ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 313

ตอนที่ 313 ผลการทรยศ

“นายท่านของพวกเราเป็นบุคคลที่ความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง หลายปีก่อนก็ได้ทำยาออกมาช่วยหยุดการคันของข้า” ว่านเหลียงไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งที่ให้หยุดพูด เพียงใช้น้พเสียงในการพูดจาที่เบาลงเล็กน้อยเท่านั้น

“ท่านเป็นบุรุษที่องอาจผู้หนึ่ง แต่เก็บตลับยารักษาใบหน้าเอาไว้ เช่นนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีหรอกหรือ อีกทั้งท่านไม่ต้องใช้หน้าตาในการทำมาหากิน” ว่านเหลียงทั้งพูดทั้งพยักหน้าไปมา

อ๋องเก้าที่สง่าผ่าเผย นั่นเป็นเพราะฮ่องเต้พระองค์ก่อนถูกเขานั้นควบคุมคนที่มีอยู่ในมือเอาไว้ กลับเก็บรักษายารักษาผิวพรรณตลับหนึ่งเอาไว้ จึงไม่แปลกจริงๆ ที่นางจะคิดได้มากมายเช่นนั้น

อ๋องเก้าคิดเพียงว่าตนเองต้องถูกสตรีที่อยู่ในสถานการณืที่ปกติแต่กลับทำสิ่งที่แตกต่างจากคนทั่วไปผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เสียสติไปแล้วเป็นแน่ หากไม่ใช่เพราะทางหลี่อวิ๋นลี่นั้นไม่ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์อันใดจากว่านเหลียงที่อยู่ที่นี่ไปเลยสักครั้ง เขาสงสัยเสียจริงว่าพรรคมังกรเหินนั้นหมดคนแล้วหรือ จึงได้ให้สตรีเช่นนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าของอ้านทั่นเหมิน

“หากเจ้ายังเอะอะโววายขึ้นอีก ระวังตัวให้ดีมิฉะนั้นข้าจะจับเจ้าโยนออกไป”

“หากท่านสามารถจับข้าโยนออกไปก็คงไม่ให้ข้าทรมานอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันเช่นนี้หรอก พูดออกมาเถอะ ว่าท่านมาเพื่อสิ่งใด”

ว่านเหลียงมองยังอ๋องเก้าอย่างมีเหตุมีผล หากเขาไม่ใช่มาเพื่อช่วยเหลือตน นั่นก็จะต้องมีเรื่องที่จะของร้องตนเป็นแน่

อ๋องเก้าจึงหยุดการสนทนากับสตรีที่อยู่ตรงหน้า แล้วเพียงแกล้งเอียงตัวเข้าใกล้ว่านเหลียง เอ่ยเบาๆขึ้นว่า “กลับไปบอกชูเซี่ยว่าพิษบนตัวของหลวี่หนิงนางเคยพบมาก่อนแล้ว ข้างกายของหลี่อวิ๋นลี่มีไส้ศึก”

ว่านเหลียงคิดไม่ถึงว่าอ๋องเก้าจะเอ่ยพูดเรื่องนี้กับตนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ท่าทางที่เคร่งขรึมของเขาไม่เหมือนกับว่ากำลังโกหก เขาต้องการให้ตนส่งข่าวให้กับนายท่าน ดังนั้นจริงๆแล้วเขามาเพื่อช่วยเหลือตนงั้นหรือ

“เจ้า.....”

อ๋องเก้าได้ละทิ้งแล้ว จากถ้อยคำที่น่าไว้วางใจที่ว่านเหลียงได้ยินอยู่ที่นี่ เขาตรงเขาไปลากมือของว่านเหลียงมุ่งออกไปยังทางหน้าต่าง

“อ๋องเก้า ชายหญิงมิอาจใกล้ชิด ท่านยังจะ....” อ๋องเก้าออกแรงดึงว่านเหลียงอย่างรุนแรง เดิมทีว่านเหลียงคิดที่จะสะบัดออกมืออก แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าที่ดูเย็นชาของอ๋องเก้านั้นแล้ว สุดท้ายนางก็ยังคงเอ่ยเอาใจขึ้นว่า

