สรุปตอน ตอนที่ 286 แอบวางแผนรับมือ – จากเรื่อง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
ตอน ตอนที่ 286 แอบวางแผนรับมือ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 286 แอบวางแผนรับมือ
ว่านเหลียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น “หากว่าสามารถหาคนได้ถึงพันห้าร้อยคนก็เอาพันห้าร้อยคนเลย คนยิ่งมากโอกาสประสบความสำเร็จก็ยิ่งมาก”
เชียนซานหันมาจ้องมองว่านเฉียงด้วยแววตาซาบซึ้ง “ว่านเฉียง เจ้าจะยอมช่วยข้าขโมยป้ายมังกรเหินจริงๆหรือ”
“พี่เชียนซาน ก็อย่างที่ข้าบอกท่านไปก่อนหน้านี้ ข้าเองก็หวังว่าจะให้ใต้เท้าหลวี่กลับมาได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน ว่านเหลียงเองก็เคยแอบช่วยเหลือท่านแล้วข้าเองก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้เช่นกัน” ว่านเฉียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ
น้ำตาของเฉียนซานเอ่อออกมาด้วยความตื้นตัน “น้ำใจครั้งนี้ข้าจะจดจำไว้ แต่หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าจะเป็นผู้แบกรับมันแต่เพียงผู้เดียวไม่ทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนแน่”
ว่านเฉียงกล่าว “อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย ตอนนี้เรามาหาเวลาที่เหมาะสมที่จะลงมือดีกว่าข้าจะได้ไปขโมยป้ายมังกรเหินมาให้”
จู่ๆว่านเหลียงก็ถามขึ้น “จริงสิ แล้วว่านสู่นเล่า ช่วงนี้เหตุใดจึงไม่เห็นนางนะหรือว่านายหญิงสั่งให้นางไปจัดการธุระให้นางงั้นหรือ”
“ว่านสู่นกลับไปที่พรรคหลักเพื่อจัดการเรื่องบางเรื่อง นายหญิงตั้งใจจะกลับไปที่พรรคหลักสักครั้งในปีนี้ดังนั้นว่านสู่นจึงกลับไปจัดเตรียมความพร้อมก่อน”
ว่านเรียกส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา “ไม่เห็นจะเคยได้ยินนายหญิงพูดถึงเรื่องนี้”
ว่านเฉียงยิ้มออกมา “นายหญิงก้เป็นเช่นนี้ หากนางคิดอะไรได้ก็จะรีบสั่งให้พวกเราลงมือจัดการทันที ไม่ค่อยมีแผนการอะไรหรอก”
ว่านเหลียงพยักหน้า “ในตอนนี้พวกเราก็มาวางแผนการขึ้นเขาหลางฟงติ่งกันเถิด”
ว่านเฉียงหันมามองนาง “ว่านเหลียง วันที่พวกเราเคลื่อนพลเจ้าห้ามไปด้วยโดยเด็ดขาด เจ้าจะต้องรั้งอยู่ข้างกายนายหญิง คอยรั้งไม่ให้นายหญิงออกจากวังเด็ดขาดในวันนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วหากนายหญิงออกจากวังนางย่อมต้องรู้แน่ว่าคนของพรรคมังกรเหินไม่อยู่”
ว่านเหลียงรับปากโดยไม่เสียเวลาคิด “วางใจเถิด ข้าจะจัดการเองเจ้าค่ะ”
ว่านเฉียงลอบส่งสายตากับเชียนซานแวบหนึ่งก่อนจะลอบยิ้มออกมาอย่างหมายมาด
