ตอนที่ 290 ออกเดินทาง
ตลอดทางว่านเหลียงเอาแต่จ้องมองนาง จ้องมองอยู่นานมาก มองอย่างไรก็ไม่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้านางจะดูเก่งกาจอะไรแม้แต่น้อย
เดิมทีนางคิดว่าผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคมังกรเหินได้จะต้องเป็นผู้ที่เก่งกาจน่าเกรงขามหรือไม่ก็ฉลาดเกินผู้ใด แต่ทว่านางเองก็อยู่กับชูเซี่ยมาสักพักแล้วกลับไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นวรยุทธอีกทั้งนางยังโง่มากอีกด้วย แม้กระทั่งความคิดที่จะเคลื่อนกำลังพลของพรรคมังกรเหินก็เป็นของอาหมั่นไม่ใช่ของชูเซี่ย
แม้ว่าคนของพรรคมังกรเหินจะเดินทางเข้าวังหลวงแล้วนางก็ไม่เคยถามถึงพวกเขาสักคำ วันๆเอาแต่สอนอานเหยียนฝังเข็มหรือไม่ก็พาเด็กๆไปเยี่ยมเยียนไทเฮา ที่เก่งกาจที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องที่นางสามารถครอบครองพระทัยฝ่าบาทไว้ได้ แต่นอกนั้นก็ไม่เห็นจะมีดีอะไรสักอย่าง
ไม่รู้ว่านางมีดีอะไรถึงได้เป็นหัวหน้าพรรคมังกรเหินได้
เรื่องของพรรคมังกรเหินที่นางเคยทราบมาคือเป็นสำนักลึกลับและก็เต็มเปี่ยมไปดูอำนาจ อีกทั้งคนในพรรคต่างก็ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นสูง กองทัพของพรรคมังกรเหินไม่ว่าปรากฎตัวที่ใดก็สามารถหยุดสงครามและปราบจราจลได้อย่างชะงักนัก
แต่ว่ากองทัพอันทรงพลังนี้กลับต้องตกอยู่ภายใต้คำสั่งของสตรีโง่งมเพียงคนเดียว
ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน
ในที่สุดรถม้าก็วิ่งมาถึงตีนเขา เส้นทางต่อจากนี้เป็นเพียงเส้นทางเดินเขาเล็กๆที่รถม้าไม่สามารถเดินทางได้อีกแล้ว
ว่านเหลียงเป็นผู้ลงจากม้าก่อนแต่ว่านางก็ไม่ได้หยิบกระเป่ายาของชูเซี่ยลงไปด้วย นางเพียงสั่งให้สารถีรถม้าจอดรถม้าไว้ข้างทาง “เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้ากับนายหญิงจะเป็นผู้เดินทางขึ้นเขาเอง”
“ขอรับ!” สารถีรับคำสั่งอย่างแข็งขัน
ว่านเหลียงเดินกลับมาหาชูเซี่ย “นายหญิง ไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
แต่ชูเซี่ยห้ามไว้ก่อน “รอเดี๋ยว ข้าขอเอากระเป่ายาก่อน”
ชูเซี่ยเดินกลับไปที่รถม้าและเลิกม่านขึ้นเพื่อเอากระเป๋ายาออกมาจากนั้นก็หันกลับมากระซิบกับสารถี “หลังจากที่พวกเราเดินทางขึ้นเขาไปแล้วเจ้าก็กลับเมืองหลวงเลยไม่ต้องรอข้า”
สารถีหนุ่มอ้ำอึ้งเล้กน้อย “คือ...”