“เจ้าไม่ใช่ว่าใบหน้าก็ล้วนไม่ต้องการแล้วมิใช่หรือ ข้าคิดว่าเรื่องนี้เจ้าไม่สนใจซะอีก”

“ข้าไม่ต้องการใบหน้าเพราะว่าบนใบหน้าของข้ามีพิษ ท่านคิดว่าข้าอยากจะทำลายความงดงามนี้ไปจริงๆหรือ ท่านจะทำอะไรอีกละ ข้าไม่ต้องการที่จะออกไปจากที่”

ว่านเหลียงยังคิดจะอธิบายสิ่งต่างๆให้แก่อ๋องเก้าได้ฟัง แต่นางไม่ทันรอให้ถึงเวลาที่นางเอ่ยพูดจบ อ๋องเก้าก็โอบกอดนางเอาไว้แล้วผลักนางไปที่บานหน้าต่าง

“เจ้าต้องการทำสิ่งใด ท่านเป็นข้าจะไม่รู้หรือว่าด้านนอกคือหน้าผาสูงชันหรือ อย่าโวยวายอีกเลย คนอาจจะตายได้” ปากของว่านเหลียงร้องเรียกออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่สีหน้ากลับไม่ได้ดูตื่นเต้นสักนิดเดียว

“หลังจากที่หลวี่หนิงหลบหนีไปข้าเคยตรวจสอบห้องขังนี้ดูแล้ว หน้าต่างบานนี้มือและเท้าของข้าล้วนเคยได้สัมผัสมาแล้ว เจ้าสามารถหนีออกไป”

เมื่อเอ่ยพูดจบอ๋องเก้าก็ใช้แรงผลักว่านเหลัยงครั้งหนึ่ง ว่านเหลียงเดิมทีที่ยังรอให้อ๋องเก้าพูดขึ้นอีกครั้งกลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะโจมตีทันทีเช่นนี้

“อ๋องเก้าท่านมันคนซื่อบื้อ ท่านคิดว่านี่เป็นการช่วยเหลือข้างั้นหรือ ท่าน....” ว่านเหลียงได้ตกลงมาอยู่ที่ด้านนอกหน้าต่าง ลมเย็นจากยอดเขาพัดเข้ามาในช่องหน้าต่าง ยังมีเสียงของว่านเหลียงที่กรุ่นโกรธอีกด้วย

อ๋องเก้ายกมือขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง หน้าต่างที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงไปจากการถูกร่างกายของว่านเหลียงยันเอาไว้ก็กลับคืนสู่สภาพเช่นเดิม มองดูห้องขังที่เงียบสงบ อ๋องเก้าเหมือนยกภูเขาออกจากอก กลับยังอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจว่า “ช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดเสียจริง”

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เรื่องราวที่เขาทำไปก็ทำให้ผู้คนคิดว่าเขาก็เป็นบุรุษที่ประหลาดผู้หนึ่งเช่นกัน เขายกมือตบลงบนหน้าอกของตัวเอง โดยใช้กำลังภายในแปดส่วน ทันใดนั้นที่มุมปากของเขาก็มีเลือดไหลซึมออกมา

เมื่ออ๋องเก้าลืมตาฟื้นขึ้นจากการสสลบ ก็มองเห็นใบหน้าที่เย็นชาของหลี่อวิ๋นลี่มองมายังตน

“เจ้าปล่อยตัวนางไปหรือ” หลี่อวิ๋นลี่จะต้องพูดกับอ๋องเก้าให้ชัดเจน

อ๋องเก้ากับไม่มีอะไรจะพูดออกมา เพียงแต่มองยังหลี่อวิ๋นลี่อย่างประชดประชันเล็กน้อย

“เจ้าคิดที่จะทรยศข้าจริงๆสินะ”

“อ๋องเก้า ท่านคิดว่าข้าคงไม่สังหารท่านจริงๆ สินะ หากท่านทรยศข้าจริง ข้าสามารถทำให้ท่านรู้สึกสู้ตายไปเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ซะอีก”

