ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 317

ตอนที่ 317 ลูกศิษย์ช่วยชีวิตคน

ในใจของชูเซี่ย อันหลันนั้นน่ารักอยู่ตลอด นอกจากครั้งที่แล้วที่ใช้จินเจินมู่สั่งสอนเฉินหยวนชิ่ง แต่ครั้งนี้กลับต้อการให้นางลงโทษตนเองทันที นางจึงคิดถึงเฉินหยวนชิ่งทันที แล้วก้มตัวลงเอ่ยถามว่า “ไม่ใช่ว่าเฉินหยวนชิ่งเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้วหรือ”

ครั้งก่อนอานเหยียนบอกกับนางว่าเมื่อตอนที่เขาฝังเข็มลงบนตำแหน่งก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าหลายวันนี้ร่างกายทั้งหมดของเฉินหยวนชิ่งจะต้องเจ็บปวดเจียนตาย และคนที่สามารถหยุดความเจ็บปวดให้เขาได้นั้น นอกจากชูเซี่ยก็เหลือเพียงอานเหยียน

หลายวันมานี้เฉินหยวนชิ่งกลับไม่ได้เข้ามาขอร้อง หรือว่าจะเป็นอานเหยียนที่ไปก่อเรื่องอันใดขึ้นอีกแล้วกันแน่

“คนที่หยิ่งยโสเช่นนั้นอย่างเขา ไม่เจ็บถึงแปดวันสิบวันก็ยังถือว่าไม่รู้จักการพ่ายแพ้สินะ อาจารย์ท่านก็รอดูเขาเวลาอ่อนแอเถิดเจ้าคะ” ได้ยินชูเซี่ยพูดถึงเฉินหยวนชิ่ง ใบหน้าของอานเหยียนก็ดูมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม แม้จะรู้ว่าตนเองใช้จินเจินมู่แก้แค้นเฉินหยวนชิ่งนั้นจะไม่ถูกต้อง แต่เขามีความมั่นใจอย่างมากต่อฝีมือการรักษาโรคของตน

“งั้นเจ้าทำเรื่องอันใดขึ้นอีกแล้วหรือ” ชูเซี่ยนั้นเชื่อในคำพูดของอานเหยียนแน่นอน ความพยายามและเอาจริงเอาจังในหลายวันมานี้ของเขาล้วนอยู่ในสายตาของนาง แน่นอนย่อมรู้ว่าเมื่ออานเหยียนลงมือเฉินหยวนชิ่งก็ไม่สามารถที่จะหนีรอดได้ เช่นนั้นเป็นเรื่องอันใดอีกที่จะทำอานเหยียนมาขอการลงโทษจากนางก่อนเช่นนี้

ชูเซี่ยรู้ว่าเรื่องนี้จะต้องใหญ่หลวงแน่นอน แต่สีหน้าของอานเหยียนกลับดูสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง ทำให้นางยิ่งคิดก็ยิ่งหาสาเหตุไม่ได้

“ข้าออกไปรักษาคนไข้ด้านนอกมาเจ้าคะ” อานเหยียนตอบอย่างซื่อตรง หลังจากพูดเสร็จก็ก้มหัวลงไปเพื่อรอไฟแห่งความโกรธของชูเซี่ย

“อานเหยียน เจ้าเพิ่งเรียนวิชาแพทย์ได้ไม่กี่วัน เจ้าจะสามารถทำได้อย่างไร.... เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากลงมือโดยสะเพร่า สามารถปลิดชีวิตคนได้ เจ้าช่าง....” เมื่อชูเซี่ยได้ยินคำพูดของอานเหยียนสีหน้าก็ล้วนเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นสีหน้าที่ยอมรับชะตากรรมของอานเหยียนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ในใจของนางก็เหมือนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา

แม้ว่าพวกเขาล้วนจะพยายามปกป้องอานเหยียนอันอวี้และคู่แฝด แต่ตอนนี้สถานการณ์ยิ่งมีคนเล่นลูกไม้ นั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้ อีกทั้งคนที่สามารถสัมผัสถึงอานเหยียน จะเป็นคนปกติทั่วไปได้ที่ไหนกัน เขาจะสะเพร่ารับการรักษาได้เช่นไรกัน

“อานเหยียน เจ้า.....” ชูเซี่ยนั้นไม่รู้ว่าต้องพูดเช่นไรแล้ว ก่อนหน้านี้นางก็เคยบอกกับอันหลันแล้วว่าสามปีที่เรียนวิชาแพทย์ไม่สามารถลงมือรักษาโรคได้ก่อน แต่ว่าเขา....

