ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 287

ตอนที่ 287 ผิวหนังนุ่มนวล

เพราะว่าในห้องถูกจุดตะเกียงไว้ แสงจากตะเกียงบนโต๊ะไม้ทำให้ว่านเฉียงสามารถเห็นใบหน้าของฉ่ายเวินในที่สุด

ผิวหน้าของนางเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำปูดโปนทั้งยังมีรอยบากยาวจากบริเวณแก้มลากไปจนถึงกกหูดูน่าสยดสยองจนว่านเฉียงแทบจะทนมองต่อไปไม่ได้

ว่านเฉียงพยายามเพ่งมองดูใบหน้าของฉ่ายเวินอีกครั้ง เส้นเลือดสีดำพวกนั้นมาจากที่ไหนกันนะ แล้วเหตุใดจึงได้ปูดโปนราวกับใกล้จะระเบิดมากถึงเพียงนี้ ใบหน้างดงามของฉ่ายเวินยามนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไปแล้ว

ฉ่ายเวินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเชี่ยนจากนั้นก็ล้วงหยิบเอาขวดใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อของตน เมื่อเปิดฝาขวดออกนางก็เทเอายาเม็ดเล็กๆเม็ดหนึ่งไว้กลางฝ่ามือ เสี่ยวเชี่ยนที่เห็นเม็ดยาในมือนางก็ร้องราวกับคนเสียสติก็ไม่ปาน ‘อ้า อ้า อ้า’ สองเท้าของนางเตะไปมากลางอากาศอย่างตื่นเต้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความปรารถนาเม็ดยาในมือนั่น

ฉ่ายเวินยิ้มออกมาเล็กน้อย “จะใจร้อนทำไมกัน ข้าย่อมให้เจ้าอยู่แล้ว”

นางจับยึดคางของเสี่ยวเชียนเอาไว้ก่อนจะยัดเม็ดยาเข้าไปในปากของนาง ราวกับว่าเสี่ยวเชียนได้รับสมบัติอันล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น ทันทีที่เม็ดยาเข้าปากนางก็รีบกลืนลงไปทันที

หลังจากที่กลืนเม็ดยาเข้าไปไม่นาน ดวงตาของเสี่ยวเชี่ยนก็เป็นประกายวิบวับราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยงดู ผิวหน้าของนางก็ดูผ่องใสทั้งยังขาวสะอาดงดงามจับตา ศีรษะของนางโยกไปมาราวกับว่ากำลังผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เท้าของนางที่ดีดดิ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อครู่ก็ค่อยๆกลับมาสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนเดิม

ใบหน้าของของดูเลื่อนลอยอย่างประหลาดแต่ก็งดงามมีเสน่ห์และดูอ่อนนุ่มแปลกตา ริมฝีปากของนางแย้มยิ้มราวกับว่าหญิงสาวผู้นี้หลุดมาจากอีกโลกหนึ่งก็ไม่ปาน

ฉ่ายเวินที่ยืนมองท่าทางของนางก็แย้มร้อยยิ้มชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

ว่านเฉียงนึกถึงครั้งที่เหลียงกวางเสียงมาหานายหญิง เขาบอกว่าฉ่ายเวินใช้วิธีถลกหน้าของหญิงสาวคนอื่นๆเพื่อนำมาเป็นใบหน้าของตนเองขึ้นมา การที่นางจับตัวเสี่ยวเชี่ยนมาจะใช่เหตุผลนี้หรือไม่นะ แล้วเหตุใดจึงต้องป้อนยาเม็ดนั้นแก่นางด้วย ยาเม็ดนั้นมีสรรพคุณอะไรกันแน่

ยังมี หากว่าว่านเหลียงตกอยู่ในกำมือของนางจะถูกนางจับให้กินยาตัวนี้ด้วยหรือไม่นะ ผิวหน้าของว่านเหลียงยังนับว่าดีกว่าเสี่ยวเชี่ยนด้วยซ้ำ

ว่านเหลียงหายตัวไปในวังหลวงแห่งนี้และก็มีว่านเหลียงตัวปลอมโผล่มาในเวลาสั้นๆ ขั้นตอนการถลกหนังเปลี่ยนรูปโฉมไม่ใช่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ มีความเป็นไปได้ที่ว่านเหลียงน่าจะยังมีชีวิตอยู่

แต่ทว่านางจะถูกจับไปไว้ที่ไหนนะ หลางฟงติ่ง?

