ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 319

ตอนที่ 319 ลูกไม่มีแล้ว

สุดท้ายแล้วชูเซี่ยก็ไม่ได้ใจอ่อน ในเมื่อถึงตอนสุดท้ายแล้วคู่แฝดก็ล้วนจำต้องงัดใช้ไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้แล้ว

ดังนั้นแน่นอนว่าไม้ตายสุดตายนั้นไม่สามารถทำลายความตั้งใจของชูเซี่ยได้ ก็เป็นเพราะว่าการแสดงที่ตีโพยตีพายโวยวายของพวกเขานั้นแสดงอย่างไม่สมจริงอยากมาก หรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นเพราะนางเป็นมารดาของพวกเขา นางจึงรู้ดีว่าคู่แฝดรักทะนุถนอมตนเองมากโดยไม่ยอมให้ตนได้รับการใส่ร้ายหรือความไม่เป็นธรรมแม้นิดเดียวอย่างเด็ดขาด

ชูเซี่ยไม่ได้ประนีประนอม แต่ก็เห็นได้ชัดจากการมองพวกเขาแสดงละครฟังพวกเขาพูดเรื่องไร้สาระก็เป็นพลังที่มีชีวิต ดังนั้นชูเซี่ยยืนยันว่าหลังจากที่พวกเขาไม่ยอมประนีประนอมก็จะไปที่ห้องนอน ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในตำหนักใหญ่ไป

มองเห็นท่านแม่ของตนจากไปแล้ว คู่แฝดที่เพิ่งแสร้งร้องไห้อย่างดูน่าสงสารเมื่อครู่ก็สบตากับแวบหนึ่ง สีหน้าปรากฏรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความลึกล้ำออกมา

ชูเซี่ยคิดว่าเด็กน้อยทั้งสองก่อความวุ่นวายพอแล้วก็จะต้องยอมประนีประนอมเป็นแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาถือโอกาสที่ตนเองเข้านอนวิ่งหนีออกไป

เมื่อรอให้นางตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาค่อนคืนแล้ว นางเห็นคู่แฝดไม่ได้อยู่บนเตียง ก็รีบลงจากเตียงตามหา ในตำหนักไม่มีคน สอบถามกับองค์รักษ์ก็เพิ่งรู้ว่าพวกเขาไปพบฮองไทเฮาแล้ว

ชูเซี่ยรู้สึกเสียใจภายหลังบ้างแล้วว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดถึงการยืมมือของบุคคลที่สาม ในเมื่อเป็นวิธีการขอหลี่เฉินเย่น เช่นนั้นก็ให้คู่แฝดไปพบกับฮองไทเฮาอีกก็คงดีไม่น้อย ถึงตอนนั้นให้ไทเฮาคิดบัญชีกับหลี่เฉินเย่น

คิดถึงพรุ่งนี้ที่หลี่เฉินเย่นและตนจะต้องลำบากใจเช่นเดียวกัน ชูเซี่ยที่คับอกคับใจก็พลันดูสบายใจขึ้นมาไม่น้อย

แต่ความสบายใจนี้ก็เป็นความสำเร็จที่รักษาไว้ได้เพียงค่อนคืนเท่านั้น เพราะเช้าตรู่ของวันที่สอง ไทเฮาก็รีบให้หวั่นเหนียงมารับเด็กน้อยทั้สองไปแล้ว

“เมื่อคืนก่อนเด็กน้อยทั้งสองก็ไปที่ตำหนักของไทเฮาแล้วนิเจ้าคะ” ชูเซี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีนางไม่คิดว่าคู่แฝดจะไม่ไปที่ตำหนักของไทเฮา

คิดถึงเรื่องราวเมื่อวานที่พวกเขายังทำไม่เสร็จเรียบร้อย ในใจของชูเซี่ยก็กังวลขึ้นมาอีกครั้ง

