ตอนที่ 312 ของจองหมั้น
วันนั้นชูเซี่ยได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเก้อโจวแก่หลี่เฉินเย่นแล้ว นางคิดว่าหลี่เฉินเย่นยังคงต้องเอ่ยถามรายละเอียดของเรื่องราวพวกนี้ กลับคิดไม่ถึงว่าเขาเอ่ยออกมาเพียงประโยคเดียวว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราได้พูดตกลงกันไปแล้ว เจ้าเพียงจัดการวังหลังแทนเจิ้นให้เรียบร้อยก็พอแล้ว เรื่องราวพวกนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
หลี่เฉินเย่นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเหล่านางสนมผินเฟยในวังหลังมาคุกเข่าเพื่อร้องขอเกี่ยวกับเรื่องราวการออกจากวังของชูเซี่ย เขาเข้าใจดีไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ก่อนหรือว่าวังหลังล้วนมีความเกรงกลัวชูเซี่ยอยู่ ด้านหนึ่งคือความรู้สึกที่เขามีต่อชูเซี่ย ที่สำคัญที่สุดคือพรรคมังกรเหินที่อยู่เบื้องหลังของชูเซี่ย ที่สามารถทำให้สถานการณ์ของราชสำนักนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ นี่เป็นที่จางเซียนฮุยและเฉินหยวนชิ่งพวกเขาไม่อยากเห็นมากที่สุด
ไม่มีผู้ใดที่จะยินยอมส่งผลประโยชน์ของตนให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะคนผู้นั้นคือชูเซี่ย ที่ยืนอยู่เบื้องหลังของตนอย่างเด็ดเดี่ยวและหนักแน่น
ดังนั้นหลังจากนี้ไม่ว่าราชสำนักหรือวังหลัง สำหรับเรื่องราวของชูเซี่ยแล้วยังคงปรากฏออกมาอย่างไม่ขาดสาย และสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้มีเพียงสกัดเป้าหมายของราชวงศ์ก่อนเอาไว้เพื่อเขา
ความจริงวันนี้ตอนที่เฉินหยวนชิ่งได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่ออกมาในราชสำนัก เขาไม่ได้ไม่คิดที่จะถือโอกาสซ่อนความผิดของชูเซี่ยขึ้นมา เพียงแต่ว่าเขารู้ดีว่าชูเซี่ยของเขานั้นแต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่ใช่ดอกไม้ที่อยู่ในเรือนกระจก นางสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับตนเองเหมือนสตรีอายุสามสิบ ดังนั้นเขาจึงอดทนกับแรงกระตุ้นในใจไว้ แต่ก็กลับวาดขอบเขตของอำนาจของชูเซี่ยลงไปในใจเรียบร้อยแล้ว
วังหลังแห่งนี้เป็นสิ่งที่เขาทำให้ชูเซี่ยต้องเหน็ดเหนื่อยกับขอบเขตอำนาจที่มีอยู่ เขาไม่อยากให้สตรีของตนเพราะตนต้องเหน็ดเหนื่อยตรากตรำวิ่งวุ่นเพื่อจัดการเรื่องราวต่างๆ เขายิ่งไม่อยากที่จะให้ชูเซี่ยเข้ามาอยู่ท่ามกลางพายุใหญ่
ต่อหน้าชูเซี่ยได้ตอบตกลหลี่เฉินเย่นไปแล้ว กลับยังคงตรวจสอบอยู่อย่างลับๆ ตอนนี้สถานการณ์ของราชสำนักสับสนวุ่นว่าย นางจึงไม่อาจหลับหูหลับตาแสร้งทำเป็นไม่เห็นได้
ชูเซี่ยคิดว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับหลางฟงติ่งของหลี่อวิ๋นลี่ กลับทำได้เพียงรอให้ผลหลังการตรวจสอบของพวกอาหมั่นส่งกลับมาเท่านั้น
หลายวันนี้ชูเซี่ยได้รอการเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆของทางหลี่อวิ๋นลี่นั้นตลอดเวลา จากประสบการณ์การต่อสู้กับหลางฟงติ่งก่อนหน้านี้ พรรคมังกรเหินในมือของนางจะต้องกลายเป็นดั่งหอกข้างแคร่ของหลี่อวิ๋นลี่ เขาจะต้องจัดการหลังจากนี้ในไม่ช้าแน่นอน เพียงแต่พรรคมังกรเหินเป็นพรคคที่มีขนาดใหญ่พรรคหนึ่งไปแล้ว อีกทั้งความฉลาดหลักแหลมของอาหมั่นล้วนสามารถถูกปิดบังเอาไว้ได้ พวกเขา....