“อาจารย์ ที่ข้าใช้เป็นตำรายาของท่าน คนได้อาการดีขึ้นแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้ว แต่ขอให้อาจารย์ลงโทษข้าด้วยเถอะ”

อานเหยียนเห็นสีหน้าที่ร้อนใจของชูเซี่ย ก็รีบเอ่ยขึ้น เอ่ยพูดจบแล้วก็ก้มหน้าลงไป คุกเข่าอยู่ที่นั่นเหมือนรอรับการลงโทษจากชูเซี่ย

“อานเหยียน ความจริงแล้วเจ้าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเรียนวิชาแพทย์ แต่ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า ในเมื่อครั้งนี้เจ้าโชคดีที่ประสบผลสำเร็จ ข้าก็ไม่อาจยอมตามใจให้เจ้าก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ได้” ชูเซี่ยก้มตัวลงเอ่ยพูดกับอานเหยียนด้วยท่าทีทีดูจริงจัง

“อาจารย์ข้ารู้แล้ว อานเหยียนยินยอมที่จะน้อมรับบทลงโทษ โดยไม่มีข้อโต้แย้งขอรับ” น้ำเสียงที่พูดแต่ละคำในประโยคของอานเหยียนดูเอาจริงเอาจังอย่างมาก

เมื่อมองดูความรู้ความของอานเหยียน ชูเซี่ยก็ใจอ่อนลงบางส่วนทันที แต่นางยังพูดกับอานเหยียนว่า “คุกเข่าอยู่ที่นี่ แล้วนำหนังสือ 《อีจิง》และ《จินเจินมู่》ทั้งสองเล่มคัดลอกห้ารอบ”

ตามคำสัญญาก่อนหน้านี้ระหว่างชูเซี่ยและอานเหยียน หากว่าเขาทำสิ่งใดโดยไม่ยั้งคิดจะต้องถูกโบย แต่สุดท้ายแล้วชูเซี่ยก็ยังคงใจอ่อน

“ขอบคุณท่านอาจารย์ ต่อไปอานเหยียนไม่รับรักษาโรคตามอำเภอใจอีกแล้ว” อานเหยียนพูดจบก็หยิบกระดาษและพู่กัน รวมถึง《อีจิง》และ《จินเจินมู่》ขึ้นมา ชูเซี่ยก็นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา มองร่างกายเล็กๆ ของเขาที่ตั้งหน้าตั้งตาคัดลอกอย่างเอาจริงเอาจัง

“อานเหยียน สามารถบอกกับอาจารย์ได้หรือไม่ว่าเจ้าไปรักษาโรคใหผู้ใด” ชูเซี่ยยังคงไม่วางใจ เตรียมตัวที่จะไปดูอาการคนที่ถูกอานเหยียนรับรักษาโรค

“กุยเอ๋อขอรับ ก็คือบุตรชายของหลิงท่ายกุ้ยเฟย” อันหลันได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้นมองชูเซี่ย เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบา

ชูเซี่ยมองอานเหยียนอย่างตื่นตระหนกตกใจ เอ่ยอย่างตื่นเต้นขึ้นมาว่า “เจ้าเขียนตำรับยานั้นออกมาให้ข้าดูทีสิ”

อานเหยียนจึงเขียนตำรับยาของตนเองออกมาอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นก็ยื่นส่งไปที่มือของชูเซี่ย เป็นตำรับยาที่นางและจูเก๋อหมิงหารือกันเมื่อวันก่อน

“เขาไม่มีทางที่จะกินอาหารได้ด้วยตนเอง แล้วเจ้าทำเช่นไรถึงป้อนยาให้กับเข้าลงไปได้” ชูเซี่ยเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้

