ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 299

ตอนที่ 299 เหลือเวลาไม่มาก

ชูเซี่ยเข้าใจหวาดหวั่นของหลี่เฉินเย่น ตอนที่มองเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยท่าทีเจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่งออกมา

การบอกปัดปฏิเสธของเขาไม่ใช่เพราะไม่รัก แต่เพราะรักมากไป เขากลัวเหลือกินว่าตนเองจะจากกันอีก

ขณะที่ชูเซี่ยกำลังก้าวเข้าไปจับมือหลี่เฉินเย่นก็ได้ยินเสียงไอของหลวี่หนิงดังขึ้นมาเสียก่อน ตอนที่พวกเขาก้าวเข้าไปตามเสียง หลวี่หนิงก็เอามือปิดปากไว้แล้ว

“เชียนซาน ดาบของข้าอยู่ที่จวนตระกูลลู่หรือเปล่า เข้าช่วยไปหามาที ไม่เห็นตั้งนานแล้ว ข้าคิดถึงมัน” ยามที่หลวี่หนิงเอ่ยปากอีกครั้ง ในเสียงนั้นมีแต่ความล้า

เชียนซานได้แต่กลัดกลุ้มกับคำพูดของหลวี่หนิงจึงไม่ค่อยมีสติและไม่เห็นว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป และได้แต่ตอบด้วยความไม่พอใจ “ดาบ ๆๆ เจ้าก็อยู่กับดาบของเจ้าไปเถอะ จะแต่งงงแต่งงานไปทำไม”

หลวี่หนิงไม่พูดอะไร ยังคงเอามือปิดปากไว้ มีเพียงรอยยิ้มที่ซื่อสัตย์ในดวงตาเท่านั้นที่ทำให้ความโกรธในใจเชียนซานลดน้อยลง

ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่หลวี่หนิงหายตัวไป เชียนซานก็รู้ใจตัวเองแล้ว แม้จะไม่ยอมจากไป แต่คนก็กลับมาแล้ว พวกเขายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน

“หลวี่หนิง เจ้าเป็นยังไงบ้าง” ขณะที่เชียนซานกำลังเตรียมจะเดินจากไปนั้นอยู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองมือของหลวี่หนิงที่ยังคงปิดปากอยู่พลางมองเขาด้วยความแปลกใจนิด ๆ

หลวี่หนิงเอามือออกแล้วส่ายหน้าเบา ๆ แต่ปากยังคงไม่พูดพลางมองชูเซี่ยอย่างขอร้อง

ชูเซี่ยสังเกตเห็นความผิดปกติของหลวี่หนิงแล้วจึงก้าวเข้าไปตบบ่าเชียนซานพลางเอ่ยว่า “เชียนซาน เจ้านี่ก็จริง ๆ เลย ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งกับหลวี่หนิงหรอกหรือ ตอนนี้แม้แต่ดาบของเขาเจ้าก็ยังหึง รีบไปเอามาเถอะ ถ้ามีดาบไว้ปกป้องหลวี่หนิง ใจเขาถึงจะสงบ”

เชียนซานมองชูเซี่ยอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็มองหลวี่หนิง เมื่อเห็นว่าหลวี่หนิงยิ้มและพยักหน้า นางหันไปพูดกับองครักษ์พรรคมังกรเหินที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่ยินดีนัก “พวกเจ้าไปที่จวนตระกูลลู่แล้วเอาดาบของหลวี่หนิงมา”

พอหลวี่หนิงได้ยินคำพูดของเชียนซานสีหน้าก็ร้อนรนทันที เขารีบพูดขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะได้พูดออกไป เลือดก็ไหลซึมออกจากมุมปากเสียก่อน

“เชียนซาน เจ้าไม่รู้หรือว่าว่าหลวี่หนิงเห็นว่าดาบคู่กายเล่มนั้นมีค่ามากแค่ไหน เจ้าไปเอามาเถอะ” ชูเซี่ยเข้าใจความหมายของหลวี่หนิงแล้ว ในเมื่อเขาไม่อยากให้เชียนซานเป็นห่วง นางก็จะช่วยเขา

ถึงชูเซี่ยจะพูดแบบนั้นแต่เชียนซานก็ไม่ยอมอยู่ดี นางอยากจะอยู่เป็นเพื่อหลวี่หนิง ตอนนี้นางอยากจะปกป้องหลวี่หนิง ทางที่ดีที่สุดคือชาตินี้อย่าได้แยกจากกัน