อ๋องเก้าไม่พูดอะไรออกมา กลับทำให้หลี่อวิ๋นลี่ร้อนรนมากยิ่งขึ้น เขาเกลียดชังสายตายามที่อ๋องเก้ามองยังตนอย่างเห็นอกเห็นใจเช่นนี้อย่างมาก เขาอดที่จะคิดทำลายเขาทิ้งไปไม่ได้ แต่ว่าเขาก็ยังไม่สามารถตัดใจที่จะทำเช่นนั้นได้ลง

“เจ้าล้วนรู้ดีกว่าผู้ใด หลายปีมานี้ข้าอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้ว” ในที่สุดอ๋องเก้าก็เปิดปากเอ่ยคำพูดออกมา แต่ว่าน้ำเสียงนั้นช่างเย็นชา เรื่องการมีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็นนี้ พูดออกมาจากปากของเขาก็เหมือนกับเป็นเรื่องที่ปกติทั่วไป

“ดังนั้นท่านจะต้องไม่ทรยศข้า ท่าน.......” หลี่อวิ๋นลี่จ้องมองอ๋องเก้า ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารที่กระหายเลือด

“หลี่อวิ๋นลี่ ข้ารู้เรื่องอะไรของเจ้าอย่างนั้นหรือ ทรยศจำเป็นจะต้องมีหมากมาต่อรอง ”

อ๋องเก้ายิ้มแล้วมองยังหลี่อวิ๋นลี่ หลายปีมานี้เขาทิ้งขว้างผู้คนที่ช่วยเหลือตนเองลงไป คุมขังตนเองอยู่บนหลางฟงติ่งแห่งนี้ เขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าไม่มีวาสนาที่จะพบเจอความยุ่งยากจากภายนอกอีกแล้ว

หลี่อวิ๋นลี่ยิ้มแล้วมองยังอ๋องเก้า สีหน้าที่ดูร้ายกาจปรากฏขึ้นมา เอ่ยยิ้มอย่างเยาะเย้ยว่า “ท่านรู้แล้วก็ดี”

“แต่เรื่องของว่านเหลียงนี้ ท่านจะอธิบายว่าอย่างไร หลังจากที่ท่านเข้าไปในห้องขังนางก็หายตัวไปแล้ว เป็นตายก็ไร้ร่องรอย”

“ก็เป็นดั่งเช่นที่เจ้าเห็น นางหลอกลวงข้า ให้ข้าช่วยแก้เชือกออก แต่นางกลับลงมือโจมตีใส่ข้า เดิมที่ข้าคิดที่จะช่วยเหลือนางสักครั้ง แล้วเอ่ยถามเรื่องของพรรคมังกรเหินสักเล็กน้อย แต่ว่า....”

คำพูดของอ๋องเก้าหยุดลงอีกทั้งน่ารำคาญ เหมือนกับเด็กน้อยที่กระทำเรื่องที่ผิดอย่างไรอย่างนั้น

“อ๋องเก้า เสด็จพ่อของข้านั้นมีพี่น้องมากมาย ถึงตอนนี้มีเพียงท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านล้วนเติบใหญ่แล้ว ยังจะถูกหลอกอีกหรือ”

“อวิ๋นลี่เจ้านี่นะ ผู้กล้ายากจะฝ่าด่านหญิงงามไปได้ รูปโฉมของว่านเหลียงนั่นนับว่างดงามใช้ได้ หากจับกุมนางได้แล้ว ก็ส่งตัวนางมาอุ่นเตียงของเสด็จข้าเช่นข้าเถิดนะ”

อ๋องเก้าจนใจที่จะอธิบาย ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าการอธิบายนี้ช่างฝืนใจอย่างมาก แต่ไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว ไม่มีวิธีใดที่จะได้รับความเชื่อใจจากหลี่อวิ๋นลี่แล้วจริงๆ

คิดได้แค่เพียงว่าต้องการว่านเหลียงสตรีผู้นั้นมาอุ่นเตียง เขาคิดไปคิดมาล้วนคิดว่านั่นน่าจะเป็นฝันร้ายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา

แน่นอนว่าตอนนี้อ๋องเก้าเพียงอยากที่จะคลายความสงสัยที่มีของหลี่อวิ๋นลี่ เขาไม่รู้เลยว่าประโยคที่ตนพลั้งเอ่ยออกมาอธิบายนั้น ล้วนอาจจะเป็นฝันร้ายครั้งใหญ่ในชีวิตของตน

แน่นอนว่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง

“อ๋องเก้าท่านใยเป็นเช่นนี้ หลางฟงติ่งของข้าต้องการสตรีเช่นไรก็ไม่มีงั้นหรือ ท่านจะต้องมองแต่อย่างนั้นอย่างเดียว ข้ายังคิดว่านอกจากชูเซี่ยแล้ว ท่านคงไม่สามารถชื่นชอบผู้ใดได้อีกแล้ว ”

เอ่ยถึงชูเซี่ย ในสายตาของอ๋องเก้าก็มีความเจ็บปวดแฝงขึ้นมา แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้น อารมณ์นี้ก็หายไปจนมองไม่เห็นแล้ว

“อ๋องเก้า ไม่ต้องคิดที่จะทรยศข้าเพื่อชูเซี่ยเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าคงไม่สามารถที่จะอดทนไม่ลงมือสังหารท่านได้อีกต่อไป ”

“เจ้าวางใจเถอะ ข้ากับชูเซี่ย ห้าปีก่อนนี้ก็เป็นศัตรูกันแล้ว”

หากสามารถเลือกได้ แท้จริงแล้วเขาก็ไม่อยากที่จะเป็นศัตรูกับชูเซี่ย หญิงสาวที่ตอนนั้นกลายเป็นน้องสาวของเขา แล้วกลายเป็นคนที่เขารัก

หากสามารถเลือกได้ เขาก็อยากที่จะรีบออกจากหลางฟงติ่งนี้ไป ไปตามหาชูเซี่ย เฝ้าอยู่ข้างกายของนาง ปกป้องนางให้ปลอยภัยและมั่นคงไปตลอดชีวิต

หากสามารถเลือกได้ เขาก็อยากย้อนกลับไปห้าปีก่อนหน้านี้ กลับไปถึงตอนที่พวกเขาดื่มสุราด้วยกัน วันเวลาที่นั่งสนทนาร่วมกัน

นั่นจึงจะเป็นวันเวลาในชีวิตของเขาที่คุ้มค่าและน่าทะนุถนอมที่สุด มันเป็นอดีตในใจที่เขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว

“อ๋องเก้า จะต้องไม่คิดทรยศ สิ่งที่ต้องเสียไปจากการทรยศนั้นหนักหนาสาหัส ท่านให้ตอบแทนไม่ไหวหรอก ข้าตัดใจทำร้ายท่านไม่ได้ แต่ว่าข้ามีวิธีที่จะทำให้เสียใจในภายหลัง ให้ท่านมีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น” หลี่อวิ๋นลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูหยิ่งยะโสและแฝงด้วยความเย็นชา

อ๋องเก้ารู้ดีว่า หลี่อวิ๋นลี่รู้ถึงความคิดของตน มิฉะนั้นเขาก็คงไม่ให้ตนสัมผัสกับสิ่งต่างๆและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนหลางฟงติ่ง มิฉะนั้นเขาก็คงไม่คุกคามตนเองเช่นนี้

เมื่อมองเห็นว่าอ๋องเก้าไม่ได้มีความคิดที่จะสนทนากับตนแล้ว หลี่อวิ๋นลี่ก็จากไป อ๋องเก้ามองภาพด้านหลังของหลี่อวิ๋นลี่ ความรู้สึกที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นในใจทันที

บนเสื้อผ้าหลี่อวิ๋นลี่ถูกเย็บปักด้วยด้ายสีทองเป็นมังกรสีทองพลิกตัวทะยานอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ แต่ว่าแท้ที่จริงแล้วสีของเสื้อผ้าคือสีม่วงเข้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า