“นมวัวขอรับ อันยี่ก็ชื่นชอบการดื่มนมวัว ข้าเห็นว่าเขาไม่มีทางที่จะกินอาหารได้ก็เลยไปหานมวัวมาสักเล็กน้อย แล้วก็ผสมยาลงไปในนนวัวแล้วป้อนให้กับเขาลงไปขอรับ ”

“เหลียงกวางเสียงก็ยินยอมงั้นหรือ” คิดถึงท่าทีก่อนหน้านี้ของเหลียงกวางเสียงที่มองตนอย่างระแวดระวัง ในใจของชูเซี่ยก็ยิ่งเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น

“พวกเขายุ่งอยู่กับการทะเลาะเบาะแว้ง ถึงไม่มีเวลาที่จะมองข้ากับกุยเอ๋อ ข้าเห็นปากของเขามีการเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าหิวแล้ว หลังจากนั้นก็ต้มยาและนนวัวแล้วป้อนให้กับเขาขอรับ”

ชูเซี่ยอดไม่ได้ที่จะชมเชยด้วยความประหลาดใจกับความโชคดีของอานเหยียน หากไม่ใช่ว่าเขาเป็นทายาทของอ๋องเจิ้นกั๋ว ต้มยาและนมวัวอยู่ภายในตำหนักเซิน เรื่องราวประเภทนี้เดิมทีเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว หากไม่ใช่หลิงท่ายกุ้ยเฟยและเหลียงกวางเสียงคิดเห็นตรงกันข้าม กลัวว่าอานเหยียนคงไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้

นี้เป็นครั้งแรกที่อานเหยียนออกไปรักษาคนไข้ด้านนอก เป็นโชคดีที่ไม่เกิดปัญหาที่ยุ่งยากขึ้น เก็บคุณค่าของความสำเร็จในด้านดีและไม่ดีได้

“ตอนนี้กุยเอ๋ออาการเป็นเช่นไรบ้างแล้วหรือ” ชูเซี่ยที่คิดถึงปัญหาที่ไม่มีทางแก้ก่อนหน้านี้ของตน จึงอดที่จะถามขึ้นไม่ได้

“การเต้นของชีพจรเป็นปกติดีแล้วขอรับ ดื่มยาอีกสักสองวันก็น่าที่จะไม่มีปัญหาแล้ว แต่การถูกพิษก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างหนัก จำเป็นต้องให้ท่านอาจารย์ลงมือถึงสามารถรักษาได้ขอรับ”

“เจ้ายังรู้ว่าจำเป็นต้องให้อาจารย์ลงมือเองสินะ ข้ายังคิดว่าสิ่งใดเจ้าก็ล้วนสามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องรออาจารย์ก่อนซะเสียอีก” เมื่อเห็นว่าอานเหยียนตั้งใจแสดงท่าทางที่ดูหยิ่งยโสขึ้นมา ชูเซี่ยก็อดที่จะไม่พอใจจนเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้นไม่ได้

“อาจารย์ อานเหยียนสำนึกผิดแล้วขอรับ หลังจากนี้ไม่กล้าอีกแล้วขอรับ” อานเหยียนรีบก้มหน้าลง แล้วตั้งตาตั้งตาคัดลอกหนังสือ 《อีจิง》อย่างตั้งใจ

แต่ตั้งใจได้ไม่นาน เขาก็เริ่มนวดขาของตนเองไม่หยุด จับที่แขนของตนเอง ท่าทางคล้ายกับเหนื่อยล้า ชูเซี่ยมองที่เขา แล้วอดที่เอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “ครั้งนี่เห็นแก่เจ้า อาจารย์จึงละเว้นให้แต่ครั้งต่อไปเจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้อีก ”

อานเหยียนคลายความกังวลที่มีลง ดีใจจนเกือบที่จะต้องกระโดขึ้นมา ชูเซี่ยเห็นท่าทางที่ดีอกดีใจของเขา ในใจก็อดที่จะกระโดโลดเต้นเหมือนนกน้อยที่กำลังมีความสุขไม่ได้ อานเหยียนเด็กน้อยผู้นี้ช่างเป็นหมอโดยกำเนิดเสียจริง ตนเองเก็บของล้ำค่าได้เสียแล้ว