ทั้งสามคนเริ่มพูดคุยปรึกษาถึงแผนการโดยมีว่านเหลียงเสนอความคิดว่าแผนการนี้ควรทำยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะชีวิตของหลวี่หนิงก็ขึ้นอยู่กับเวลาด้วยเช่นกัน
เชียนซานก็เห็นด้วยเช่นกัน เวลานี้นางร้อนใจจนแทบจะนั่งไม่ติดอีกแล้ว
ท้ายที่สุดว่านเหลียงก็เสนอความคิดขึ้นมาอีกว่าในเมื่อวันนั้นนางต้องรั้งชูเซี่ยให้อยู่แต่ในวังแล้วเหตุใดไม่เอากำลังคนขึ้นไปบนเขาทั้งสามคนเลยเล่า
ทั้งว่านเฉียงและเชียนซานก็ขบคิดกันอย่างถี่ถ้วน “เช่นนี้แล้วกัน การใช้กำลังคนทั้งสามพันมันค่อนข้างเสี่ยงเกินไป คนมากบางทีอาจจะยิ่งมากความ ข้าจะนำคนไปสองพันก็พอ”
ว่านเหลียงยังรู้สึกไม่พอใจเท่าใดนัก “แต่ข้าคิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดเราควรใช้กำลังคนทั้งสามพันคนเลยจะดีกว่านะเจ้าคะ”
ว่านเฉียงบอกปัดไปทันทีเพราะไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่าย “ไม่ได้ นายน้อยทั้งสองต่างก็อยู่ในวังหลวง ถึงอย่างไรเราก็ต้องเหลือกำลังคนของพรรคมังกรเหินไว้คุ้มครองนายน้อยทั้งสองคนด้วย”
ว่านเหลียงกล่าวยิ้มๆ “มีอะไรให้ห่วงกันเล่า ในวังหลวงเองก็มีราชองครักษ์มากมาย อีกอย่างผู้ใดมันจะกล้าลอบทำร้ายนายน้อยได้?”
“ระวังไว้หน่อยก็ดีไม่ใช่หรือ พี่เชียนซาน ท่านคิดว่ากำลังคนของพรรคมังกรเหินสองพันคนพอแล้วหรือไม่เจ้าคะ” ว่านเฉียงเอ่ยถาม
เชียนซานลองคิดๆดูก็ค่อยๆพยักหน้า “สองพันคนเพียงพอแล้ว แม้ว่าหุบเขาหลางฟงติ่งจะค่อนข้างใหญ่แต่พวกเราก็มีเป้าหมายแล้วไม่ใช่หรือว่าเป็นสถานที่ใดดังนั้นกำลังคนเพียงสองพันก็พอแล้วล่ะ”
ว่านเหลียงได้ยินคำพูดของเชียนซานก็จนหนทางที่จะดื้อรั้นอีกต่อไป “ก็ได้เจ้าค่ะ สองพันก็สองพัน พวกเรามาวางแผนกันต่อเถิด”
ตกดึก ว่านเหลียงก็ฉวยโอกาสที่ชูเซี่ยนอนไปแล้วแอบออกไปนอกตำหนัก
หลังจากที่นางออกไปแล้ว ด้านหลังต้นไม้ที่ลานในตำหนักฉ่ายเหว่ยก็ค่อยๆปรากฎเงาคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นมองตามหลังว่านเหลียงด้วยดวงตาเย็นเยียบและอำมหิต
นางลอบติดตามว่านเหลียงไปอย่างเงียบๆ ในฐานะที่นางเองก็เคยเป็นคนในกลุ่มสายลับของพรรคมังกรเหิน การที่นางตามอีกฝ่ายไปเรื่อยๆโดยที่ว่านเหลียงยังไม่รู้ตัวนั่นก็เป็นข้อยืนยันอีกข้อหนึ่งว่านางเป็นตัวปลอมจริงๆ
แต่ทว่าว่านเหลียงก็นับว่ามีความระมัดระวังอยู่บ้างเพราะนางจะแอบหันหลังกลับมามองเป็นระยะๆ หากว่ามีเสียงลมหรือใบไม้ที่เคลื่อนไหวนางก็หยุดฝีเท้าและกวาดตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวังตัวอย่างยิ่ง
โชคดีเหลือเกินที่ว่านเฉียงเองก็ละเอียดรอบคอบไม่แพ้กัน อีกทั้งนางยังสวมใส่เสื้อผ้าสีดำทั้งตัว ยามที่ยืนอยู่เหนือกำแพงเช่นนี้จึงกลมกลืนกับความมืดมิดยามราตรีเลยทีเดียว
