ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 315

ตอนที่ 315 ทำการเลือก

“จูเก๋อหมิง หากพิษของหลวี่หนิงเป็นพิษที่พวกเราคุ้ยเคยกันดีจริงๆ เจ้าคิดว่ากุยเอ๋อก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่” ชูเซี่ยเอ่ยปากขึ้นมาทันที คำพูดที่ออกมากลับทำให้จูเก๋อหมิงประหลาดใจ

กุยเอ๋อถูกพิษจนไม่ได้สติ เขาและชูเซี่ยตรวจสอบหาสาเหตุอยู่ตลอด พวกเราคิดอยู่เสมอว่ากุยเอ๋อถูกฉ่ายเวินวางยาพิษชนิดอื่นเสียอีก แต่การตรวจวัดในเลือดของเขา นอกจากโจ้งจินซู่แล้วก็ไม่พบอย่างอื่นเลย

โจ้งจินซู่ ยังคงเป็นโจ้งจินซู่ที่ถูกพิษ ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่ง....

“ชูเซี่ย ที่เจ้าพูดมานี้อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ มิฉะนั้นพวกเราก็ไม่ถึงขนาดกับไม่มีต้นสายปลายเหตุสักทีเดียว หากเจ้ายังเคยพูดว่าเลือดของกุยเอ๋อกับตอนก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้แต่กต่างกัน”

“เชียนซาน ไปพบหลิงกุ้ยท่ายเฟย แล้วบอกว่าข้าหาต้นสายปลายเหตุที่จะแก้พิษให้กับกุยเอ๋อแล้ว” ชูเซี่ยหันกลับไปสั่งกับเชียนซาน กลับไม่คิดว่าเมื่อได้ยินแล้วเชียนซานกลับไม่นิ่งเงียบไม่ไหวติง เพียงมองที่ชูเซี่ยดูลังเลอยู่หลายครั้ง

“นายท่านเจ้าคะ ตอนนี้หลิงกุ้ยท่ายเฟยคุกเข่าอยู่ที่ประตูหน้าตำหนักของหรูกุ้ยเฟยเจ้าคะ ”

“นางไปที่นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เช้ามืดวันนี้เจ้าคะ หลายวันมานี้เด็กน้อยสติเลอะเลือนอยู่ตลอด หลิงกุ้ยท่ายเฟยก็ไม่ไปหาฉ่ายเวินเพคะ กลางดึกเมื่อคืนเด็กน้อยผุ้นั้นก็อ้อวกเป็นเลือดออกมาสองครั้ง ตอนนี้ลมหายใจร่อแร่เต็มทีเจ้าคะ ”

ดังนั้นหลิงกุ้ยท่ายเฟยจึงไม่ทางเลือกแล้วจริงๆ แต่ฉ่ายเวินคงรอให้หลิงกุ้ยท่ายเฟยยอมศิโรราบอยู่ตลอดเวลาสินะ

ตอนนี้นางให้หลิงกุ้ยท่ายเฟยคุกเข่าอยู่หน้าประตูตำหนักของตนเป็นเพียงการลงโทษที่ก่อนหน้านี้หลิงกุ้ยท่ายเฟยเคยยืนอยู่ที่ค่ายของตนเอง

แต่ลำบากที่สุดคงจะเป็นเด็กน้อยผู้น่าสงสารผู้นั้น

“ชูเซี่ยพวกเราเพียงแค่คาดเดา ผลสุดท้ายเด็กน้อยผู้นั้น....” จูเก๋อหมิงได้ฟังคำพูดของเชียนซาน ก็ยากที่จะมองหน้าชูเซี่ยได้

ที่เขาพูดมาคือเรื่องจริง ชูเซี่ยนำตัวเด็กน้อยมาก็ไม่แน่ชัดว่าจะสามารถรักษาเด็กน้อยนั้นให้หายดีได้ แต่เป็นฉ่ายเวินจะต้องสามารถช่วยได้อย่างแน่นอน เพราะพิษนั้นเป็นพิษที่นางวางลงไป