แม้ว่าเด็กทั้งสองจะดูน่ารักฉลาดหลักแหลม กลับเชื่อฟังโดยตลอดน้อยครั้งที่จะทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย ยิ่งไม่เคยมีคืนใดที่ไม่กลับานอนที่ตำหนัก

“เมื่อวานในตำหนักของไทเฮาเป็นข้าที่อยู่เวร แท้จริงแล้วไม่เห็นองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยออกไปเลยเพคะ” เมื่อได้ยินคำพูดของชูเซี่ย หวั่นเหนียงกลัวจนล้วนที่แทบจะยืนอยู่ไม่ไหวแล้ว

“เมื่อวานผู้ใดเป็นคนส่งคู่แฝดไปที่ตำหนักของไทเฮารีบให้พวกเขามาพบข้าเดี๋ยวนี้” ชูเซี่ยตะโกนอย่างรีบร้อนเอ่ยกับองค์รักษ์ที่อยู่ด้านนอก

“พวกเราต้องส่งพวกเขาไป แต่พวกเขาพูดว่าไม่ต้องการพะย่ะคะ พวกเราคิดว่าตำหนักทั้งสองแห่งห่างไกลกันไม่มาก ดังนั้นจึงไม่ได้ไปส่งพะย่ะคะ” องค์รักษ์ผู้หนึ่งก็เร่งรีบเข้ามา ไม่รอให้ชูเซี่ยเอ่ยปาก ก็รีบพูดรายงานอย่างรวดเร็ว

ก่อนนี้คู่แฝดล้วนเดินทางไปมาระหว่างตำหนักของไทเฮาและชูเซี่ยด้วยตนเอง แต่ไหนแต่ไรล้วนไม่ได้มีคนคุ้มกันไปส่ง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเฉลียวฉลาดกว่าปกติทั่วไป ในเมื่อมีคนที่ใจซ่อนเร้นวัตถุประสงค์ที่ไม่ดี สุดท้ายเคราะห์ร้ายนั้นก็อาจเป็นของผู้อื่น ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาองค์รักษ์ในตำหนักจึงล้วนไม่กังวลว่าจะเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงกับนายน้อยของพวกเขาขึ้น

“ตอนช่วงยามไฮ่จิงโม่พูดว่าต้องการอยากที่จะกินหว่านโต้วฮ่วงในตำหนักของไทเฮา ต้องการให้ฉางเหลาไปเป็นเพื่อนนาง พวกเราจึงคิดว่าไม่ได้มีสิ่งใดที่ผิดปกติ ดังนั้น....” เมื่องค์รักษ์ผู้นั้นเห็นชูเซี่ยจ้องมองตนเขาก็ไม่พูดอะไรอีก และยังรู้อีกว่าเด็กน้อยทั้งสองนั้นหายตัวไปแล้ว ดังนั้นจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้น

“เรื่องนี้ไม่โทษเจ้า พวกเรายอทที่จะจากไปเอง ก็เป็นเช่นเจ้าและคนที่อยู่ด้านหลัง พวกเราก็มีวิธีที่จะนำเจ้าโยนออกไป” ชูเซี่ยเห็นสีหน้าที่ล้วนเปลี่ยนเป็นซีดขาวเพราะความหวาดกลัว สุดท้ายยังคงก็ข่มความกังวลในใจเอาไว้ ปลอบใจก่อนแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรกับองค์รักษ์น้อยผู้นี้ดี

“ไปรายงานให้หลี่ฉางอันทราบ ให้ตามหาคู่แฝดทั่ววังหลวง” เวินเอ่ยออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เบาแล้วหมุนตัวนั่งลง เพียงคิดว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น นางก็ยืนล้วนยืนแทบไม่ไหว นางนั่งลงบนเก้าอี้ สักพักก็แตะลงที่ลายที่ถูกเย็บปักบนปลายแขนเสื้อ ในหัวล้วนเต็มไปด้วยท่าทางทีงดงามเฉิดฉายน่าหลงใหลของเก็กน้อยทั้งสองคนและเสียงพูดคุยอันใสแจ๋ว