ฉ่ายเวินใช้เวลาอยู่ในตำหนักร้างแห่งนี้อีกสักพักจนกระทั่งนางเห็นว่าผิวพรรณของเสี่ยวเชี่ยนยามนี้ดูผุดผาดขึ้นมากก็พยักหน้าอย่างพออกพอใจก่อนจะเดินกลับออกไป

เมื่อนางออกจากตำหนักหลานจื่อก็หยิบผ้าคลุมหน้าขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตนเองไว้จนเหลือเพียงดวงตากลมโตทั้งสองข้างแต่ถึงกระนั้นนางก็ยังสามารถเห็นเส้นเลือดดำบริเวณหัวคิ้วของนางได้ ว่านเฉียงมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่คนแต่เป็นนางปีศาจแปลงกายมากเสียมากกว่า

ว่านเฉียงรีบกลับไปยังตำหนักฉ่ายเหว่ยเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยจึงเข้าพบชูเซี่ย

กลางดึกคืนนี้ว่านเหลียงทำหน้าที่เป็นผู้อยู่เวรเฝ้าระมัดระวังแต่นางก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าว่านเฉียงเดินมาหานางที่ลานหน้าพระตำหนักทั้งๆที่ดึกถึงเพียงนี้แล้ว “เจ้ามาทำอะไรหรือ”

ว่านเฉียงกวาดตามองดูรอบๆบริเวณอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินมาใกล้มากกว่าเดิมและเอ่ยกระซิบเสียงเบา “สองคืนนี้ข้าจะเป็นผู้เฝ้าระวังเองเจ้ากลับไปเถิด”

ว่านเหลียงคิดว่าที่นางกล่าวเช่นนี้เพราะจะหาโอกาศลงมือขโมยป้ายจึงพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่เสียเวลาคิด “เจ้าต้องระวังตัวด้วยนะ”

ว่านเฉียงพยักหน้า “วางใจเถิด ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”

ว่านเฉียงมองตามเงาเบื้องหลังของว่านเหลียงไปจนลับสายตาก็ยกมือเป็นสัญญาณจากนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฎกายท่ามกลางความมืด

“สะกดรอยตามนาง ต่อให้นางเข้าห้องน้ำเจ้าก็ต้องตามไป” ว่านเฉียงออกคำสั่ง

“ทราบ!” เงาร่างนั้นพุ่งทะยานตามหลังว่านเหลียงไปทันที

คนคนนั้นก็เป็นหนึ่งในกลุ่มสายลับเงาของพรรคมังกรเหินเช่นกัน นับตั้งแต่ที่ชูเซี่ยรู้ว่าคนที่อยู่ข้างกายนางก็คือว่านเหลียงตัวปลอมนางก็มีคำสั่งให้สายลับเงาแฝงตัวเข้ามาอยู่ในวังทันที ซึ่งแน่นอนว่าไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นหน้าหรือรับรู้การมีตัวตนของพวกเขาในวังแห่งนี้

ว่านเฉียงหันกายกลับเข้าตำหนัก ภานในห้องบรรทมยังคงมีแสงไฟในตะเกียงเท่าเมล็ดถั่วจุดอยู่ ชูเซี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องในมือของนางมีตำราเล่มหนึ่ง แสงจากตะเกียงในห้องสะท้อนให้เห็นใบหน้าของนางที่ฉายแววลังเลสับสน

“นายหญิง!” ว่านเฉียงเดินเข้ามาใกล้นางส่งเสียงเรียก

ชูเซี่ยวางตำราในมือลงบนโต๊ะก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองว่านเฉียง “นางไปพบฉ่ายเวินมาใช่หรือไม่”

“นายหญิงเดาได้ถูกต้องเจ้าค่ะ นางไปที่ตำหนักหลานจื่อเพื่อพบกับฉ่ายเวินจริงๆ ทั้งคู่คุยกันถึงแผนการในอีกสองวันข้างหน้า”