ยิ่งไปกว่านั้นเด็กน้อยผู้นั้นคือเหลียงกวางเสียง รักษาให้หายดีแล้วเขาล้วนไม่ยอมตายไปกับชูเซี่ยอย่างแน่นอน หากเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้นถึงตอนนั้นหากเขาต้องการแก้แค้น ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไขได้ดังที่เกิดขึ้นในราชวงศ์ก่อน

“เชียนซาน เจ้าไปกับข้า” ชูเซี่ยมองจูเก๋อหมิงแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ นางเอ่ยพูดกับเชียนซานด้วยน้ำเสียงที่เบาจบแล้วก็หมุนตัวออกจากตำหนักไป เชียนซานจึงเพียงทำตามคำสั่งแล้วเดินตามหลังนางไป

จูเก๋อหมิงรู้ถึงการตัดสินใจของชูเซี่ย กลับล้วนไม่เอ่ยอะไรออกมา และก็ไม่ออกจากตำหนัก เขารอชูเซี่ยนำตัวเด็กผู้นั้นกลับมาที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นเขาสามารถช่วยเหลืออยู่ห่างก็เพียงพอแล้ว

แต่มองเห็นด้านหลังของชูเซี่ย เขาก็ยังอดที่จะส่ายหัวไม่ได้ ชูเซี่ยไปแล้ว เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนไม่ใช่หมอที่แท้จริงดังเช่นในปันั้นอีกต่อไปแล้ว เขาเริ่มที่จะอยู่ท่ามกลางการพิจารณาว่าจะช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือไปแล้ว

เมื่อชูเซี่ยไปถึงหน้าประตูตำหนักของฉ่ายเวิน ฉ่ายเวินก็เปิดประตูออกมาพอดี

หลิงกุ้ยท่ายเฟยที่อยู่ในความสิ้นหวังก็พลันเห็นสองคนที่เหมือนแสงแห่งความหวังของตนเข้ามา นางโอบอุ้มกุยเอ๋อดิ้นรนอยู่ขึ้น มองยังชูเซี่ย อีกทั้งมองยังฉ่ายเวิน

ชูเซี่ยยังคงแต่งกายดังเช่นปกติ แต่ฉ่ายเวินกลับแต่งตัวอย่างงดงาม ผิวหนังที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้นล้วนได้รับการตกแต่งแล้ว สภาพผิวบนใบหน้าของนานนานวันยิ่งแย่ลง จุดนี้ไม่สามารถที่จะเล็ดรอดสายตาของชูเซี่ยไปได้

ดังนั้นเมื่อเห็นว่าชูเซี่ยมองใบหน้าของตนอยู่ นางก็ยิ้มออกมาอย่างประชดประชันให้กับชูเซี่ย หลังจากนั้นยิ้มอย่างมีลับลมคมในมองยังทางหลิงกุ้ยท่ายเฟย

“หลิงกุ้ยท่ายเฟยเข้ามาด้านในเถิด เรื่องที่ท่านขอร้องมาข้าสามารถทำให้ได้” เมื่อเอ่ยพูดออกมาฉ่ายเวินก็ยังมองยังเด็กน้อยที่แทบจะไม่มีการเต้นของชีพจรสักนิดเดียวในอ้อมกอดของหลิงกุ้ยท่ายเฟยแวบหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยด้วยไม่แยแส

หลิงกุ้ยท่ายเฟยเห็นฉ่ายเวินมองบุตรของตนเช่นนั้น มือที่โอบกอดบุตรเอาไว้ก็อดที่จะกำแน่นขึ้นมาไม่ได้

ฉ่ายเวินเห็นหลิงกุ้ยท่ายเฟยกังวลเช่นนั้น ใบหน้าก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างตั้งใจ ที่นางดึงเวลาไม่ยอมปรากฏตัวออกมาก็เป็นเพราะต้องการให้หลิงกุ้ยท่ายเฟยรู้ว่า ชีวิตบุตรของนางนั้นอยู่ในกำมือของตน ก่อนหน้านี้นางคาดคะเนชูเซี่ยได้ถูกว่าเพียงเป็นคนที่ไร้ประโยชน์อย่างมากเท่านั้น

