ตอนที่ 296 ถือดีว่าตนฉลาด
“ว่านเหลียง” เสียหัวเราะดังลั่น “งั้นหรือ? ถ้าเจ้ามองตัวตนของข้าออกแล้ว ทำไมถึงได้ให้ข้าอยู่ข้างกายเจ้าอยู่เล่า แล้วทำไมถึง...”
อยู่ ๆ นางก็เงียบเสียงลงพลางมองชูเซี่ยอย่างตกตะลึง “ท่านตั้งใจใช่หรือไม่ วันนี้พวกเจ้ามีแผนอยู่แล้ว”
ชูเซี่ยมองนางเงียบ ๆ “อืม ถูกต้อง”
“ว่านเหลียง” ลองหน้ากากหนังออกเผยให้เห็นใบหน้าวัยประมาณสามสิบปี หน้าตางดงามอย่างยิ่ง แต่ผิวนั้นแย่มาก ดูเหมือนคนที่ใส่หน้ากากหนังมานานหลายปีจนผิวไม่ได้โดนลมเลย
“ข้าเคยเจอเจ้ามาก่อน” ชูเซี่ยมองนาง “เมื่อก่อนนี้เจ้าเป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ ราชครูเจ้า ชื่อ...ลั่วชิง”
หน้าของลั่วชิงแข็งทื่ออย่างยิ่ง จากนั้นก็ส่งเสียงเหอะ “ท่านนี่ความจำดีนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ชูเซี่ยพูดเบา ๆ
ลั่วชิงแสยะยิ้ม “เจ้าดูข้าออกได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะดูข้าออกตอนที่อยู่นอกวัง”
“ว่านเชียงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าประสาทการรับกลิ่นของข้าฟื้นคืนแล้ว แต่เจ้ากลับไม่รู้ ยังจำตอนที่เหลียงกวางเสียงส่งยาขจัดพิษให้ได้หรือไม่ ข้าได้กลิ่มมัน แต่เจ้ากลับถามข้าว่าได้กลิ่นหรือไม่ ตอนนี้ข้าก็คิดว่ามีปัญหาบางอย่าง จึงสังเกตเจ้าอย่างละเอียดอยู่สักพักก็พบว่าเจ้าเป็นตัวปลอม”
“แต่เจ้ากลับปล่อยให้ข้าอยู่ข้างกายเจ้า รวมถึงปล่อยให้ข้าลงมือวางแผนครั้งนี้ด้วย” ลั่วชิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แท้จริงแล้วองครักษ์ของพรรคมังกรเหินไม่ได้ขึ้นเขาไปใช่หรือไม่”
ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่ องครักษ์ของพรรคมังกรเหินขึ้นเขาไปแล้ว ข้าแค่ต้องการสืบเรื่องการตายของหลวี่หนิงจากปากเจ้า เจ้าบอกเชียนซานว่าหลวี่หนิงยังไม่ตาย ข้าก็เลยใช้การลงมือนี้เป็นการวางแผนซ้อนแผน”
ลั่วชิงหัวเราะดังลั่น “แผนซ้อนแผน เจ้าคิดผิดแล้ว เจ้าคิดว่าองครักษ์ของพรรคมังกรเหินเก่งกาจขนาดนั้นหรือ ในเขาวางวงล้อมและตาข่ายเอาไว้แล้ว เพียงแค่องครักษ์ของพรรคมังกรเหินขึ้นเขาไป พวกเจ้าทั้งหมดก็จะถูกฝังอยู่ที่หลางฟงติ่ง”
ชูเซี่ยก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “งั้นหรือ? เกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นนี่สิ”
ลั่วชิงพูดอย่างเหยียดหยาม “ในเขามีหมอกพิษ เป็นพิษที่ฉ่ายเวินทำขึ้น สำหรับพิษที่ฉ่ายเวินทำขึ้นนั้น เจ้าแก้มันไม่ได้ ต่อให้องครักษ์ของพรรคมังกรเหินเก่งกาจขนาดไหน พอเข้าไปในหมอกพิษก็จะมีกับดักรอพวกเขาอยู่ แม้แต่กระดูกของพวกเขาก็จะไม่เหลือ”
รอยยิ้มของชูเซี่ยยิ่งกว้างมากกว่าเดิม “สำหรับพิษของฉ่ายเวิน ข้าไม่อาจแก้พิษได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำไมตอนนี้ข้าถึงได้ทำเช่นนี้รู้หรือไม่ ก็เพราะว่าข้ายังไม่ได้ปรุงยาถอนพิษอย่างไรเล่า แน่นอนว่าข้ารู้ว่าพวกเจ้าวางกับดักไว้ในหลางฟงติ่ง รอที่จะส่งองครักษ์ของพรรคมังกรเหินไปตาย แต่ว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าว่านสู่นไปที่ใด”
