ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 294

ตอนที่ 294 ทำลายทุกอย่าง

หลี่หยุนกางเผยรอยยิ้มออกมานิด ๆ เขาไม่รู้ว่าฮ่องเต้เตรียมที่พูดทำเรื่องนี้ ความจริงสิ่งที่เรียกว่าฎีกาฉบับนี้เดิมทีเป็นเรื่องปั้นแต่งขึ้นทั้งสิ้น แต่เรื่องพวกเขาเหล่าขุนพลยึดพื้นที่ถูกเหลียงกุยยกขึ้นมาพูดเพื่อกดดันฮ่องเต้ในเวลานั้นคือเรื่องจริง

เหตุผลที่กดดันไม่ใช่เพื่ออยากจะบอกว่าต้องการทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพียงแต่พื้นที่ตรงนั้นเดิมทีก็คิดว่าไร้ประโยชน์ การที่พวกเขายึดพื้นที่เป็นเพราะเบี้ยเลี้ยงรายเดือนไม่พออย่างแน่นอน ฉะนั้น จึงรู้สึกไม่พอใจ เฉินหยวนชิ่งแอบพูดเป็นนัยว่ายึดพื้นที่ตรงนี้แล้วจะปล่อยออกเช่า เพื่อให้ขุนพลอย่างพวกเขาทั้งหลายมีรายรับเพิ่มขึ้นบางส่วน

ข้าวและเงินเดือนที่แจกจ่ายให้กับนายทหารไม่เคยถูกยกขึ้นมาพูดในท้องพระโรง หลี่เฉินเย่นคิดจะแก้ไขยกระดับอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเหลียงกุยและคนอื่น ๆ บอกว่าท้องพระคลังว่างเปล่าจึงต้องล้มเลิกเรื่องนี้ไปก่อน

หลี่เฉินเย่นกล่าวว่า “เจิ้นรู้ จากที่เคยทำสงครามกับหนานจ้าวมาก่อนทำให้กำลังพลไม่เพียงพอ ท้องพระคลังก็ว่างเปล่า และเป็นการปฏิบัติกับเหล่าทหารอย่างพวกเจ้าที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง เจิ้นสั่งให้คนเสนอทางแก้ไขเรื่องข้าวและเงินเดือนที่แจกจ่ายให้กับพวกเจ้าแล้ว เพื่อที่พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากยากแค้นเช่นนี้อีก”

“กระหม่อมละอายใจยิ่งนัก!” ขุนพลซุนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้า

ในบรรดาขุนพลหลายนาย มีเพียงขุนพลซุนเพีงคนเดียวที่ค่อนข้างเถรตรง คิดอะไรง่าย ๆ ฉะนั้น หลี่เฉินเย่นจึงเลือกที่จะเจาะกำแพงเข้าไปจากเขาก่อน

หลังจากที่พูดทุกสิ่งอย่างเสร็จสิ้น หลี่เฉินเย่นก็สั่งให้หัวหน้าขันทีลู่เชิญเฉินหยวนชิ่งกับขุนพลนนายอื่น ๆ เข้ามา รวมถึงเชิญเจ้าหญิงแห่งหนานจ้าวผู้มีชื่อเรียกอันงดงามว่าหรูกุ้ยเฟยให้เข้ามาในกระโจมด้วย เพื่อที่จะได้เห็นพลทหารของแคว้นเหลียงอันยิ่งใหญ่

เฉินหยวนชิ่งเห็นฉ่ายเวินแล้ว แม้จะมีผ้าปิดหน้า แต่แค่มองแวบเดียวเขาก็ดูออก

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าหญิงอวิ๋นซึนคือฉ่ายเวิน เขาก็ยังมองออกได้

เขาเข้าใจในจุดประสงค์ที่หลี่เฉินเย่นพาฉ่ายเวินมาแล้ว หลี่เฉินเย่นต้องการจะบอกเขาว่าคนที่ทำให้อวี่จู๋ตายคือฉ่ายเวิน ไม่ใช่ชูเซี่ย ให้เขาอย่าได้ล้างแค้นศัตรูผิดคน

ฉ่ายเวินมองเฉินหยวนชิ่ง แต่ด้วยมารยาทส่วนหนึ่งแล้วจึงต้องรับการเคารพจากเฉินหยวนชิ่งและคนอื่น ๆ ดูนิ่งไม่สะทกสะท้านราวกับว่าไม่ได้ทำเรื่องอันใดที่เป็นบาปมาก็ไม่ปาน

ยามที่หลี่เฉินเย่นกับเฉินหยวนชิ่งกำลังเล่นสงครามประสาทกัน ฝาแฝดก็เดินทางไปหลางฟงติ่งแล้ว

หลี่อวี๋นหลี่ออกนั่งบัญชาการการต่อสู้กวาดล้างองครักษ์พรรคมังกรเหินครั้งนี้ที่ฐานกองบัญชาการใหญ่ด้วยตนเอง