เมื่อเห็นว่าเชียนซานทำท่ายืนกรานเช่นนี้ ชูเซี่ยก็ค่อนข้างจนใจจึงได้แต่พูดว่า “ตอนนี้เจ้าไปหาท่านอาหมั่นเถอะ ว่าจะจัดการคนอื่น ๆ อย่างไรบ้าง ข้าไม่วางใจเท่าไร”

“แต่ว่า...” เชียนซานยังคงอิดออด จนถึงกับโทษชูเซี่ยนิด ๆ ที่ไม่เข้าใจความรักระหว่างชายหญิง ตนเองกับหลวี่หนิงเพิ่งจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เจ้านายของนางก็จะทำเรื่องจับคู่นกยวนยางออกจากกัน ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ เลย...

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น รีบไปสิ” ชูเซี่ยมองหลวี่หนิงที่ยังคงเอามือปิดปาก แต่กล้ามเนื้อบนหน้ากระตุกจนมองออกได้เลยว่าเขากำลังพยายามอดทดต่อความเจ็บปวดจากร่างกาย

เชียนซานไม่ยอมไป นางชำเลืองมองหลวี่หนิงอีกครั้ง ยามที่หลวี่หนิงมองมาทางนาง ในดวงตามีแววขอร้องบางเบา นางเข้าใจว่าหลวี่หนิงเองก็ไม่อยากให้ตนเองไป นางจึงรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อเห็นว่าชูเซี่ยหันกายจากไปอย่างเชื่อฟัง ชูเซี่ยก็รีบเข้าไปตรวจชีพจรให้หลวี่หนิงทันที ส่วนหลวี่หนิงกลับเอาแต่จ้องมองแผ่นหลังของเชียนซานจวบจนกระทั่งร่างของนางหายลับไป เขาถึงได้ปล่อยเสียงร้องครวญคราวออกมาเล็กน้อย

“หลวี่หนิง บอกข้ามาสิว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร เจ็บหน้าอกหรือว่า… หรือว่าไม่ได้รู้สึกอย่างอื่นอีก”

เมื่อครู่นี้ที่ได้สัมผัสชีพจรของหลวี่หนิง ชูเซี่ยก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ชีพจรของเขากับก่อนหน้าที่เชียนซานจะมาไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

“ตอนที่เจ็บมาก ๆ จะค่อนข้างเวียนหัว แต่พอข้านึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเชียนซานก็ยิ่งรู้สึกเจ็บมาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ควบคุมไม่ได้เลย”

หลวี่หนิงคิดไปคิดมาแล้วค่อย ๆ พูด ก่อนหน้าที่จะเจอเชียนซานเขาไม่มีความรู้สึกใด แต่หลังจากที่ได้เจอเชียนซาน ใจของเขาก็บีบแน่นจนเจ็บ พอเห็นเชียนซานร้องไห้ให้ตนเอง ความรู้สึกปวดตรงหัวใจก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวเขาคุมเอาไว้ไม่อยู่ จนปากของเขามีเลือดไหนออกมาอย่างอธิบายสาเหตุไม่ได้

“หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะถูกพิษ” หลังจากที่ชูเซี่ยตรวจร่างกายหลวี่หนิงอย่างละเอียด ก็บอกความจริงเขาอย่างจริงจัง

แม้ว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาไม่อยากเจอ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้

“ข้าควรจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนที่หลี่อวี๋นหลี่บอกให้ข้ามาแจ้งข่าว ข้าก็ควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่มีทางมือไม้ใจอ่อน เขาจะปล่อยโอกาสที่จะตัดแขนของฝ่าบาทได้อย่างไรกัน”

หลังจากที่หลวี่หนิงตื่นตระหนกในตอนแรก ต่อมาก็นิ่งเฉย

แต่พอได้ยินคำพูดของหลวี่หนิงแล้ว ทุกคนในห้องล้วนแต่ตกเข้าสู่ภวังค์แห่งความเงียบ

“ท่านหมอเวิน ข้าอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่” ในที่สุดหลวี่หนิงก็รวบรวมความกล้า ทำลายความเงียบในตำหนัก

“ข้าต้องรู้ก่อนว่าเจ้าถูกพิษอะไร เพราะข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่” ชูเซี่ยบอกอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่เห็นคน ๆ หนึ่งอยู่ ๆ พิษก็กำเริบ พิษแบบนี้แม้แต่ได้ยิน นางก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน นางต้องศึกษาส่วนประกอบของพิษนี้ก่อนถึงจะหายาถอนพิษที่เข้ากันได้