และตอนนี้ถูกชูเซี่ยเป็นห่วงว่าหลางฟงติ่งไม่ได้เต็มไปด้วยบรรยากาศดังเช่นวันนั้นแล้ว เพราะไม่มีบางอย่างที่แฝงเอาไว้ด้วยการทำศึกสงครามในวันนั้น จึงเห็นได้ชัดว่าสงครามครั้งนั้นไม่สามารถทำลายได้ถึงกระดูกของหลี่อวิ๋นลี่ อย่างมากก็แค่เป็นฉากสำหรับการฝึกซ้อมก่อนหน้าเท่านั้น
แต่ว่านเหลียงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็ถูกคุมขังอยู่ที่สถานที่ที่ใช้คุมขังหลวี่หนิงในตอนแรกเป็นแน่ ร่างกายของนางกลับไม่ได้มีร่องรอยของการได้รับบาดเจ็บเหมือนกับหลวี่หนิง แต่ใบหน้าขาวนวลก่อนหน้านี้กลับดูสว่างไสวอย่างผิดปกติ หากมองอย่างละเอียด จะสามารถเห็นได้ว่าเลือดใต้ผิวหนังกำลังหลั่งไหลออกมา อีกทั้งความเร็วในการไหลเวียนก็แปลกกว่าคนปกติ
หลายวันมานี้ทุกวันว่านเหลียงจึงล้วนต้องถูกทรมาณอย่างแสนสาหัสจากกัดกร่อนถึงกระดูกเช่นนี้ ดีที่คนของหลี่อวิ๋นลี่มัดมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ มิฉะนั้นใบหน้าของนางนี้ก็คงก็นางจับกรีดเป็นรอยเป็นแน่
เจ็ดวันแล้วที่ว่านเหลียงถูกส่งตัวมาที่นี่ เจ็ดวันที่อยู่ที่นี่ทุกวันล้วนมีคนมาเอ่ยถามถึงเรื่องราวของพรรคมังกรเหิน ทุกครั้งล้วนคว้าน้ำเหลวกลับไป
แม้ว่าลำดับชั้นญาติของพรรคมังกรเหินจะมีกว่าหนึ่งร้อยล้านชื่อ แต่สามารถทำได้ถึงหมื่นชื่อลำดับก็ต่ำกว่าเพียงผู้อาวุโสเพียงหนึ่งลำดับเท่านั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นพวกโลกีย์
ดังเช่นว่านเหลียงเมื่อยังไม่ได้เป็นหัวหน้าของอ้านทั่นเหมินก็ถูกได้รับการฝึกฝนมาแล้ว วิธีใดๆก็ตามล้วนไม่สามารถทำให้นางเปิดปากออกมาได้ หากไม่มีปณิธานเช่นนี้ นางคงไม่สามารถถูกเก็บไว้ในอ้านทั่นเหมิน
เพียงแต่ถึงแม้จะมีประสบการณ์เคยได้รับการฝึกฝนมาหลากหลายประเภท ว่านเหลียงล้วนอดกลั้นไม่ได้ที่จะพูดคำหยาบคายออกมาเมื่อพิษในร่างกายกำเริบ เพียงทำให้นางคันหากยังเป็นที่ใบหน้าอีกด้วย แม้จะสามารถอดกลั้นผ่านไปได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า....คงปวดเมื่อยเป็นอย่างมา
ตอนนี้ว่านเหลียงกำลังสังเกตไปรอบๆห้องที่กักขัง คิดหาทางว่าตนเองต้องจะใช้วิธีการใดในการหลบหนีออกไป ผู้นำอ้านทั่นเหมินที่สง่าผ่าเผยคิดไม่ถึงว่าจะถูกขังอยู่ในห้องมืดมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เพียงแค่คิดนางก็รู้สึกขายหน้ามากพอแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่เหมือนกับจะอ่านใจของนางออกเช่นกัน ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เอ่ยขึ้นมาว่า “คนงาม เจ้าเป็นคนของพรรคมังกรเหินจริงหรือ ล้วนถูกขังอยู่ที่นี่กว่าเจ็ดวันแล้ว ยังไม่หลบหนีออกมาได้ ช่างทำให้พรรคมังกรเหินขายหน้าผู้คนเสียจริง”
“ข้าทำขายหน้าเป็นคนของพรรคมังกรเหินไม่ใช่คนของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวหลบๆซ่อนๆ มีอะไรก็พูดมา ไม่มีอะไรจะพูดก็ไสหัวออกไปซะ สิ่งที่พวกเจ้าอยากจะรู้ข้าไม่มีวันคิดที่จะบอกพวกเจ้า”
“คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังจะเป็นสตรีที่ร้ายกาจ ทำให้ข้าสนใจเป็นอย่างมาก” ถูกว่านเหลียงยั่วยุแล้ว อ๋องเก้าก็ไม่ปิดปังอีกต่อไป หัวเราะแล้วเดินเข้ามาจากประตูของห้องปิดตาย ยิ้มอย่างมีเลศนัยมองไปที่ว่านเหลียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...