“ตอนนี้สำหรับฉ่ายเวินและหลี่อวิ่นลี่แล้ว คนของพรรคมังกรเหินทั้งสามคนเรียกได้ว่าเป็นอุปสรรคครั้งใหย่สำหรับพวกเขาเลยก็ว่าได้ เพราะว่าคนของพรรคมังกรเหินไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การสั่งการของราชสำนักและฮ่องเต้แต่ตกอยู่ภายใต้ข้าแต่เพียงผุ้เดียว การที่จู่ๆพวกเขาปรากฎตัวขึ้นมาย่อมทำให้แผนการของหลี่อวิ่นลี่ไม่เป็นไปตามใจนึก”

“ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายหญิงคิดคำนวนไว้ทั้งหมด พวกมันตั้งใจจะหลอกล่อคนของพรรคมังกรเหินให้ขึ้นเขาหลางฟงติ่งทั้งหมดเพื่อกำจัดทีเดียวให้ราบคาบ”

“การล้างบางคนของพรรคมังกรทั้งสามพันคนเขาจำเป็นต้องใช้เวลามาก แต่ก็นับว่าฉลาดที่เขารู้จักฉวยโอกาสที่ข้าเคลื่อนกำลังพลของพรรคมังกรเหินเข้าวังหลวงทั้งหมดในการจัดการลงมือทีเดียว การลงมือในครั้งนี้ของเขาก็เหมือนกับมีดคมตัดใยป่านที่พันกันยุ่งนั่นเอง”

“ใช่เจ้าค่ะ และยิ่งยามนี้ที่พี่เชียนซานมีปัญหากับนายหญิงเช่นนี้พวกเขาจึงฉวยโอกาสที่มีการแตกหักกันในพรรคส่งเหลียงกวางเสียงมากวนน้ำให้ขุ่นมากขึ้น ทำให้นายหญิงและพี่เชียนซานผิดใจกันมากกว่าเดิมเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาลงมือทำลายอำนาจของพรรคมังกรเหิน”

“ใช่แล้ว เจ้าไปบอกเชียนซานให้ระวังตัวให้มากหน่อยก็แล้วกัน” ชูเซี่ยกล่าวอย่างเป็นห่วง

ว่านเฉียงน้อมรับคำสั่ง “จริงด้วยสิ นายหญิงเจ้าคะ เมื่อครู่ที่ข้าน้อยสะกดรอยตามว่านเหลียงไปที่ตำหนักหลานจื่อข้าเห็นว่าฉ่ายเวินนางจับคนคนหนึ่งไว้ด้านในตำหนักล้างนั่นด้วยเจ้าค่ะ”

“ผู้ใดกัน” ชูเซี่ยถามอย่างสนใจ

“เป็นนางกำนัลข้างกายของเหลียงเฟยนามว่าเสี่ยวเชี่ยนเจ้าค่ะ”

“คนข้างกายเหลียงเฟย? ฉ่ายเวินมีเรื่องบาดหมางกับเหลียงเฟยงั้นหรือ” ชูเซี่ยมีสีหน้าไม่เข้าใจ

“ข้าว่าคงไม่ใช่ปัญหาเรื่องของความบาดหมางหรอกเจ้าค่ะ เสี่ยวเชี่ยนผู้นั้นมีท่าทางประหลาดยิ่งนัก สติของนางดูเลื่อนลอยแปลกๆ ทันทีที่นางมองเห็นฉ่ายเวินก็ดูมีท่าทางตื่นเต้นดีใจ ต่อมาฉ่ายเวินก็หยิบยาออกมาเม็ดหนึ่งให้นางกินนางจึงค่อยสงบลงได้และท่าทางของนางหลังจากที่กินก็ดูเพลิดเพลินมีความสุขยิ่ง”

ชูเซี่ยยิ่งฟังก็ยิ่งแปลกใจ “เม็ดยา? ฉ่ายเวินไปลักพาตัวนางกำนัลไปขังไว้ที่ตำหนักหลานจื่อเพื่อป้อนยางั้นหรือ”

“ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับวิชาถลกหนังของนางหรือไม่นะเจ้าคะ ก่อนหน้าเหลียงกวางเสียงก็เคยกล่าวไม่ใช่หรือเจ้าคะว่ากว่าฉ่ายเวินจะได้รูปโฉมของนางกลับคืนมาดังเดิมนางเคยจับหญิงสาวมาถลกหนัง อีกอย่างข้าก็เห็นว่าใบหน้าของนางยามนี้มีเส้นเลือดสีดำขึ้นปูดโปนน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก ดูไม่เหลือเค้าความงดงามเลยสักนิด”