อานเหยียนเพิ่งจากไป หลี่ฉางอันผู้ซึ่งน้อยครั้งจะเข้ามาในตำหนักฉ่ายเหว่ยก็มาของเข้าพบ แล้วรายงานว่าไม่พบตัวเสี่ยวเชี่ยนแล้ว

“ไม่ใช่ให้คนเฝ้าติดตามแล้วหรือ หากมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติที่พระตำหนักหลันจื่อจะตำหนิคนที่ช่วยเหลือหรือไม่” ชูเซี่ยล้วนเกือบที่จะต้องหลงลืมไปแล้วว่าหญิงสาวผู้นั้นในพระตำหนักหลันจื่อมีชื่อว่าเสี่ยวเชี่ยน เดิมนางคิดว่าว่านเหลียงกลับมาแล้ว แผนการของฉ่ายเวินก็ล้มเหลวลงแล้ว เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่มีอันตรายไปชั่วคราว กลับไม่คิดว่า.....

คิดคิดหลายวันก่อนที่พบกับใบหน้าที่เปื่อยเน่าของฉ่ายเวินนั้น ชูเซี่ยเพียงคิดว่าช่างน่าหดหู่ใจเป็นอย่างมาก

“ด้านนอกโดยรอบพระตำหนักหลันจื่อไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆทั้งสิ้น ทั้งก็ยังไม่มีผู้ใดเข้าออก คนของพวกเราคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา” หลี่ฉางอันก็ข้อใจอย่างมาก เสี่ยวเชี่ยนคือคนที่มีชีวิต คงไม่สามารถที่จะระเหยหายจากโลกไปได้

“ตรวจสอบในพระตำหนักหลันจื่อแล้วใช่หรือไม่ มีเส้นทางลับที่ใดหรือไม่”

“ข้าน้อยตรวจสอบแล้วขอรับ ทางลับนั่นคืนวานได้พังไปแล้ว น่าจะเป็นการใช้เส้นทางลับนั้นหลบหนีไปขอรับ”

“แล้วทางหรูกุ้ยเฟยเป็นเช่นไร....”

“ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขอรับ” หลี่ฉางอันรู้ฌดยทันทีถึงความหมายทั้งหมดของชูเซี่ย ก่อนมาที่นี่เขาก็ไปสอบถามกับองค์รักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูตำหนักของหรูกุ้ยเฟยมาโดยเฉพาะแล้ว

“รีบซ่อมแซมเส้นทางลับให้กลับมาใช้การได้ให้เร็วที่สุด เรื่องอื่นข้าจะคิดหาทางเอง” หลังจากที่ชูเซี่ยออกคำสั่งเสร็จก็เพิ่งพบว่าตนเองถูกทำให้ตกใจตนร่างกายเย็นเสียบชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ไม่พบตัวเสี่ยวเชี่ยนแล้วบ่งบอกถึงสิ่งใดชูเซี่ยนั้นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง นั่นคือสิบห้าชีวิตของคนที่ยังลมหายใจ

ตอนนี้นางเพียงหวังว่าตนเองจะสามารถเร่งรีบได้ ทั้งยังตามหาหญิงสาวทั้งสิบห้าคนนั้นพบเร็วขึ้น ก่อนที่พวกนางจะยังคงไม่ถูกฆาตกรรม

แต่วังหลวงที่กว้างใหญ่เช่นนี้ นางต้องลงมืออยู่ที่ใดกันหรือ

ฉ่ายเวินแอบซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดไม่เปิดเผยออกมา ทั้งนางยังอยู่ที่ไหนที่ตามหาจุดลงมือนั่นพบ

นางใช้สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ค่อยๆคิดพิจารณาหาแนวทางออกมา หากมีเส้นทางลับ พวกเขาสามารถผ่านเส้นทางลับแล้วตามหาคนพบ หากไม่มีเส้นทางลับ ถ้าอย่างนั้นฉ่ายเวินเก็บคนเหล่านั้นไว้ที่ใด

ชูเซี่ยคิดต้นสายปลายเหตุไม่ออกสักนิดเดียว ขอแต่อยากพบตัวหญิงสาวทั้งสิบห้าคน นางล้วนคิดว่าในหัวของตนระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า