ตอนที่ 288 เปลี่ยนหน้า
ว่านเฉียงพยักหน้า “เป็นไปได้มากทีเดียวเจ้าค่ะ”
ชูเซี่ยคิดใคร่ครวญอยู่สักพักก่อนจะเอ่ย “ก่อนที่พวกเราจะเข้าวังมาว่านเหลียงก็ถูกเปลี่ยนตัวแล้ว จากนั้นให้สามวันให้หลังฉ่ายเวินก็เข้าวัง จากนั้นฉ่ายเวินก็ไม่ได้ออกจากวังอีกเลย วิชาถลกหนังนางจำเป็นต้องลงมือด้วยตนเอง ตอนนี้เจ้ารีบไปสืบมาก่อนว่าเสี่ยวเชี่ยนผู้นี้หายสาบสูญมากี่วันแล้ว หากว่านางหายตัวไปเกินสามวันก็แสดงว่าว่านเหลียงยังมีชีวิตอยู่แน่”
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ว่านเฉียงหมุนกายวิ่งออกไปจากห้องทันที
หลังจากที่ว่านเฉียงออกไป ชูเซี่ยก็มีคำสั่งให้หลี่ฉางอันมาเข้าพบนาง
หลี่ฉางอันคือผู้นำกองกำลังของพรรคมังกรเหิน ระยะนี้เขามักจะแฝงตัวอยู่ในตำหนักฉ่ายเหว่ยอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะสามารถเข้าพบชูเซี่ยได้ในทันทีที่นางมีคำสั่งให้เข้าพบ
“ฉางอัน เจ้าไปที่ตำหนักหลานจื่อช่วยสาวน้อยนางนั้นออกมา แต่ว่าอย่าได้ให้ผู้ใดรู้เป็นขาดและอย่าให้ผู้ใดสงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกเรา เข้าใจหรือไม่” ชูเซี่ยกล่าวกำชับ
หลี่ฉางอันผู้นี้เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีอย่างยิ่ง ขอเพียงเป็นคำสั่งจากหัวหน้าพรรคเขาก็ไม่เคยคิดจะถามเหตุผลให้มากความ
แต่ว่าเมื่อได้ยินชูเซี่ยสั่งการมาเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสนอความคิดเห็นของตน “หากว่าท่านประสงค์จะไปช่วยคนที่ตำหนักร้างแห่งนั้นและไม่ต้องการให้คนรู้ เช่นนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือวางเพลิงเผาทำลายหลักฐานจากนั้นก็ทิ้งศพไว้ในกองเพลิงดีหรือไม่ขอรับ”
“ใช้เวลาเท่าใด” ชูเซี่ยถาม
“การวางเพลิงไม่นานแต่การหาศพจำต้องใช้เวลาขอรับ คาดว่าต้องใช้เวลาสองวัน” หลี่ฉางอันเอ่ยตอบเสียงสุภาพ
สองวัน? ชูเซี่ยเกรงว่าหากรอถึงสองวันเสี่ยวเชี่ยนก็คงถูกถลกหนังไปแล้วล่ะ
หากต้องรออีกสองวันก้คงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีวางเพลิงแล้วล่ะ ช่วยคนออกมาตรงๆเลยก็แล้วกัน
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สองวันนี้ท่านก็เฝ้าจับตามองตำหนักหลานจื่อเอาไว้ หากว่าฉ่ายเวินลงมือกับนางกำนัลคนนั้นท่านก็ให้ความช่วยเหลือทันทีก็แล้วกัน แต่หากว่าฉ่ายเวินยังไม่ได้ลงมือทำอะไรท่านก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ รอให้แผนการของพวกเราเสร็จสิ้นค่อยว่ากันอีกครั้ง”
หลี่ฉางอันโค้งกายรับคำสั่ง “ขอรับ ข้าน้อยรับทราบ”
ว่านเฉียงใช้เวลาไม่นานก็ได้ข่าวกลับมา หญิงสาวไปสืบข่าที่ตำหนักของเหลียงเฟยก็ได้ความว่าเสี่ยวเชี่ยนหายสาบสูญมาประมาณห้าวันแล้ว
ข่าวนี้ทำให้นางและชูเซี่ยรู้สึกใจชื้นขึ้นมา “นางกำนัลคนนั้นหายสาบสูญมาห้าวัน ส่วนใบหน้าของฉ่ายเวินยามนี้ก็เริ่มใช้การไม่ได้ การที่นางยังเปลี่ยนหนังหน้าอีกครั้งก็คงเพราะผิวหน้าของเหยื่อยังใช้การไม่ได้”
“นายหญิง หรือว่าเราควรเรียกหลิงกุ้ยไท่เฟยมาสอบถามดูดีหรือไม่ นางน่าจะรู้ว่าวิชาถลกหนังใช้เวลามากน้อยเพียงใด” ว่านเฉียงเสนอแนะ
ชูเซี่ยรับคำ “จริงด้วย พรุ่งนี้ข้าจะเรียกหานางเพื่อสอบถามดูก็แล้วกัน”
เช้าวันต่อมาชูเซี่ยก็สั่งให้คนไปเชิญหลิงกุ้ยไท่เฟยมาที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยทั้งยังให้นางอุ้มเด็กน้อยที่นางรับเลี้ยงมาด้วย
หลิงกุ้ยไท่เฟยใช้เวลาลาไม่นานก็มาถึงตำหนักของชูเซี่ย เมื่อเข้ามาภายในตำหนักนางก็เปิดปากถามชูเซี่ยอย่างร้อนใจ “ท่านรีบร้อนเรียกหาข้าทำไมกัน หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับเด็กคนนี้งั้นหรือ”
ชูเซี่ยเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็เอ่ยปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่มีอะไร ไม่ต้องร้อนใจไปหรอก ข้าเพียงแค่อยากตรวจดูชีพจรของดูเท่านั้น”
หลิงกุ้ยไท่เฟยทำหน้าไม่เชื่อ “ไม่มีอะไรจริงหรือ”
ชูเซี่ยยิ้มออกมาก่อนจะหันไปอ้าแขนรับเด็กน้อยมาจากอ้อมแขนของแม่นม จากนั้นก็ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากห้องจนหมดเหลือเพียงนาง หลิงกุ้ยไท่เฟยและเด็กน้อยในอ้อมกอดเท่านั้น
หลิงกุ้ยไท่เฟยเห็นอีกฝ่ายไล่คนออกไปจนหมดก็ยิ่งร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก “มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆอย่าได้อ้อมค้อมอีกเลย ข้าเตรียมใจไว้แล้ว อาการของเขารักษาไม่ได้หรือ เขาจะตายใช่หรือไม่”
ชูเซี่ยไม่ได้ตอบคำถามของนาง หญิงสาวก้มหน้ามองเด็กน้อยในอ้อมกอดจากนั้นก็จับชีพจรเล็กๆนั่น เด็กน้อยในอ้อมกอดก็คิดว่าชูเซี่ยกำลังเล่นกับตนจึงยิ้มออกมาจนเห็นลักยิ้มน้อยๆที่ข้างแก้มแล้วก็หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี
ชูเซี่ยก็ค่อยๆหัวเราะออกมา “เด็กคนนี้ร่าเริงเสียจริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...