ในห้องคุมขังหลวี่หนิงอยู่ เขาจัดคนไว้เฝ้าเพียงสองคน เพราะเขาจะไม่ปล่อยให้องครักษ์ของพรรคมังกรเหินมาที่นี่ เขาจะกวาดล้างองครักษ์พรรคมังกรเหินทุก ๆ คนในป่าทึบนั่น

นอกเหนือจากหมอกพิษที่ตลบอบอวลไปทั่ว เงาร่างสองร่างผ่านป่าทึบไปราวกับสายลมแล้วมุ่งตรงไปยังปากทางเข้าภูเขา

สองคนนี้ก็คือฝาแฝด

“จะเข้าไปตรงทางเข้าหรือทางโพรงดี” ฉองเหลาผู้มีปัญหาในการเลือกหันไปถามจิงโม่ด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

สองตาของจิงโม่มองทางเข้าอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นว่า “ปากถ้ำมีค่ายกล!!”

“งั้นเราก็ไปทางโพรงกัน” ฉองเหลาแนะนำ

แต่จิงโม่กลับจูงมือเขาแล้วพากระโดดขึ้นลงไปมาไวราวกับพายุหมุนก็ไม่ปาน ครู่เดียวก็ผ่านค่ายกลตรงปากถ้ำเข้าไปในถ้ำแล้ว

ทางเดินในถ้ำกว้างขวางเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีรอยล้อรถ

“ทำไมที่นี่ถึงได้มีทางรถเดินด้วย ปากถ้ำเล็กขนาดนี้” ฉองเหลาถามด้วยความสงสัย

“ที่นี่ไม่ได้มีปากถ้ำอันเดียวแน่ อาจจะมีปากถ้ำอื่นที่มีขนาดใหญ่กระมัง บางทีอาจจะมีปากถ้ำอื่นที่เรายังไม่เจอก็ได้ เพียงแค่พวกเขาซ่องเอาไว้” จิงโม่หลับตา สัมผัสได้ถึงอากาศที่อึดอัดภายในถ้ำ ในอากาศมีไอพิษอยู่เล็กน้อยซึ่งน่าจะถูกพัดมาจากป่าทึบ ลมถ่ายเททุกทิศจึงดูดมันเข้ามา

“รีบไปเถอะ ที่นี่น่ากลัวจะตาย!” ฉองเหลายังคงขี้ขลาดไม่มีเปลี่ยน

“ไป!” จิงโม่จูงเขา หางเสียงยังไม่ทันเงียบลงก็ไม่เห็นเงสคนเสียแล้ว

นับตั้งแต่หลังจากที่หลวี่หนิงถูกจับตัวไปก็ถูกขังไว้ในห้องลับที่ติดกับหน้าผาสูงชะโงก

ห้องลับนี้มีหน้าต่างหนึ่งบานด้านนอกหน้าต่างก็คือเหวลึกที่สุดจะหยั่งได้ หน้าต่างปิดตายด้วยแผ่นเหล็กเรียบไม่สามารถขยับได้ ต่อให้งัดเปิดได้ก็ไร้หนทางหนี

คนที่กำลังเฝ้าประตูอยู่สองคนแทบจะไม่อยากอยู่ที่นี่ เพราะประตูต้องใช้กุญแจเปิด หากยื่นมือไปแตะเข้าก็จะถูกพิษบนประตู ซึ่งนั่นหมายถึงความตาย

สิ่งนี้ใช้ป้องกันกลุ่มอ้านทั่นของพรรคมังกรเหิน กลุ่มอ้านทั่นมีวิชาตัวเบาขั้นสูง อาจจะผ่านป่าทึบมาได้ ถึงแม้จะผ่านค่ายกลได้ แต่ถึงจะค้นหาที่นี่เจอ พอยื่นมือไปสัมผัสประตูเหล็กก็จะถูกพิษจนตาย

หลวี่หนิงว่าตนเองติดอยู่ที่นี่และไม่อาจมีชีวิตรอดกลับไปได้ เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ สภาพจิตใจก็ยิ่งผ่อนคลาย

เขาเป็นห่วงเชียนซาน ไม่รู้ว่าเชียนซานหนีไปได้หรือไม่

หลังจากนีไปได้แล้ว นางจะเสี่ยงอันตรายมาช่วยตนเองอีกหรือไม่ ทุก ๆ วัน เขาขอพรจากเทพเซียนกราบไหว้พระพุทธองค์ขอไม่ให้เชียนซานมา ที่แห่งนี้อันตรายอย่างหาที่เปรียบมิได้ หากเข้ามาแล้ว ไม่มีทางกลับออกไปได้

วันนี้เข้าได้ยินเสียงตีกลองจากในเขา เขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นถามผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านนอกผ่านรูกุญแจ ผู้คุ้มกันหัวเราะเยาะเย้ยแล้วบอกเขาว่า “วันนี้มีคนมาช่วยเจ้า ดวงเจ้าขึ้นแล้วไอ้น้องชาย!”

เลือดในกายหลวี่หนิงแข็งทื่อไปทั้งตัว “สวรรค์ เชียนซาน เจ้าอย่ามานะ!”

ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านนอกหัวเราะเยาะพลางพูดต่อ “ครั้งนี้ ไม่ว่าจะมามากเท่าไร พวกมันก็ไร้หนทางกลับไปอยู่ดี แต่ว่านะ ไอ้น้องชาย ชะตาของเจ้าถึงฆาตแล้ว การมีชีวิตอยู่ของเจ้านี่คุ้มค่าเสียจริง เพราะล่อพวกมันมาช่วยเจ้าได้ มีคนตั้งหลายคนตายเป็นเพื่อนเจ้าเชียวนา เจ้านี่ช่างโชคดีจริง ๆ”

หลวี่หนิงแทบจะกระอักเลือดออกมา ใจว้าวุ่นอย่างยิ่ง กายสั่นไปทั้งร่าง ต้องเป็นเชียนซานที่ระดมพลของพรรคมังกรเหินมาช่วยเขาเป็นแน่

และไม่รู้ว่าระดมพลมามากน้อยเพียงใด แต่มันต้องไม่น้อยแน่ ๆ เชียนซาน ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกมัน หลี่อวี๋นหลี่ต้องการจะโจมตีพรรคมังกรเหิน จะพาเจ้ากับทัพหน้าพรรคมังกรเหินมาเซ่นสังเวย เจ้าถูกหลอกได้อย่างไรกัน

ขณะที่ใจของหลวี่หนิงว้าวุ่นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก เสียงของผู้คุ้มกันสองนายนอบน้อมอย่างยิ่ง “ท่านอ๋อง!”

เสียงไขลานดังขึ้น ประตูเหล็กถูกเปิดออก

คนที่เข้ามาคือหลี่อวี๋นหลี่ เขาสวมชุดสูงศักดิ์สีดำ ท่าทีไม่สง่าดั่งเซียนเหมือนแต่ก่อน หน้าหมองหม่น แต่พอจะคิดได้ว่ามาหลายปีมานี้ เขาคงไม่ได้อยู่ดีกินดี แต่เอาแต่วิ่งวุ่นมาตลอด

ท่าทีของเขาไม่ได้หยิ่งผยอง และไม่ได้ประมาทเลินเล่อ มีเพียงสองตาเท่านั้นที่ลุ่มลึกอย่างยิ่งจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง เพียงแค่มองแวบแรกก็เหมือนถ้ำที่มืดมิด ภายในว่างเปล่า

หลี่อวี๋นหลี่ไม่ได้พาคนคุ้มกันมาด้วย เขาเข้ามาเพียงตัวคนเดียว

แม้บาดแผลจากกระบี่ของหลวี่หนิงจะหายดีขึ้นมาก แต่ถูกพวกเขาทำลายวรยุทธ์ไปแล้ว ตอนนี้จึงเป็นแค่คนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง

“ใต้เท้าลู่ อยู่สบายดีหรือไม่” หลี่อวี๋นหลี่เข้ามา จากนั้นก็ถามอย่างมีมารยาทและถ่อมตนราวกับต้อนแรกแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่ง

หลวี่หนิงเงยหน้าทำสีหน้าเหยียดหยัน “ด้วยความดูแลของท่านอ๋องจึงอยู่สบายยิ่งนัก”

หลี่อวี๋นหลี่นั่งลงบนเตียงของหลวี่หนิงแล้วยิ้มพลางพูด “มิต้องเกรงใจ”

หลวี่หนิงนั่งลงบนตั่งแล้วหัวเราะเย้ยหยันขึ้นมา “ท่านอ๋องช่างไม่เกรงใจกันเลยจริง ๆ”

“เรียกท่านอ๋องเช่นนี้ สำหรับข้าแล้วนั่นก็คือความเกรงใจ ข้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์แล้ว คาดว่าหลี่เฉินเย่นคงถือว่าข้าเป็นขุนนางกบฏแล้วใช่หรือไม่” หลี่อวี๋นหลี่พูด

“หากท่านไม่มีใจก่อการกบฏ ใครเขาถือว่าท่านเป็นขุนนางกบฏกันหรือ”

หลี่อวี๋นหลี่โบกไม้โบกมือ “อันที่จริงสำหรับข้าแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรในราชบัลลัง์นี้ เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด”

“งั้นหรือ?” หลวี่หนิงไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว

หลี่อวี๋นหลี่ยิ้มจาง ๆ “ข้ารู้ว่าใต้เท้าหลวี่หนิงไม่เชื่อ แต่ว่าแน่นอนว่าข้าพูดออกมาจากใจจริง ก็อย่างที่ข้าพูด การเคารพฮ่องเต้ ผู้พิทักษ์บ้านเมืองอะไรนั่นล้วนแต่ไม่มีค่าทั้งสิ้น”

“ถ้าเช่นนั้นไม่ทราบว่าสิ่งใดถึงจะมีค่าสำหรับท่านอ๋องหรือ” หลวี่หนิงถามอย่างเหยียดหยาม

หลี่อวี๋นหลี่เผยรอยยิ้มอันบริสุทธ์อย่างหาที่เปรียบมิได้บนใบหน้า “ทำลายให้สิ้นซาก!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า