นางไม่ได้บอกหลวี่หนิงว่าพิษชนิดนี้ทำให้นางมีความรู้สึกคุ้ยเคยบางอย่าง เหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน

หลวี่หนิงไม่ได้พูดอะไรอีก และต้องบอกว่าคำตอบนี้ของชูเซี่ยทำให้เขาใจหายอย่างยิ่ง ก่อนที่จะกลับมา ความมุ่งหวังอันยิ่งใหญ่สุดของเขาก็คือการได้เห็นหน้าเชียนซาน แต่พอเห็นหน้าเชียนซานแล้วเขากลับยิ่งมุ่งหวังมากขึ้นไปอีก หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันกับเชียนซาน หวังว่าพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันจนฟ้าดินสลาย

“หลวี่หนิง ข้าจะแต่งกับเจ้า” ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูกกับคำตอบของชูเซี่ย เสียงใสราวกับอัญมณีของเชียนซานก็ดังขึ้นมาจากตรงประตูของตำหนัก

หลวี่หนิงมองนางอย่างค่อนข้างตกตะลึง เมื่อหญิงผู้เป็นที่รักยืนกรานจะแต่งกับตน หลวี่หนิงก็ควบคุมน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ในที่สุด

ชูเซี่ยมองหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเชียนซานอย่างรู้สึกเสียใจและเข้าอกเข้าใจ

ใช่แล้ว แม้เชียนซานจะมีนิสัยดื้อรั้น แต่นางเป็นคนฉลาดมาก เมื่อครู่นี้ไม่ว่าจะหลวี่หนิงหรือตัวนางเองก็จงใจอยากให้นางจากไปมากเกินไป

ในเวลานั้นร่างกายอาจจะไม่แสดงอาการออกมา แต่เมื่อออกจากตำหนักฉ่านเวยไปแล้ว นางจะต้องอยากรู้อย่างแน่นอน

ฉะนั้น สิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน เชียนซานน่าจะได้ยินแล้ว

“เชียนซาน ก่อนที่ข้าจะเกิดเรื่อง ข้าถอนหมั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”

ด้วยความที่รู้สภาพของตนเองดี สิ่งที่หลวี่หนิงพูดจึงทั้งจริงจังและไร้เยื่อใยอย่างยิ่ง เขารู้เป็นอย่างดีว่าสภาพตนเองในตอนนี้ไม่อาจมอบความสุขให้แก่เชียนซานได้ ดังนั้น เขาจึงยอมที่จะปล่อยมือ

แม้ว่าใจจะไม่อาจตัดใจได้ก็ตาม

ชูเซี่ยรู้สึกว่าคำพูดของหลวี่หนิงเตะเข้าที่จุดด้อยของเชียนซานแล้ว นางเป็นหญิงที่อารมณ์มีความรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่ชูเซี่ยกังวลก็คือเวลาที่เชียนซานเอะอะโวยวายเพราะคำพูดของหลวี่หนิง ทว่าเชียนซานกลับเอ่ยออกมาอย่างตามอารมณ์มาก “เอาแบบนี้ก็ได้”

ท่าทีของเชียนซานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้แต่ละคนรับมือไม่ทัน แม้แต่หลวี่หนิงก็มึนงงไปเช่นกัน

“เชียนซาน ข้า...”

“เจ้าพูดแล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”

“ข้า...”

“หุบปาก” เชียนซานมองหลวี่หนิงด้วยท่าทางเหมือนจะห้ามไม่ให้พูดอะไรอีก ลึก ๆ ในใจกลัดกลุ้มผิดปกติ นางตวาดเสียงสูง ส่วนหลวี่หนิงก็ปิดปากเงียบเชื่อฟังนางดังเช่นเคย เพียงแค่มองเชียนซานด้วยดวงตาที่ต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ตัดใจไม่ลงเท่านั้น ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความเสียใจและการสำรวจ

ส่วนหลี่เฉินเย่นที่มองทั้งสองมาโดยตลอดส่งสายตาเป็นนัย ๆ ให้ชูเซี่ยออกไปกับตนเอง หลวี่หนิงกับเชียนซานจะได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว และเขาก็มีเรื่องที่จะพูดคุยกับชูเซี่ย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า