ท่าทีของลั่วชิงเปลี่ยนไปทันที “ไปที่ใด”
“ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหว ข้าก็ให้ว่านสู่นกลับไปสำนักใหญ่ระดมพลองครักษ์พรรมังกรเหินจากสำนักใหญ่ วันนี้องครักษ์พรรคมังกรเหินเข้าไปที่หลางฟงติ่งเพื่อสืบเสาะเบื้องหลังเป็นครั้งแรกอย่างถี่ถ้วน ฉะนั้น วันนี้จึงไม่ใช่พวกเจ้าที่วางกับดักจัดการองครักษ์พรรคมังกรเหิน แต่เป็นองครักษ์พรรคมังกรเหินล้อมพวกเจ้าเอาไว้ต่างหาก”
ลั่วชิงแสยะยิ้ม “เจ้าแก้พิษของหมอกพิษได้? เป็นไปไม่ได้ หากเจ้าแก้พิษของฉ่ายเวินได้ แต่ทำไมถึงแก้พิษของฮองไทเฮาไม่ได้ อีกอย่าง เจ้าคิดว่าพิษของเจ้าสามารถแก้ได้จริง ๆ หรือ เจ้าคิดว่าเหลียงกวางเสียงจะให้ยาถอนพิษกับเจ้าง่ายดายขนาดนั้นจริง ๆ หรือ”
“นั้นเป็นพิษอีกแบบหนึ่ง” ชูเซี่ยพูดเงียบ ๆ “ข้ารู้ดี ฉะนั้น ความจริงแล้วข้าไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียกว่ายาถอนพิษนั่นด้วยซ้ำ”
ลั่วชิงส่ายหน้า “เจ้าโกหก หากเจ้าไม่ได้ใช้ยาถอนพิษ แล้วทำไมตาของเจ้าถึงได้มองเห็น”
ชูเซี่ยกล่าวว่า “เจ้าอยู่ข้าง ๆ ข้ามาก็นาน ไม่รู้หรือว่าข้าฝังเข็มให้ตัวเองทุกวัน ข้าขังพิษไว้ที่จุด ๆ หนึ่ง และทุก ๆ วันก็ถูกควบคุมการกระจายด้วยเข็มนั้น”
สีหน้าของลั่วชิงค่อนข้างซีด ต่อมาก็หัวเราะ “แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อเจ้าดูข้าออก วันนี้มาถึงที่นี่แล้ว เวลาตายของเจ้าก็มาถึงแล้วเช่นกัน”
ชูเซี่ยยิ้มอีกครั้ง “อย่าได้ขู่ข้าเลย อย่างแรก ที่ฉ่ายเวินวางยาข้านั่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านางไม่ต้องการฆ่าข้าภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ ที่นางวางยาข้า เพราะสุดท้ายแล้วนางต้องการควบคุมข้า จะปล่อยให้ข้าตายได้อย่างไร อย่างที่สอง เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้วกระมัง เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าฆ่าข้าได้ ”
ดวงตาของลั่วชิงพลัวฉายแววสังหาร จากนั้นก็ดึงกระบี่ยาวออกจากฝักแล้วพูดอย่างดุดัน “งั้นก็ลองดูก็แล้วกัน ฉ่ายเวินไม่ฆ่าเจ้า แต่ท่านอ๋องของพวกเราไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเจ้าเอาไว้”
ฝักกระบี่ถูกทิ้งไปด้านข้าง ร่างของนางลอยพุ่งมาทางชูเซี่ยอย่างรวดเร็วราวกับสายง้างธนู คนยังไม่ทันจะถึง ไอกระบี่ก็พุ่งแหวกอากาศตรงเข้ามาก่อน
ชูเซี่ยยกยิ้มมุมปาก ไม่หลบ ไม่หนี ยามที่ปลายกระยู่อยู่ห่างจากนางห้าสิบเซ็นติเมตรก็ยื่นนิ้วสองนิ้วคีบยั้งกระบี่ไว้ในทันใด
การลงมืออย่างดุเดือดเช่นนี้ แต่นางกลับยับยั้งเอาไว้ด้วยนิ้วสองนิ้วอย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้ลั่วชิงไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเชื่อ
นางเบิกตากว้างพลางมองชูเซี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้ารู้เรื่องวรยุทธ์ด้วย”
“เจ้านายเจ้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ” ชูเซี่ยหุบยิ้ม ไอสังหารฉายวาบในดวงตานาง วันนี้ลั่วชิงต้องตาย