ชูเซี่ยรอคอยข่าวคราวจากหลี่ฉางอันอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อรอจนใกล้จะบ่ายคล้อยแล้ว หลี่ฉางอันยังคงไม่พบร่องรอย และก็ไม่พบว่าคู่แฝดนั้นกลับมา

ชูเซี่ยประคับประคองร่างกายของตนให้ลุกขึ้นอย่างลำบากยากเข็ญ เห็นหวั่นเหนียงที่ใบหน้ายังคงร้อนใจยืนอยู่ที่นั้น นางก็รีบเอ่ยสั่งว่า “หวั่นเหลียง ท่านกลับไปก่อนเถิด อย่าทำให้ไทเฮาทรงรออย่างร้อนใจเลย ท่านก็พูดว่าเด็กน้อยทั้งสองฝ่าฝืนทำความผิด ข้ากำลังลงโทษพวกเขาอยู่ วันนี้อาจจะไม่สามารถไปพบได้ ”

“ข้าล้วนลืมไปแล้วว่าควรบอกกับไทเฮาสักนิดเสียก่อน ข้าไปก่อนแล้วกันนะเพคะ รอไม่นานข้าก็จะกลับมา ท่านให้คนแจ้งฝ่าบาทให้ทรงทราบเถอะเพคะ” หวั่นเหนียงอดที่จะเอ่ยเตือนสติไม่ได้

ชูเซี่ยพยักหน้าอย่างสับสน รอหวั่นเหนียงจากไปแล้ว นางก็เรียกองค์รักษ์เข้ามา อยากที่จะให้เขาไปแจ้งแกฝ่าบาทให้ทราบ แต่คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยกลับล้วนไม่รู้ว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกมา

นางรู้ดีว่าคู่แฝดไม่ปกติล้วนน่ากังวลอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นหลี่เฉินเย่น นางก็ไม่รู้ว่าต้องพูดเช่นไรที่จะทำให้หลี่เฉินเย่นสามารถตั้งรับกับข่าวนี้ได้

ชูเซี่ยคิดไปคิดมา จนในที่สุดก็ยังตัดสินใจปิดบังกับหลี่เฉินเย่น

ชูเซี่ยยังคาดหวังว่าคู่แฝดอาจจะกลับมาอย่างฉับพลันทันที นางรู้ดีว่าที่จริงแล้วในตำหนักไม่มีที่ใดที่จะสามารถกักขังพวกเขาได้ แต่รอจนถึงยามอิ้วคู่แฝดก็ยังไม่กลับมา กลับเป็นเชียนซานที่ได้ยินข่าวจากองค์รักษ์ของพรรคมังกรเหินทางนั้นแล้วรีบเข้ามา

เมื่อตอนที่เชียนซานได้ยินข่าวนี้จูเก๋อหมิงกำลังตรวจรักษาให้กับหลวี่หนิง ดังนั้นทั้งสองจึงเดินทางมาดูพร้อมกัน ระหว่างทางที่เดินทางมาที่นี่พวกเขาก็พบเข้ากับจูฟางหยวน หลายวันมานี้เขาไม่ได้พบกับคู่แฝดเลยกำลังจะเข้าวังมาเช่นกัน กลับคิดไม่ถึงว่าครึ่งทางก็ได้ยินข่าวคราวว่าเด็กน้อยหายไป

“นายท่าน จากเมื่อวานคนของเราก็จับตาดูฉ่ายเวินอยู่ที่นั่นแล้ว นางยังไม่ได้ลงมือ ดังนั้นท่านโปรดวางใจเถอะเจ้าคะ” เมื่อเข้ามาในตำหนักเชียนซานก็ดึงมือของชูเซี่ยมากุมไว้ ความรู้สึกของการตกตะลึงที่สัมผัสได้ทำให้นางรู้สึกผิดไม่หยุด เป็นถึงคนปรนนิบัติของนายท่าน ตอนที่นางต้องการมากที่สุดกลับไม่ได้อยู่ข้างกาย