ชูเซี่ยฟังก็เอ่ยสันนิษฐาน “งั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าผิวหนังบนใบหน้าของนางถึงเวลาเปลี่ยนแล้วแต่หนังสำหรับทำใบหน้าใบก็คงต้องอาศัยเวลาบำรุงเสียก่อน ตอนนี้รูปโฉมของเสี่ยวเชี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง ผิวของนางเป็นเช่นไร”

“ผิวของนางดีมากเจ้าค่ะ ดูผ่องใสงดงามและยิ่งหลังจากที่กินยาเม็ดนั้นเข้าไปก็ยิ่งขาวสะอาดตามากขึ้นอีกด้วย”

“หากว่าข้าเดาไม่ผิด” ชูเซี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ “ฟังจากที่เหลียงกวางเสียงกล่าวมา วิชาถลกหนังของฉ่ายเวินจะต้องกรีดใบหน้าของเหยื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อนำมาหลอมรวมเป็นแผ่นเดียวกัน วิธีที่โหดเหี้ยมเช่นนี้...”

ว่านเหลียงได้ยินที่นายหญิงของตนกล่าวมานางก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ “นายหญิง พวกเราจะยื่นมือไปช่วยเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้นะเจ้าคะ หากว่าเราช่วยเสี่ยวเชี่ยนออกมา ฉ่ายเวินนางจะต้องไหวตัวทันและแผนการของเราที่วางไว้อย่างดีก็จะต้องล้มเหลว”

“ข้ารู้!” ชูเซี่ยกล่าวแต่สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ

ว่านเฉียงรู้จักนิสัยของนายหญิงดี นางมีจรรยาบรรณของความเป็นแพทย์สูงส่ง สำหรับนางแล้วชีวิตคนเป็นของที่สำคัญและล้ำค่ามาก

การที่จะให้นางทนมองชีวิตของนางกำนัลผู้หนึ่งหลุดลอยไปเพราะฝีมือของฉ่ายเวินนั้น เป็นเรื่องที่นางไม่สามารถทนได้

หัวใจของชูเซี่ยรู้สึกผิดเหลือเกิน ความจริงแล้วทุกครั้งที่เห็นพวกนางกำนัลเด็กๆในใจของนางก็มักจะบังเกิดความเอ็นดูสงสารทุกครั้ง ยังเด็กอยู่แท้ๆก็ต้องพลาดออกจากอ้อมอกบิดามารดาเข้าวังมาเป็นนางกำนัลตัวน้อย ต้องทนสารพัดกับคำดูถูกและรองรับอารมณ์ของผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า แม้กระทั่งจะละทิ้งชีวิตของตนเองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางอำนาจมากเท่าใดชีวิตก็ยิ่งไร้ค่ามากขึ้นเท่านั้น ภายในวังหลวงแห่งนี้ชีวิตของพวกนางกำนัลแทบจะเรียกได้ว่าไร้ค่าด้วยซ้ำ เสี่ยวเชี่ยนหายไปจากตำหนักของเหลียงเฟยก็ไม่มีผู้ใดคิดสนใจราวกับว่าการสูญเสียเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว

นางกำนัลและข้าหลวงในวังเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารที่สุดในวังหลวงแห่งนี้

“จริงสิเจ้าคะนายหญิง” จู่ๆว่านเฉียงก็กล่าวขึ้นมา “ผิวของว่านเหลียงก็ดีมากเช่นกัน ท่านว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะตกอยู่ในกำมือของฉ่ายเวิน”

“อยู่ในกำมือของฉ่ายเวิน?” ดวงตาของชูเซี่ยเบอกกว้างขึ้น “เป็นไปได้มากทีเดียว พวกเจ้าเคยไปหาเบาะแสที่หลางฟงติ่งหลายครั้งก็ไม่เคยได้เบาะแสของว่านเหลียงเลย นั่นคงเป็นเพราะว่าแท้จริงแล้วว่านเหลียงไม่ได้อยู่บนเขาลูกนั้นแต่นางอยู่ในเงื้อมมือของฉ่ายเวินต่างหากเล่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า