ว่านเหลียงยิ้มประจบ “จริงเจ้าค่ะ มีเพียงคุณหนูฉ่ายเวินที่ฉลาดหลักแหลมที่สุด มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้หัวใจของชูเซี่ยสลายอย่างแท้จริง”
ฉ่ายเวินไม่สนใจน้ำคำประจบของอีกฝ่าย “พอแล้ว เจ้ากลับไปก่อน สองวันข้างหน้าเจ้าก็ทำตามแผนก็แล้วกัน แผนการของพวกเราที่หลางฟงติ่งก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ต้องทำให้กองกำลังคนของพรรคมังกรเหินไม่มีวันได้กลับลงมาได้อีก”
ว่านเหลียงโค้งคำนับ “เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบ คุณหนูเองก็รีบกลับไปพักผ่อนนะเจ้าคะ”
ดวงตาของฉ่ายเวินตวัดมองนางอย่างไม่พอใจ “คุณหนูฉ่ายเวินหรือกุ้ยเฟย เจ้ากลับไปคิดให้แน่เถิดว่าครั้งหน้าสมควรเรียกข้าว่าอะไร”
ว่านเหลียงตกใจจนใบหน้าซีดเผือด นางเงยหน้าขึ้นมองฉ่ายเวินก็พบว่าสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาที่นางช่างเย็นจนแทบทำให้ร่างทั้งร่างของนางแข็งค้างและสั่นสะท้านยังห้ามไม่อยู่ “กุ้ยเฟยเพคะ ข้าน้อยผิดไปแล้ว”
“ไสหัวไป!” ฉ่ายเวินตวาด
ว่านเหลียงรีบหันหลังวิ่งออกไปไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับมามอง
ว่านเฉียงนั่งอยู่บนหลังคาเฝ้ามองภาพเบื้องหลังอย่างระมัดระวังและเก็บทุกรายละเอียด
หลังจากที่ว่านเหลียงกลับไปแล้วนางก็คิดจะกลับด้วยเช่นกัน แต่ทว่านางกลับเห็นฉ่ายเวินเดินเข้าไปในตำหนัก นางเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ บทสนทนาคืนนี้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือแล้วนางยังจะเข้าไปทำไมอีก? ที่ตำหนักหลานจื่อแห่งนี้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เสียหน่อย
นางลอบฟังเสียงและค่อยๆเดินไปบนหลังคาตามเสียงฝีเท้าของฉ่ายเวินอย่างระมัดระวังจนกระทั่งเสียงฝีเท้าหยุดไป นางก็ค่อยเปิดหลังคากระเบื้องออกเพื่อมองดูภาพเบื้องล่าง
ความจริงไม่ด฿เสียอย่างดีกว่าเพราะทันทีที่นางมองลงไปก็ตกใจจนแทบพลัดตกหลังคาลงไป
ในตำหนักนี้มีแสงไฟสลัวๆอยู่จึงทำให้นางเห็นสาวน้อยวัยสิบห้าสิบหกที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง ริมฝีปากของนางถูกผ้ามัดไว้จนทำให้ส่งเสียงไม่ได้ ผิวพรรณของนางขาวยิ่งนักแต่ดวงตากลับเลื่อนลอยคล้ายกับคนเสียสติอย่างไรอย่างนั้น
หญิงสาวที่ถูกมัดเมื่อนางเห็นฉ่ายเวินเข้ามาในห้องก็ยิ้มโง่งมออกมาจนน้ำลายไหลออกมาจากมุมปาก นางแสดงท่าทางตื่นเต้นและเตะเท้าไปมาทั้งพยายามดิ้นรนจะลุกขึ้นยืนให้ได้
ว่านเฉียงจำนางได้ นางผู้นี้ชื่อเสี่ยวเชี่ยน นางเป็นนางกำนัลของเหลียงเฟย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...