นิ้วของชูเซี่ยหักกระบี่ลงกับพื้น กระบี่ถูกหักเป็นสองท่อน นางหยิบส่วนปลายที่หักขึ้นมาแล้วจับมันเบา ๆ ระงับความอดทนอดกลั้นใจในไว้แล้วพูดขึ้นมาว่า “ลั่งชิง ข้าไม่อยากฆ่าเจ้า เจ้าบอกข้ามาว่าว่านเหลียงอยู่ที่ไหน”
“เจ้าฆ่าข้าได้หรือ” ฃั่งชิงพลันรู้สึกโกรธ จากนั้นก็ถือกระบี่หักส่วนที่เหลือพุ่งเข้าหาชูเซี่ยอีกครั้ง
ชูเซี่ยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็โผล่ไปอยู่ที่ด้านหลังของลั่วชิง ก่อนที่ลั่วชิงยังไม่ทันได้ตั้งตัวกระบี่ที่หักก็แทงเข้าไปทางด้านหลัง ลั่วชิงรู้สึกเจ็ง นางเงื้อมือขึ้น แต่ชูเซี่ยกลับมาอยู่ตรงหน้านางอีกครั้งก่อน
“ว่านเหลียงอยู่ไหน” ชูเซี่ยถามอีกครั้ง
“ต่อให้เจ้าฆ่าข้า ข้าก็ไม่บอกเจ้า แต่เจ้าไม่ใช่ว่าโอ้อวดมาตลอดว่าตนเองช่วยคน ไม่ฆ่าคนหรอกหรือ ถ้าเจ้าฆ่าข้า ชื่อเสียงที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของเจ้าก็จะถูกทำลาย”
ชูเซี่ยถอนหายใจเบา ๆ ท่าทีอึมครึม “ที่ข้าไม่ฆ่าคน ไม่ใช่เพราะชื่อเสียง เพียงแต่ข้าคิดว่าไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะไปทำร้ายชีวิตของใครอีกคนต่างหาก แต่ว่า ข้าก็ไม่ได้โง่ถึงขั้นจะมีคนมาฆ่าข้า แล้วข้ายังจะคิดเมตตาอะไรอยู่อีก”
นางขยับมือหยิบเข็มทองออกมาจากแขนเสื้อแล้วซัดพุ่งเข้าไปที่หน้าผากตรงหว่างคิ้วของลั่วชิง
เข็มเล่มนี้ฝังเข้าไปที่หัวของลั่วชิงแล้วพุ่งทะลุออกจากด้านหลังนางแล้ววกกลับสู่มือของชูเซี่ยอีกครั้ง
ชูเซี่ยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดบนเข็มเบา ๆ พลางมองลั่วชิงที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้านาง “ในเมื่อเจ้าไม่บอกที่อยู่ของว่านเหลียง งั้นข้าก็คงต้องฆ่าเจ้า”
เข็มเล่มนั้น นอกจากจะฝังเข้าไปในหัวของลั่วชิงแล้ว ยังถูกเข็มทองทำลายเส้นเลือดในสมองของนางอีก
เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากจมูกของลั่วชิง ดวงตาเบิกกว้าง ราวกับยังไม่เชื่อว่าตนเองจะตายภายใต้เงื้อมมือของชูเซี่ยเช่นนี้ ร่างของนางค่อย ๆ เอนหงายไป
ชูเซี่ยย่อกายนั่งลง ใจรู้สึกเสียใจจนพูดอะไรไม่ออก นางไม่อยากฆ่าคน แต่นางไม่มีเวลามากนัก อีกทั้งการที่สู้กับหลี่อวี๋นหลี่ไปเรื่อยโดยนางไม่รู้ว่าตนเองจะควบคุมพิษของฉ่ายเวินไว้ได้นานเท่าไร นางต้องสู้กับเวลา เพื่อคนที่รัก จึงต้องกำจัดขวากหนามทุกสิ่งอย่างที่กีดทางเขา
หลังจากที่เคลื่อนกำลังพลองครักษ์ของพรรคมังกรเหินโอบล้มอโจมตีหลางฟงติ่งก็เท่ากับว่าเป็นการบอกให้หลี่อวี๋นหลี่ได้รับรู้ว่านางลงมือแล้ว อีกทั้งยังเป็นการลงมือแบบเปิดเผย
ทุกคนอย่าได้หลบซ่อนอีกต่อไป ออกมาสู้กันซึ่ง ๆ หน้าจะดีกว่า
สองมือของชูเซี่ยวางอยู่บนตาของลั่วชิงแล้วลูบปิดเปลือกตาให้นาง จากนั้นก็พูดขึ้นมาเสียงเบา “ขอโทษนะ!”
จากนั้นก็สะพายล่วมยาขึ้นแล้วหันกายลงเขาไป ดวงตามุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นางมีคนที่ต้องการจะปกป้อง ขอแค่นางยังมีลมหายใจอยู่แค่เฮือกเดียว ใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดจะทำร้ายเขาอย่างเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...