ชูเซี่ยเพียงพยักหน้าอย่างมึนงง นางไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก กลัวว่าตนจะอดไม่ได้ที่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา

ในเวลาหนึ่งวันที่รอข่าวคราวนางคิดเรื่องต่างๆมากมาย หลายปีมานี้นางล้วนไม่เคยคิดว่าคู่แฝดจะแยกจาตนไป

จูฟางหยวนเห็นท่าทางที่ตื่นตระหนกของชูเซี่ย ก็อดที่จะเอ่ยเตือนสติไม่ได้ว่า “ชูเซี่ย หุบเขาหมาป่าเด็กน้อยทั้งสองล้วนสามารถไปกลับได้อย่างสบาย ในวังหลวงไม่มีเรื่องราวอันใดที่จะสามารถกักขังพวกเขาไว้ได้ ดังนั้นเจ้าควรที่จะวางใจ”

ชูเซี่ยเอาแต่พยักหน้าไม่หยุด นี่ก็เป็นเหตุผลที่นางโน้มน้าวตนเองไม่ให้กังวลอยู่ไม่รู้กี่รอบ แต่เหตุผลนี้เมื่ออยู่ในตอนที่บุตรสูญหายไป ความจริงตรงหน้าที่ว่านี้ไม่ได้มีผลใดๆขึ้นมาเลย

จูเก๋อหมิงก็อยากที่จะเอ่ยปากโน้มน้าวชูเซี่ย แต่รอให้เขาเอ่ยปากแล้ว กลับพบว่าตนเองล้วนไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้เลย

“ฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้แล้วสินะ” เชียนซานเหมือนกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ก็เอ่ยถามเสียงเบากับชูเซี่ย

ชูเซี่ยเงยหน้ามองเชียนซาน พลันน้ำตาก็ไหลลงมาทันที

นางยังคิดไม่ตกว่าต้องพูดกับหลี่เฉินเย่นเช่นไรดี ยิ่งไม่รู้ว่าต้องเอ่ยปากเช่นไร

นางรู้ดีกว่าผู้ใดว่าคู่แฝดมีความสำคัญเพียงใดในใจขอหลี่เฉินเย่น ในเมื่อเป็นสิ่งที่เขาให้กำเนิด หากเขารู้แล้วละก็.....

ชูเซี่ยทราบดี หากคู่แฝดไม่กลับมาอีก ก็คงไม่ปิดบังต่อไปไม่ได้จริง ๆ แล้ว

นางต้องทำเช่นไร....

เพราะน้ำตาของชูเซี่ยทำให้คนที่อยู่ในตำหนักใหญ่ตกอยู่ท่ามกลางของความเงียบสงบ ไม่มีใครสนใจเลยว่า ที่ประตูของตำหนักมีบุคคลหนึ่งยืนแข็งทื่ออยู่ เพราะการร้องไห้ที่สะอึกสะอื้นของชูเซี่ยก็ทำให้เขาสั่นเทาไม่หยุด

สายตาที่ตึงเครียดของเขาเพ่งไปยังชูเซี่ยที่ทำอะไรไม่ถูกที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ใจถูกความเจ็บปวดฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ

เมื่อตอนบ่ายเขาก็ตรวจพบความผิดปกติขององค์รักษ์มังกรเหิน เข้าคิดว่าในวังหลวงเกิดเรื่องราวอันใดขึ้น เขาจึงเร่งรีบจัดการเรื่องในมือให้เสร็จสิ้นแล้วรีบร้อนเดินทางมา กลับคิดไม่ถึงว่า ยังไม่ได้เข้าตำหนักฉ่ายเหว่ย เขาก็รู้แล้วว่าบุตรของตนไม่อยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า