แต่รอยยิ้มของฉ่ายเวินทำให้หลิงกุ้ยท่ายเฟยประหลาดใจและหวาดกลัว ขึ้นชื่อว่าเป็นมารดาความรู้สึกของนางไม่ผิดเป็นแน่ โดยหลักแล้วฉ่ายเวินก็ไม่ได้สนใจไยดีบุตรของตน ถึงแม้นางจะสามารถรักษาให้หายดีได้ แต่นางก็คงไม่มีทางที่จะทำให้ตนอยู่อย่างสงบใจเป็นแน่

หลิงกุ้ยท่ายเฟยมองยังทางชูเซี่ยเพื่อขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ความหวังที่นางอยากได้มากที่สุดคือชูเซี่ยบอกกับนางว่า สามารถช่วยเหลือกุยเอ๋อได้

แม้ว่านางเองก็เข้าใจว่าชูเซี่ยคงไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ มิฉะนั้นนางคงไม่แสดงฝีมือออกมา

เมื่อเห็นชูเซี่ยไม่มีปฏิกิริยา หลิงกุ้ยท่ายเฟยยอมรับชะตากรรมโอบอุ้มบุตรขึ้นแล้วเดินเข้าไปทางตำหนักของฉ่ายเวิน

ฉ่ายเวินเห็นว่าในที่สุดหลิงกุ้ยท่ายเฟยก็ยอมศิโรราบ โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าของชูเซี่ย นางก็วาดสายตาไปยังชูเซี่ยอย่างโอ้อวด แล้วก็เตรียมตัวหมุนตัวกลับไป

เดิมทีชูเซี่ยยังลังเล แต่เมื่อเห็นถึงสายตาที่เป็นทุกข์ทั้งดูสับสนของหลิงกุ้ยท่ายเฟย มองเห็นการก้าวเดินที่ดูโซเซทีละก้าวเดินเข้าไปทางตำหนักด้านในของฉ่ายเวิน จนที่สุดนางก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่ดูเบาบางว่า “ช้าก่อน”

หลิงกุ้ยท่ายเฟยหันหน้ากลับมาทันที ในสายตาที่ดูสิ้นหวังก็พลันเกิดความหวังที่เหมือนคบไฟที่ถูกติดขึ้นในคืนที่มืดมิด ทำให้ในใจของชูเซี่ยเจ็บปวด

“กุ้ยไทเฟย ในร่างกายของกุยเอ๋อมีพิษ ข้าได้สืบหาสาเหตุแล้ว”

ชูเซี่ยบอกความจริงอย่างตรงไปตรงมา ในเมื่อถึงตอนนี้แล้ว นางล้วนไม่มีความไม่มั่นใจที่จะแก้พิษของกุยเอ๋ออย่างร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม ดังนั้นคำพูดที่จะเอ่ยออกไปของนางจึงต้องระมัดระวังและรอบคอบ

เดิมทีฉ่ายเวินยังกังวลว่าชูเซี่ยนั้นจะสามารถหาวิธีที่จะแก้พิษได้จริงหรือไม่ กลับคิดไม่ถึงว่านางจะพูดออกว่าหาต้นสายปลายเหตุพบแล้ว ได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น ฉ่ายเวินก็เกือบที่จะหัวเราะออกมา

“ท่านพี่ช่างกล้าหาญยิ่งนักเพคะ ท่านคิดว่าหาต้นสายปลายเหตุได้แล้วก็จะสามารถช่วยเหลือเด็นคนนี้ได้หรือเพคะ ท่านก็ช่างไร้เดียงสา”

ชูเซี่ยไม่มีคำพูด คำพูดของฉ่ายเวินไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ตอนนี้พิษของกุยเอ๋อนั้นหนักหนาแล้ว จำเป็นจะต้องรีบแก้พิษ

