ้ง “เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว”

“เจ้าออกไปเถิด” ชูเซี่ยทำราวกับว่ายังโกรธเคืองอยู่จึงโบกมือไล่นางออกไป

ว่านเหลียงจึงได้แต่ยอมถอยกายกลับออกไป

หลี่เฉินเย่นมองตามหลังของว่านเหลียงไป ทันทีที่อีกฝ่ายเดินผ่านม่านทางเดินไปแล้วชายหนุ่มก็หันกลับมาถามนางเสียงเบา “ใช่นางหรือไม่”

“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ เป็นนาง” ชูเซี่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด “นางไม่ใช่ว่านเหลียง ข้าคิดว่าว่านเหลียงตัวจริงอาจจะถูกสังหารไปแล้ว”

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้จักว่านเหลียงมาก่อนจึงไม่รู้ว่านางเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม” หลี่เฉินเย่นกล่าว

“ข้ากับว่านเหลียงเองก็เพิ่งจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน หลี่อวิ่นลี่เองก็คงคิดว่าข้าจะดูไม่ออกเช่นกัน แต่ทว่าคนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนรูปโฉมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นได้แต่ดวงตาไม่มีวันหลอกลวงได้”

“เจ้าดูออกตั้งแต่เมื่อใดว่านางไม่ใช่ว่านเหลียงตัวจริง” หลี่เฉินเย่นถามนางอย่างประหลาดใจ

ชูเซี่ยก็เริ่มอธิบาย “วันนั้นที่จูเก๋อฝังเข็มช่วยรักษาข้า แม้ว่าไม่อาจรักษาดวงตาได้แต่ข้าก็ได้ประสาทรับกลิ่นคืนมาได้ ตอนนั้นเองว่านเหลียงก็อยู่ข้างกายข้านางย่อมรู้เรื่องนี้ แต่วันนั้นที่เหลียงกวางเสียงนำยาแก้พิษมาให้ข้านางกลับไม่รู้ทั้งยังถามข้าว่าข้าสามารถดมกลิ่นได้หรืออีกด้วย เรื่องที่ข้าได้ประสาทรับกลิ่นกลับคืนมามีคนรู้ไม่มากแต่ว่านเหลียงนางต้องรู้อย่างแน่นอน เพราะนางถามข้าเช่นนั้นข้าจึงได้เริ่มเอะใจขึ้นมาแต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรผิดปกติ ในวังหลวงแห่งนี้มีสายของหลี่อวิ่นลี่มากเกินไป แม้กระทั่งข้างกายของท่านเองก็มีแล้วมีหรือที่หลี่อวิ่นลี่จะไม่ส่งคนของเขามาแฝงตัวที่ฝั่งของข้าด้วยเล่า สามพี่น้องตระกูลว่านเพิ่งจะมาอยู่ข้างกายข้าเพราะฉะนั้นการเลือกพวกนางเป็นเป้าหมายจึงเหมาะสมที่สุด”

“หรือว่าว่านเหลียงจะถูกสังหารไปแล้วจริงๆ” หลี่เฉินเย่นรู้สึกเสียดายขึ้นมา การที่พรรคมังกรเหินจะเลี้ยงดูผู้มากฝีมือมาได้สักคนไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย

ชูเซี่ยเองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน “ข้าเองก็หวังว่านางจะแค่ถูกจับตัวไว้เท่านั้น หลายวันมานี้ว่านเหลียงตัวปลอมพยายามยุยงให้ข้าและเชียนซานแตกคอกัน หากว่าเชียนซานไม่เอะใจว่านางคือสายลับที่แฝงกายมาตั้งแต่แรกก็อาจจะตกหลุมพรางก็เป็นได้”

“เรื่องมาจนถึงบัดนี้ พวกเขาเองก็คงคิดแผนการมาอย่างรอบคอบแล้วล่ะ จริงสิ ทางด้านเชียนซานจัดการเรียบร้อยดีหรือไม่” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถาม

ดวงตาของชูเซี่ยเป็นประกาย “เรียบร้อยดีแล้วเจ้าค่ะ ความจริงแล้วหลวี่หนิงยังไม่ตายทั้งยังอยู่ที่หลางฟงติ่งจริงๆ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องช่วยเขาออกมาให้ได้”

หลี่เฉินเย่นพยักหน้า “อืม หากว่าว่านเหลียงผู้นี้เป็นคนของพวกนั้นจริง แผนครั้งนี้ของเราก็นับว่าสำเร็จแล้ว ต้องการให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่”

“ไม่เจ้าค่ะ ท่านยุ่งเรื่องของท่านก็วุ่นวายมากพอแล้ว เรื่องนี้ข้ามีคนที่สามารถจัดการได้เจ้าค่ะ ทั้งยังเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดอีกด้วย” ริมฝีปากของชูเซี่ยกระตุกยิ้ม

“ใครกันที่เหมาะที่สุด หลางฟงติ่งเป็นสถานที่ที่อันตรายเพราะเต็มไปด้วยพิษที่ปกคลุมอยู่ หากสูดดมไอพิษพวกนั้นย่อมเป็นอันตรายกับร่างกายอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ”

ชูเซี่ยหัวเราะออกมาเบาๆ “เป็นยอดฝีมือสองคน เป็นยอดฝีมือที่ปิดบังตนมาถึงสี่ปีเสียด้วยสิ”

ความจริงแล้วอากาศรอบๆของหุบเขาไม่มีพิษแต่เป็นหมอกพิษที่เกิดจากฝีมือของฉ่ายเวินต่างหากเล่า ขอเพียงแค่มียาแก้พิษก็สามารถเข้าไปได้แน่

ช่วงเวลาที่นางอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ นางไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากคิดค้นยาแก้หมอกพิษของฉ่ายเวินไปวันๆ

นางสืบรู้มาว่าหลวี่หนิงยังมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่แรกแล้วและมันก็เป็นเบาะแสที่มาจากว่านเหลียงตัวปลอมนั่นเองที่เป็นคนกล่าวออกมา หลี่อวิ่นลี่เองก็คงนึกไม่ถึงว่านางจับได้แล้วว่าว่านเหลียงที่อยู่ข้างกายตนเองเป็นตัวปลอม เพราะฉะนั้นนางก็จะใช้ว่านเหลียงผู้นี้มาซ้อนแผนกลับไปจัดการกับอีกฝ่ายเสียเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า