“ห้ามถาม นี่คือคำสั่งของข้า” ชูเซี่ยเปิดกระเป๋ายาทำทีเป็นตรวจข้าวของในนั้น
“ขอรับ!” สารถีหนุ่มเริ่มเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้แล้ว “ท่านหมอชูระวังตัวด้วยนะขอรับ”
ชูเซี่ยหิ้วกล่องยาเดินกลับไปหาว่านเหลียง
ว่านเหลียงที่รออยู่บริเวณทางเดินขึ้นเขาเห็นว่าชูเซี่ยพูดคุยอะไรสักอย่างกับสารถีผู้นั้นแต่เมื่อนางย่างเท้าเข้าไปใกล้ชูเซี่ยกลับก้มหน้าก้มตาตรวจดูข่าวของในกล่องยานางจึงถามขึ้นอย่างสงสัย “นายหญิงคุยอะไรกับเขาหรือเจ้าคะ”
แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมาทำให้เห็นใบหน้าขาวใสปราศจากเครื่องประทินโฉมใดๆของชูเซี่ยรวมไปถึงประกายบางอย่างในดวงตาที่ว่านเหลียงอ่านไม่ออก “ข้าแค่สั่งกำชับให้เขารออยู่แถวนี้อย่าไปที่ไหนไกลนัก กลัวว่าเมื่อเรากลับลงมาจะหากันไม่เจอ”
“นายหญิงวางใจเถิดเจ้าค่ะ เขาไม่ไปที่ไหนไกลหรอก” ว่านเหลียงกระตุกยิ้มมุมปาก
เพราะแสงของอาทิตย์ที่ค่อนข้างจ้าทำให้ชูเซี่ยมีโอกาสพิจารณามองรูปโฉมของอีกฝ่ายชัดๆ ชูเซี่ยเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าฟันของหญิงสาวผู้นี้แตกต่างกับว่านเหลียงตัวจริงค่อนข้างมาก ฟันของว่านเหลียงจะเป็นสีขาวมุกเรียงตัวกันสวยงามแต่กลับหญิงสาวผู้นี้ฟันของนางค่อนข้างเหลือง บ่งบอกถึงอายุจริงของนางที่น่าจะแก่กว่าว่านเหลียงมากพอดู
หากจะแปลงโฉมเป็นใครสักคนมันก็อาจจะหลอกคนรอบข้างได้แต่ไม่ทางหลอกคนสนิทของคนคนนั้นได้เป็นอันขาดเพราะสำหรับคนที่เป็นพี่น้องหรือสหายคนสนิทจะต้องแยกออกได้แน่
ดวงตากับฟันของคนไม่อาจเหมือนกันได้
ชูเซี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกนางเริ่มออกเดินทางขึ้นสู่เส้นทางเล็กๆขึ้นเขาไป
หุบเขาที่นี่นางคุ้นเคยอย่างยิ่ง เมื่อห้าปีก่อนที่นางยังเป็นเพียงหมอหญิงธรรมกานางก้เคยมาที่นี่และนางก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าบนเขาไม่มีหมู่บ้านชนบทอะไรทั้งนั้น
ในเวลาเดียวกันอีกฟากหนึ่งเชียนซานก็กำลังเตรียมพร้อมรอหลี่ฉางอันนำกำลังพลของพรรคมังกรเหินเดินทางมาสมทบนาง
กองทัพพรรคมังกรเหินทั้งสามพันคนค่อยๆเคลื่อนออกจากวังหลวงและป้ายมังกรเหินเองก็ไม่ได้อยู่ในกำมือของว่านเฉียงแต่อยู่ในมือของหลี่ฉางอัน
เชียนซานที่รอกองทัพอยู่หน้าประตูเมืองหางตาของนางมองเห็นเงาเล็กๆสองสายสีเขียวๆพุ่งทะยานไปบนท้องฟ้าก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เพราะแสงแดดค่อนข้างจ้าทำให้นางมองไม่ออก เห็นเพียงแค่เงาเขียวๆวูบผ่านไปเท่านั้น
ก่อนที่กองทัพของพรรคมังกรเหินจะเริ่มเคลื่อนทัพออกจากเมืองในมือของเขาต่างก็มีขวดยาขวดเล็กๆในมือหนึ่งใบ เป็นยาที่สามารถป้องกันหมอกพิษบนหุบเขาหลางฟงติ่งได้นั่นเอง
ฉ่ายเวินยืนอยู่บนกำแพงวังหลวงเพื่อมองดูกองทัพของพรรคมังกรเหินที่ค่อยๆเดินทางไปหาที่ตายอย่างช้าๆ แม้ว่าใบหน้าของนางยามนี้จะถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมแต่ว่าก็สามารถมองเห็นดวงตาคู่นั้นที่ฉายแววอำมหิตของนางได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...