ชูเซี่ยไม่มีคำพูดที่จะพูดอีกแล้ว นางเพียงมองยังหลิงกุ้ยท่ายเฟยอย่างเวทนา นางไม่รู้ว่านางสามารถเลือกที่จะทำอะไรได้ แต่ความคิดโดยสัญชาตญาณบอกว่าชัยชนะของตนนั้นมีน้อยมาก

“ท่านหมอเวิน ข้าจะกลับไปกับท่าน” หลิงกุ้ยท่ายเฟยให้คำตอบที่ชูเซี่ยคิดไม่ถึงออกมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อนางเอ่ยพูดออกมานั้นก็ยังมั่นใจอย่างมากอีกด้วย

“คงไม่แปลกที่ทุกคนล้วนเอ่ยว่าท่านโง่เขลา ในเวลาเช่นนี้ยังสามารถตัดสินใจที่จะทำอย่างนี้ได้” เมื่อฉ่ายเวินได้ยินคำพูดของหลิงกุ้ยท่ายเฟย ความตั้งใจที่มีก่อนหน้านี้ล้วนแข็งท่ออยู่บนใบหน้า ผ่านไปเป็นเวลานานนางจึงเพิ่งเอ่ยออกมาอย่างโหดร้าย

หลิงกุ้ยท่ายเฟยไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก เพียงยอมรับในชะตากรรมนั้นแล้วหมุนตัวกลับ เดินมาที่ข้างกายของชูเซี่ย แล้วได้ยินคำพูดของฉ่ายเวิน ใบหน้าของนางก็มีความเจ็บปวดแฝงขึ้นมาเล็กน้อย

ชูเซี่ยยื่นมือมารับตัวบุตรของหลิงกุ้ยท่ายเฟยเอาไว้ โอบกอดเอาไว้ในอ้ออมแขนแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ และหลิงกุ้ยท่ายเฟยก็เดินตามชูเซี่ยไปอย่างใกล้ชิด สีหน้าดูแน่วแน่อย่างไม่เคยมีมาก่อน

“พวกเจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง ข้าจะรอฟังข่าวการตายไปของเจ้าเด็กน้อยผู้นี้”

“อนาคตก็คือความโชคร้ายอย่างหนึ่ง ตายไปยังดีเสียกว่า”

คำสาปแช่งของฉ่ายเวินก็ถูกเอ่ยออกมาทีละประโยค ชูเซี่ยและหลิงกุ้ยท่ายเฟยกลับคล้ายว่าไม่ได้ยินใดๆ เลย

เมื่อใกล้ที่จะถึงตำหนักฉ่ายเหว่ย ชูเซี่ยจึงเปิดปากเอ่ยถามออกมาหนึ่งประโยคว่า “ทำไมท่านถึงเลือกข้าเช่นนั้นหรือ”

“พิษของกุยเอ๋อนางเป็นคนทำเอง นางจึงไม่สนใจว่ากุยเอ๋อจะอยู่หรือตาย” เห็นได้ชัดว่าหลิงกุ้ยท่ายเฟยไม่คิดว่าชูเซี่ยจะเอ่ยถามเช่นนี้ นางจึงเอ่ยตอบไปอย่างตรงไปตรงมา

“ขอบคุณที่ท่านเชื่อมั่นในตัวข้า ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ว่าข้าไม่รู้ถึงผลที่จะตามมา”

“ข้าทราบดี ข้าเพียงพนัน พนันว่ากุยเอ๋อของข้าไม่ยินยอมที่จากข้าไป”

ชูเซี่ยไม่ได้มองสีหน้าของหลิงกุ้ยท่ายเฟย แต่นางสามารถยืนยันได้แลยว่าตอนนี้นางจะต้องมองบุตรของตนอยู่อย่างแน่นอน สายตานั้นดูอ่อนโยน รอยยิ้มที่ดูรักใครทะนุถนอม

แต่ทว่ายังไม่ได้เข้าไปถึงด้านในของตำหนักฉ่ายเหว่ย กุยเอ๋อก็ชักกระตุกขึ้นมาอีกครั้งทันที ที่มุมปากมีเลือดสีดำทะลักออกมา มือของชูเซี่ยก็ถูกย้อมเป็นสีแดงทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า